เมื่อคืนวันที่ 4 พ.ย. ระหว่างที่ผมขับรถเพื่อกลับไปทำงานแถวพัทยา สัตหีบเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม โดยปรกติผมจะใช้ทางด่วนบูรพาวิถีเป็นประจำเพราะไม่ค่อยชอบ Motorway สักเท่าไหร่นัก เส้นทางที่ผมใช้เมื่อคืนคือทางด่วนเฉลิมมหานครมุ่งหน้าบางนา-ตราดแล้วแยกออกตรงทางแยกเพื่อจะไปรามอินทราและชลบุรี ถ้าใครเคยใช้เส้นทางนี้จะพบว่าพอเลยแยกไปแล้วรถจะน้อยและจะมีโค้งขวา โค้งซ้ายกว้างและโค้งขวาที่สามารถใช้ความเร็วได้อย่างสนุกสนานพอสมควรด้วยสมรรถนะของรถ BMW
ระหว่างที่เข้าโค้งซ้ายกว้างผมก็ได้ยินเสียงยางขูดซุ้มล้อนิดหน่อย ซึ่งเป็นปกติเพราะยังไม่ได้เอาไปแก้ แต่วันนี้มันแปลกตรงที่มีเสียงเหมือนอะไรหลุดแล้วก็กลิ้งอยู่ในซุ้มล้อแล้วก็เงียบไป ตามมาด้วยเสียงแก็กๆตามจังหวะล้อหมุน
ผมวิ่งมาตามเส้นสีแดง เครื่องหมายลมยางคือจุดที่ทับอะไรซักอย่าง
ระหว่างที่กำลังจอดชิดซ้ายเพื่อลงไปดูในใจก็คิดถึงบิลบัตรเครดิตที่เพิ่งจ่ายไปเมื่อต้นเดือนและที่กำลังจ่อจะตัอรอบอีกไม่กี่วัน อะไรหลุด? ฝาล้อชุดละเกือบสามพัน? ยางฉีก ช่วงล่างพัง ล้อพัง ฯลฯ
เมื่อลงไปดูที่ล้อก็ไม่เห็นความเสียหายใดๆ ทุกอย่างดูปกติ มีแค่เสียงลมที่รั่วออกมาจากยางเลยคิดว่างานหมูๆ สงสัยเหยียบน็อตหรือตะปู เอาล้ออะไหล่มาเปลี่ยนแล้วลงไปปะก็จบ
ว่าแล้วก็จัดแจงเอาสามเหลี่ยมฉุกเฉินมากางกันโดนสอยข้างหลังระหว่างก้มเปลี่ยนยาง จัดการเตรียมคลายน็อตก่อนขึ้นแม่แรง ระหว่างที่เริ่มคลายน็อตด้วยกากบาทใหม่เอี่ยมที่ซื้อมาจากแผนกประดับยนต์ห้างตัวซีใหญ่ผมก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความตึงมือและความยากเย็นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในประสบการณ์การเปลี่ยนยาง น็อตแต่ละตัวแทบจะไม่กระดิก จะไปยืนขย่มก็กลัวน็อตจะขาด เดี๋ยวจะยุ่งไปกันใหญ่ แต่พอดูจากลมที่รั่วแล้วน่าจะพอขับไปถึงด่านจ่ายบัตรทางด่วนได้ ก็เลยเก็บข้าวของใส่รถแล้วก็ขับไปต่อ ระหว่างขับลมก็รั่วออกไปเรื่อยๆ เสียงแก็กๆตามจังหวะล้อก็ดังขึ้นเรื่อยๆ พอลงไปดูก็ไม่เห็นมันมีอะไรมาขัดกัน แปลกมากๆ
ในที่สุดก็มาถึงด่าน ให้เจ้าหน้าที่เรียกกู้ภัยทางด่วนมาช่วยเผื่อจะมีเครื่องมือที่ดีกว่า ส่วนผมก็มาขึ้นแม่แรงที่รถรอไว้เพราะลมรั่วออกหมดแล้วเดี๋ยวแก้มยางพัง ระหว่างนี้ก็สอดส่องดูว่ามันรั่วมาจากตรงใหน แล้วก็เจอเจ้านี่ คงเป็นน็อตหรือตะปู แล้วเสียงมาจากใหน??
สักประมาณ 20 นาทีกู้ภัยทางด่วนก็มาถึง พี่แกจะลากรถผมลงไปข้างล่างแต่ผมบอกผมมียางอะไหล่ เปลี่ยนยางแล้วขับลงไปปะจะง่ายกว่า ว่าแล้วพี่แกก็ช่วยเปลี่ยนเลยโดยใช้กากบาทตัวเก่งของผม ขันยังไงน็อตก็ไม่กระดิกจนพี่แกต้องขึ้นไปยืนขย่มบนกากบาทและในที่สุดกากบาทก็ทนแรงขย่มไม่ไหว หลุดกลายเป็นตัว I สองตัว ดีไม่เข้าหน้าพี่เค้าหรือกระเด็นไปโดนรถ นี่ถ้าอยู่คนเดียวทางเปลี่ยวๆคงได้กินข้าวลิงแน่ๆ
พี่แกเลยต้องเอากากบาทของเค้ามาเองพร้อมเหล็กแป๊บมาสวมช่วยผ่อนแรง ใช้เวลาพอสมควรก็สามารถเอาล้อที่ยางแบนออกมาได้ ใส่ยางอะไหล่เสร็จสรรพพี่แกก็แนะนำให้ไปปะที่ b-quik ใกล้ๆ ลงทางด่วนไปก็เจอ ว่าแล้วก็ให้ค่านำ้ใจพี่เค้าไปนิดหน่อยแล้วก็กลับมานั่งคิดว่า ช่างมันจะไขล้อทำใมแน่นนักหนาทุกอย่างมันมี spec แรงขันน็อตอยู่แล้วนิ แต่ไม่เคยเห็นช่างคนใหนใช้ torque wrench เลย ใช้ความรู้สึกล้วนๆ (เดี๋ยวเอาไปตั้งกระทู้ใหม่ดีกว่า)
มาถึง b-quik ตอนสองทุ่มหน่อยๆ ช่างเริ่มเก็บกวาดกันแล้วแต่ก็รีบเข้ามาช่วยเหลือดีครับ
นโยบายของ b-quik คือปะยางฟรีด้วย หลังจากก็ชี้ให้ช่างดูรอยว่าน่าจะเป็นตรงใหนว่าแล้วก็ไปยืนรอห่างๆ ปล่อยช่างทำงานตามสบาย ยืนอยู่แป็บนึงหันกลับไปดูเห็นช่างเพิ่งโยนอะไรแว็บๆลงพื้น คิดว่าเป็นก้าน valve จะถอดมาใมเนี่ย? พอเดินไปดูก็พบว่าเป็นก้านไขควงงอๆ ก็เลยอ่อไม่ใช่ก้าน valve ของเรา สงสัยช่างแรงเยอะใช้ไขควงซะพังเลย ปรากฎช่างบอกว่า...เอ่อผมเพิ่งดึงออกมาจากยางพี่ล่ะครับ โอ้โหไขควงเลยเรอะ ไอ้บ้าที่ใหนเอามาทิ้งไว้บนทางด่วนเนี่ย แล้วไอ้เสียงแก็กๆนี่มันก็มาจากเสียงไขขวงตีกับล้อน่ะสิ มิน่าลมยิ่งน้อยย่ิงดัง ดีที่ล้อไม่พังไปด้วยและยางยังปะได้ ขับรถมาตั้งหลายปียังไม่เคยเจออย่างนี้เลย
ตัวไขควงยาวประมาณ 5-6 นิ้ว
ช่างกำลังเปลี่ยนยาง
พอช่างปะเสร็จก็เช็คลมล้อทั้งสี่ล้อด้วยไนโตรเจนให้ด้วยฟรี ก็เลยเติมสูตรพี่ krisada511 หน้า35 หลัง37 จะว่าไปแล้ว b-quik ก็มีดีเหมือนกัน(เห็นโดนบ่นในหลายๆเว็บ) สรุปไม่เสียค่าอะไรเลย ไว้วันหลังจะไปอุดหนุนละกัน
ในที่สุดก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ระหว่างทางก็นั่งคิดว่าจะมาเล่าให้ฟังในเว็บเพราะได้ข้อคิดมาสองเรื่อง
- เรื่องของการใช้แรงขันน็อตที่ถูกต้อง
- เรื่องของคุณภาพของเครื่องมือที่หามาติดรถ ไม่ว่าจะเก่งซักแค่ใหนแต่ถ้าเครื่องมือใช้ไม่ได้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ขอบคุณที่อ่านจนจบ นานๆจะลองเขียนแบบนี้ซักที หวังว่าคงไม่น่าเบื่อเกินไปนะครับ