เห็นช่วงนี้กระแสเรื่องจูนรถ (remap) กำลังฮิต เนื่องจากเดี๋ยวนี้มีคนทำกันได้เยอะราคาก็ถูกลงกว่าแต่ก่อนมาก
แต่เท่าที่เห็นมาปัญหามันก็มีกันบ้าง จูนแล้วม้าไม่ขึ้น ไฟโชว์บ้าง จูนแล้วอุปกรณ์เสียบ้าง ตอนมาไม่เป็นอะไรพอจูนแล้วเป็น จูนแล้วม้าน้อยกว่าเดิมต้องเปลี่ยนอุปกรณ์นู้นนี่นั่นเพิ่ม หลากหลายปัญหากันไปแล้วแต่ว่าจะเจออะไรกันบ้าง
ในฐานะที่ผมก็ใช้รถจูนเหมือนกัน เลยอยากจะเอาประสบการณ์ที่เคยทำมา มาแนะนำกันบ้างละครับ
ความสมบูรณ์
ก่อนที่ท่านจะไปจูนรถ ควรตรวจสภาพรถของท่านดูก่อนว่ามัันมีโค้ดอะไรฟ้องความผิดปกติอยู่บ้างไหม เช็คคอมกันต่อหน้าจูนเนอร์กันไว้ก่อนเลยยิ่งดี ได้ไม่ต้องมาเถียงกันทีหลัง ก่อนทำไม่เป็น หลังทำ ทำไมถึงเป็น ได้หาข้อยุติกันได้ง่ายหน่อย
อย่างของผมเอง ผมเองเคยจูนจนลงตัวทุกอย่างแล้วต่อมา แอร์แมส ของผมเสียตามอายุมันประมาณ 4 แสนโล คราวนี้พอ แอร์แมสเสีย ที่เคยจูนไว้มันจูนกับค่าของเก่า พอเปลี่ยนของใหม่ไปจะใช้ค่าเดิมไม่ได้แล้ว ค่าของใหม่กับของเก่ามันต่าง จูนกันหลายรอบมาก จนตอนนี้ก็ยังถือว่าไม่ดีเท่าที่ควรเท่าไร ขนาดเบิกแอร์แมสห้างใหม่ๆราคา 18,000. มาใช้นะครับ ได้แต่ทำใจกันไป 55
จูนแล้วได้อะไร
เท่าที่ฟังมาหลายท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องการขึ้นไดโน อาจจะมองว่าเป็นความสิ้นเปลือง หรือ อาจจะคิดว่าจูนเนอร์ไปมีได้เสียอะไรกับไดโนหรือเปล่า ถึงเชียร์กันจัง เลยตัดสินใจทำแบบไม่ขึ้นไดโน
การขึ้นไดโนเทส จะมีผลดีในเรื่อง การวัดแรงม้า แรงบิด ค่าส่วนผสมน้ำมัน/อากาศ (ที่เขาเรียกว่า a/f ratio) จริงๆอยากจะให้วัดแบบนี้ไว้ทั้งหมดทุกคัน แต่เรื่องการวัด a/f อาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยตามมาอีกนิดหน่อยนะครับ การวัด a/f ที่ได้ผลดีที่สุดจะต้องวัดให้ใกล้กับพอร์ทไอเสียเครื่องมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และ ถ้ารถมี แคท ต้องวัดหน้าแคทนะครับ ถึงจะเที่ยงตรงที่สุด
อันนี้จะเป็นภาพจุดใช้วัด AFR ของผมนะครับ
ส่วนอันนี้จะเป็นภาพของผลที่วัด AFR จะอยู่ล่างสุดในรูป
สมมุติว่ารถท่านสามารถวัดผลทุกอย่างได้ละ ก่อนที่ท่านจะให้จูนเนอร์ทำอะไรก็แล้วแต่ ท่านไปวัด แรงม้า แรงบิด a/f ratio เอาไว้ก่อนที่ไหนก็ได้ แล้วแต่ที่ท่านสะดวก เมื่อท่านจูนเสร็จแล้ว ก็กลับมาวัดใหม่ที่ dyno ที่ท่านเคยวัดไว้แล้วเอากราฟมาทาบเปรียบเทียบ
คราวนี้ถ้าท่านวัดทั้งหมดไว้ก็นำกราฟก่อนหลังมาทาบเปรียบเทียบกัน มันจะบอกได้ว่า จูนเนอร์ ทำอะไรให้ท่านได้บ้าง โดยหลัก เอาเฉพาะเรื่องความแรงนะครับ จูนให้ประหยัดอันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาต้องทำอย่างไร
จูนให้ได้ความแรง a/f ratio รถเดิมๆที่เขามีเรื่องค่ามลพิษ ต่างๆมาเกี่ยวข้องเขาจะเป็น afr 14.7 แต่ถ้าเน้นเรื่องความแรง afr จะไปอยู่ 12.5 - 13.0 ส่วนมาก จูนเนอร์ ทั้งหลายมักจะทำให้ออกมาเป็นแบบนี้สำหรับน้ำมันเบนซิน95 แต่โซฮอล์ 95 ก็รู้สึกจะอิงค่านี้ได้อยู่เหมือนกัน ส่วนถ้าเป็น E85 จะเป็นอีกค่านึง แต่ผมก็ไม่ทราบนะครับว่า E85 จริงๆเขาควร afr เท่าไร
เรื่อง A/F ratio (AFR) นี่สำคัญนะครับ ผมเคยจูนกับเมืองนอกแบบที่ขายเป็นไฟล์สำเร็จรูปมา ตอนนั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง afr เท่าไร เหยียบแล้วเกิด misfire ตลอด ตอนนั้นก็หาแก้นู้นนี่นั้นกันเป็นปี ถึงจะเจอว่า AFR มันไม่ได้ เลยทำให้เกิดอาการ misfire ตอนนี้ผมต้องบอกเมืองนอกว่าไม่เอาละไฟล์สำเร็จขอเป็น custom tune เลย กำหนดกันไปเลยว่าเราจะเอา AFR ให้อยู่ในย่าน 12.5 - 13.0 คุณจะคิดเท่าไร รอบนั้นผมถึงจะแก้จบ
พอท่านได้กราฟต่างๆมาเปรียบเทียบกันแล้ว ก็มาดูว่าเส้นต่างๆที่เป็นของเดิม กับ ของใหม่ มันแตกต่างกันไหม แต่โดยปกติแล้วมักจะแตกต่างกัน นอกจากไปจูนเนอร์เล่นกลเข้าให้ก็อีกเรื่องนีง
บางที บางคน ดูแค่ตัวเลขสุดท้ายบนไดโนว่าได้แรงม้า แรงบิด เท่านี้เท่านั้น ไม่เห็นต่างกับของเดิมเลย แต่บางทีการที่แรงม้าไม่ขึ้น แต่กราฟแรงม้า แรงบิด ที่นำมาทาบกันมันยกขึ้นจากเดิม อันนี้การขับก็จะรู้สึกถึงความแตกต่างได้แล้วนะครับ บางของเดิมช่วงต้นดี แต่ของใหม่ช่วงกลางปลายดี ก็คงต้องเลือกเอาว่าจะเอาแบบไหน อย่างไรก็อย่าลืมมองกันที่จุดนี้ด้วยนะครับ
อันนี้เป็นเปรียบเทียบการทำของ สองอุปกรณ์ ที่ทำไปนะครับ อันนี้ของเดิมดีกว่าในย่านที่ใช้งาน แต่อันใหม่ไปดีที่แรงม้าสูงสุด ซึ่งจริงๆผมว่าสู้แบบเดิมไม่ได้ 555
และที่สำคัญในการจูนรถ ท่านต้องเผื่อใจไว้ด้วยนะครับ อย่าคิดว่าจูนเนอร์เป็นเทวดา จะรู้ทุกอย่างและแก้ปัญหาให้ท่านได้ทุกอย่าง ผมเองจูนรถกับเมืองนอก ทางเมืองนอกยังพาออกทะเลไปหลายครั้งก็มีเหมือนกัน บางอย่างเราเองก็ต้องลองศึกษาหาข้อมูลไว้เผื่อเองด้วยครับ
ขอให้ทุกท่านสนุกกับการทำรถนะครับ
