BMW E46 Thailand
พูดคุย แลกเปลี่ยน เฮฮา => พูดคุย สนทนาทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: X-talize ที่ กันยายน 30, 2012, 21:38:30
-
เวลาจอดติดไฟแดง 2-3นาที ควรทำอะไรกับเกียร์ดี
แล้วถ้าจอดนานๆ เกิน 5 นาทีจะทำไง
เคยอ่านผ่านมา เขาไม่ให้ปลดเกียร์ว่างค้างไว้ จริงรึเปล่าครับ ???
-
ผมใส่ D ตลอดครับ แล้วเหยียบเบรคไว้
-
ผม D ซะส่วนใหญ่แล้ว เหยียบเบรคไว้ครับ
-
ถ้าสั้นๆไม่เกินนาทีก็เหยียบเบรคครับ ถ้านานกว่านั้นผมก็เข้าเกียร์ว่างแล้วถอนเบรคเท้าครับ
ทั้งนี้เพราะผมเลือกที่จะละเลยทฤษฎีต่างๆ แล้วหันมาใส่ใจกับไฟเบรคที่แยงตารถคันข้างหลังมากกว่า
เพราะรู้ว่าไฟเบรคของคันข้างหน้ามันโคตรแสบตา ถ้ากลางคืนและจอดนานๆบางทีผมปรับเป็นไฟหรี่ด้วยซ้ำ
รถคันข้างหน้าพอเห็นเราเปิดไฟหรี่ ถ้าไม่โง่เกินไปเขาก็จะใส่เกียร์ว่างและถอนเบรคเท้าเหมือนกัน
-
ของผมถ้าจอดนานเกินครึ่งนาที ผมก็เปลี่ยนเป็นเกียร์ว่างแล้วครับ แล้วปล่อยเบรค แต่จะมาดึงเบรคมือแทนครับ เพราะเบรคเท้าถ้าเยียบนานๆมันก็ไม่ดีต่อเบรคนะครับ
-
แต่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ(เช่นอยู่ในทางลาด/ชัน)ผมก็จะไม่ใส่เบรคมือนะครับ
เผื่อไว้ให้รถคนที่เบรคแตกข้างหลังมาสอยตูด จะได้ผ่อนแรงเฉื่อยจากหนักเป็นเบาครับ
-
นานนักก็ปลดไป n ครับ
-
จอดไฟแดงนานๆควรปลดเกียร์ว่างครับ เพราะภายในเกียร์มันทำงานอยู่ตลอดเวลาครับ
-
ถ้ารู้ว่าจอดนานจริงๆ ก็ดันไป P ซะเลยครับ ^-^
-
ถ้ารู้ว่าจอดนานจริงๆ ก็ดันไป P ซะเลยครับ ^-^
กลางไฟแดง ถ้าจอด P แล้วมีใครมาเสยตูดเกียร์พังทั้งลูกเลยนะครับ (ได้ยินเขาเล่ามาอีกที) อิอิ
-
จอดไฟแดงนานๆควรปลดเกียร์ว่างครับ เพราะภายในเกียร์มันทำงานอยู่ตลอดเวลาครับ
ผมก็ปลดเป็นเกียร์ N ครับ ตามความคิดผม ผมคิดว่าเกียร์ที่ตำแหน่ง D คือรถพร้อมจะออกตัวสังเกตุจากเวลา
เราปล่อยเบรคเท้ารถมันจะเดินหน้าใช่มั้ยครับ นั่นก็แปลว่าการที่เราเหยียบเบรคไว้ก็เพื่อไม่ให้รถมันเลื่อนไป
ข้างหน้าคือเอาชนะเเรงของเกียร์1 ในขณะนั้น ทำให้ภาระของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นเเละเกียร์ก็ทำงานตลอดเวลา
ด้วยครับเพียงแต่รถมันไม่ขยับเพราะเราเหยียบเบรคฝืนเอาไว้
ผมว่ามันน่าจะทำให้กินน้ำมันกว่าที่เราเข้าเกียร์ N ไว้นะครับ เพราะที่เกียร์ N เครื่องไม่ต้องรับภาระอะไรครับ
แค่เดินเบาให้เครื่องยนต์ไม่ดับเท่านั้นครับ มันก็จะประหยัดน้ำมันกว่าครับ
ในกรณีที่ต้องจอดรถติดนานๆ แนะนำให้เข้าเกียร์ N ดีกว่าครับแล้วดึงเบรคมือเพื่อความปลอดภัยเผื่อรถไหลครับ
แต่ถ้าติดสัก 30-60วินาทีผมก็ไม่เข้าเกียร์ N ครับ ผมใช้เข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรคเอาครับ
-
ตอบ คนที่ 6
ความจริงแล้วปัญหาของเกียร์ออโต้ที่มีการถกเถียงกันมาตลอดว่าเมื่อเราจอดรถติดไฟแดง หรือรถติดๆ ควรจะให้เกียร์อยู่ในตำแหน่งไหน มันมาจากส่วนหนึ่งของช่างและจิตนาการของผู้ใช้รถที่มีความคิดว่า เมื่อเราเลื่อนคันเกียร์เข้าเกียร์บ่อยๆ จะทำให้ผ้าครัทช์สึกหรอเร็ว จึงควรเข้าเกียร์ D เอาไว้ตลอด ความคิดอันนี้มีส่วนจริงอยู่บ้างแต่ผลของมันน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับที่เราเข้าเกียร์ D ตลอด ลองนึกภาพดูครับว่าเมื่อเราเข้าเกียร์ D ตลอดเวลามีส่วนเสียอะไรบ้าง เท้าครับต้องใช้เบรคมากกว่าปกติ ผ้าเบรคสึกหรอมากกว่า ผ้าครัทช์ภายในเกียร์ทำงานมากกว่า น้ำมันเกียร์ความร้อนสูงกว่า แรงดันภายในเกียร์สูงกว่า ระบบเฟืองขับขบกันมากกว่า ความร้อนสะสมเครื่องยนต์สูงกว่า น้ำมันเกียร์หมดสภาพเร็วกว่า รถกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า ฯลฯ ผมฟังรายการเรื่องรถมาหลายสถานี ก็ยังมีเรื่องพวกนี้ให้พูดคุยกันและขัดแย้งกัน ผมใช้ตัวเองเป็นจุดตัดสินโดยเลือกเอาความสะดวกสบาย หากรถติดมากหรือติดไฟแดงนานกว่า 1-2 นาทีจะปลดเป็นเกียร์ว่างในที่ราบ หากเป็นที่รถสามารถไหลได้ก็ดึงเบรคมือ จะไม่เลือกเข้าเกียร์ D โดยเหยียบเบรคไว้ เมื่อยเท้าเปล่าๆ รถกินกำลังด้วย ไฟเบรคก็แย่งตาคันหลัง ผมใช้วิธีอย่างนี้ครับ ท่านอื่นมีความเห็นอย่างไงบอกๆ กันหน่อย
โดยคุณ : เฮง - เฮง [ 19 ต.ค. 2005 , 08:28:42 น.]
-
จอดไฟแดงนานๆควรปลดเกียร์ว่างครับ เพราะภายในเกียร์มันทำงานอยู่ตลอดเวลาครับ
ตอนแรกก็คิดแบบนี้แหละครับ
วันก่อนไปอ่านเจอที่ไหนจำไม่ได้ เขาบอกเกียร์ออโต้เกียร์ว่าง มันไม่เหมือนเกียร์ว่างของธรรมดา มันจะยังทำงานตลอดและสึกมากกว่าใส่เกียร์ D ค้างไว้ซะอีก ก็เลยขอความเห็นอื่นๆดู :-X
-
นี้ก็อีกแนว
http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=307:-n-d-&catid=80:transmission-master&Itemid=55 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=307:-n-d-&catid=80:transmission-master&Itemid=55)
แต่ผมเลือกนิยมไว้ที่ D แต่ถ้าติดนานๆ ก็ปลดมา n แต่มันก็นานๆครั้งเท่านั้น. ส่วน p ถ้าโดนชนท้าย อันตราย รวมถึงออกตัว จะช้าต้องริแรงดันน้ำมัน :-*
-
ตอบ คนที่ 6
ความจริงแล้วปัญหาของเกียร์ออโต้ที่มีการถกเถียงกันมาตลอดว่าเมื่อเราจอดรถติดไฟแดง หรือรถติดๆ ควรจะให้เกียร์อยู่ในตำแหน่งไหน มันมาจากส่วนหนึ่งของช่างและจิตนาการของผู้ใช้รถที่มีความคิดว่า เมื่อเราเลื่อนคันเกียร์เข้าเกียร์บ่อยๆ จะทำให้ผ้าครัทช์สึกหรอเร็ว จึงควรเข้าเกียร์ D เอาไว้ตลอด ความคิดอันนี้มีส่วนจริงอยู่บ้างแต่ผลของมันน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับที่เราเข้าเกียร์ D ตลอด ลองนึกภาพดูครับว่าเมื่อเราเข้าเกียร์ D ตลอดเวลามีส่วนเสียอะไรบ้าง เท้าครับต้องใช้เบรคมากกว่าปกติ ผ้าเบรคสึกหรอมากกว่า ผ้าครัทช์ภายในเกียร์ทำงานมากกว่า น้ำมันเกียร์ความร้อนสูงกว่า แรงดันภายในเกียร์สูงกว่า ระบบเฟืองขับขบกันมากกว่า ความร้อนสะสมเครื่องยนต์สูงกว่า น้ำมันเกียร์หมดสภาพเร็วกว่า รถกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า ฯลฯ ผมฟังรายการเรื่องรถมาหลายสถานี ก็ยังมีเรื่องพวกนี้ให้พูดคุยกันและขัดแย้งกัน ผมใช้ตัวเองเป็นจุดตัดสินโดยเลือกเอาความสะดวกสบาย หากรถติดมากหรือติดไฟแดงนานกว่า 1-2 นาทีจะปลดเป็นเกียร์ว่างในที่ราบ หากเป็นที่รถสามารถไหลได้ก็ดึงเบรคมือ จะไม่เลือกเข้าเกียร์ D โดยเหยียบเบรคไว้ เมื่อยเท้าเปล่าๆ รถกินกำลังด้วย ไฟเบรคก็แย่งตาคันหลัง ผมใช้วิธีอย่างนี้ครับ ท่านอื่นมีความเห็นอย่างไงบอกๆ กันหน่อย
โดยคุณ : เฮง - เฮง [ 19 ต.ค. 2005 , 08:28:42 น.]
ผมสูตรนี้เลยไม่รู้ติดนานหรือเร็วแค่ไหน พอจอดปั้บปลดเกียร์ว่างทันทีอัตโนมัติไปแล้ว :)) :)) :))
-
ของผมแล้วแต่จังหวะครับ ถ้านานก็ N แต่ถ้าไม่นาน ก็ D ครับ อยู่ที่ว่า เราติดไฟแดง หรือรถติดครับ O0
-
ผมขอถามเรื่องผ้าเบรคนิดนึงครับผมงงว่าผ้าเบรคมันจะหมดได้อย่างไรครับในเมื่อล้อมันหยุดนิ่งไม่มีการเสียดสีใดๆแค่ทำหน้าที่จับกับจานเบรคเฉยๆ ไม่มีการไปถูไถผ้าเบรคกับจานเบรคแต่อย่างใด ขอบคุณมากครับ
-
ส่วนเรื่องใส่เกียร์ใดๆก็แล้วแต่คนครับ ถ้ารู้ว่านานไม่เกิน 1 นาที ผมก็ไม่ใส่ n ครับ แต่ส่วนมากจะไม่รู้ก็ใส่ไว้ก่อนเลยครับ
-
ผมขอถามเรื่องผ้าเบรคนิดนึงครับผมงงว่าผ้าเบรคมันจะหมดได้อย่างไรครับในเมื่อล้อมันหยุดนิ่งไม่มีการเสียดสีใดๆแค่ทำหน้าที่จับกับจานเบรคเฉยๆ ไม่มีการไปถูไถผ้าเบรคกับจานเบรคแต่อย่างใด ขอบคุณมากครับ
ใช้คำว่าหมดไม่ได้ครับ เพราะมันไม่หมด แต่มันจะยุบตัวครับ เพราะโดนกดอยู่เฉยๆเป็นเวลานานหรือว่าบ่อยๆ มันจะยุบตัวแล้วทำให้เบรคกระด้างได้ครับ ถ้าทำแบบนี้บ่อยๆ อาจทำให้เบรคติดเร็วกว่ารถที่ไม่ได้ทำแบบนี้นะครับ ข้อมูลนี้โรงเรียน Toyota เป็นคนสอนมาเลยครับ บางท่านถึงไปทำล่องที่จานเบรคนะครับ รวมถึงผมด้วย เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องถอดผ้าเบรคมาขัดนะครับ เพราะจานเบรคมันจะขัดให้ในตัวครับ แถมระบายความร้อนได้ดีกว่าจานที่ไม่มีล่องด้วยครับ :-*
-
ชัดเจนครับ ;)
-
ขอถามพี่ rut ต่ออีกนิดนะครับ แล้วเบรคติดมันคืฉะไรครับพี่ที่พี่บอกว่าติดเร็วกว่ากำหนดอะครับ ขอบคุณมากครับผม
-
ขอถามพี่ rut ต่ออีกนิดนะครับ แล้วเบรคติดมันคืฉะไรครับพี่ที่พี่บอกว่าติดเร็วกว่ากำหนดอะครับ ขอบคุณมากครับผม
ลูกสูบเบรคนะครับ ถ้าภาษาชาวบ้านก็คือเบรคติดนะครับ เพราะตอนเราเยียบเบรคอยู่กับที่ระบบ abs มันไม่ทำงาน เบรคมันจะทำงานเต็มที่โดยที่มันจะไม่จับปล่อยจับปล่อย เหมือนตอน abs ทำงานนะครับ และมันจะทำให้ลูกยางเบรครับแรงกดจากนำ้มันเบรคแบบเต็มๆ แล้วในที่สุดเบรคก็จะติดก่อนอายุที่ควรจะติดนะครับ
-
ขอถามพี่ rut ต่ออีกนิดนะครับ แล้วเบรคติดมันคืฉะไรครับพี่ที่พี่บอกว่าติดเร็วกว่ากำหนดอะครับ ขอบคุณมากครับผม
ลูกสูบเบรคนะครับ ถ้าภาษาชาวบ้านก็คือเบรคติดนะครับ เพราะตอนเราเยียบเบรคอยู่กับที่ระบบ abs มันไม่ทำงาน เบรคมันจะทำงานเต็มที่โดยที่มันจะไม่จับปล่อยจับปล่อย เหมือนตอน abs ทำงานนะครับ และมันจะทำให้ลูกยางเบรครับแรงกดจากนำ้มันเบรคแบบเต็มๆ แล้วในที่สุดเบรคก็จะติดก่อนอายุที่ควรจะติดนะครับ
แล้วมีผลให้ลูกสูบเบรครั่วด้วยไหมครับ?? ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากครับผม
-
ขอถามพี่ rut ต่ออีกนิดนะครับ แล้วเบรคติดมันคืฉะไรครับพี่ที่พี่บอกว่าติดเร็วกว่ากำหนดอะครับ ขอบคุณมากครับผม
ลูกสูบเบรคนะครับ ถ้าภาษาชาวบ้านก็คือเบรคติดนะครับ เพราะตอนเราเยียบเบรคอยู่กับที่ระบบ abs มันไม่ทำงาน เบรคมันจะทำงานเต็มที่โดยที่มันจะไม่จับปล่อยจับปล่อย เหมือนตอน abs ทำงานนะครับ และมันจะทำให้ลูกยางเบรครับแรงกดจากนำ้มันเบรคแบบเต็มๆ แล้วในที่สุดเบรคก็จะติดก่อนอายุที่ควรจะติดนะครับ
แล้วมีผลให้ลูกสูบเบรครั่วด้วยไหมครับ?? ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากครับผม
มีสิทรั่วได้ครับ ถ้าลูกยางรับแรงดันไม่ไหวนะครับ ไม่ใช่แค่ลูกยางนะครับ พวกสายอ่อนนำ้มันเบรคก็มีผลหมดครับ คือเอาง่ายๆเลยครับ เราไม่ควรเยียบเบรคอยู่กับที่นานๆนะครับ เพราะมันไม่เป็นผลดีเลยนะครับ
-
ผมจอดไฟแดง ถ้าเกิน 1 นาที เข้า N ดึงเบรคมือ เพราะตอนขับแจส โดนชนท้ายที่ P เกียร์พังครับ เบิกใหม่ลูกละ 120,000 คิดในใจแค่ว่า...ป้องตาย!!!
1 เข้า D ไว้ ทำให้ทอร์คหมุนตลอดเวลา เปลืองน้ำมัน เกียร์สึกหรอง่าย
2 ผ้าเบรคยุบ ปั๊มเบรคทำงานตลอดเวลา ลูกยางเบรคกินข้างเดียวครับ
3 เมื่อยเท้าครับ เหยียบตลอด ขานี่เกร็งเลย
ข้อ 1-2 ช่างศูนย์บอกมาเช่นกันครับ คล้ายๆของคุณรุจ แสดงว่าข้อมูลที่ผมได้มา เชื่อถือได้ (นานๆทีจะตอบคนอื่นได้แบบนี้บ้าง ดีใจๆ)
-
ผมจอดไฟแดง ถ้าเกิน 1 นาที เข้า N ดึงเบรคมือ เพราะตอนขับแจส โดนชนท้ายที่ P เกียร์พังครับ เบิกใหม่ลูกละ 120,000 คิดในใจแค่ว่า...ป้องตาย!!!
1 เข้า D ไว้ ทำให้ทอร์คหมุนตลอดเวลา เปลืองน้ำมัน เกียร์สึกหรอง่าย
2 ผ้าเบรคยุบ ปั๊มเบรคทำงานตลอดเวลา ลูกยางเบรคกินข้างเดียวครับ
3 เมื่อยเท้าครับ เหยียบตลอด ขานี่เกร็งเลย
ข้อ 1-2 ช่างศูนย์บอกมาเช่นกันครับ คล้ายๆของคุณรุจ แสดงว่าข้อมูลที่ผมได้มา เชื่อถือได้ (นานๆทีจะตอบคนอื่นได้แบบนี้บ้าง ดีใจๆ)
;) ;) ;) ครับ คุณโอ๊ต
-
ถ้าบอกว่าใส่เกียร์ N แล้วพังไวกว่าเกียร์ D เหยียบเบรกนี้ สงสัยสตาร์ทรถคงต้องใส่ D แล้วเหยี่ยบเบรกแทนนะนิ
ทฤษฎีใครเนี่ยสงสัยจริงๆ
555ใช่ครับผม งง มากรถอะไรเข้าเกียร์ n ไม่ได้ :)) :)) :))
-
กระทู้นี้ของพี่ป้อมไม่ใช่ของผมแต่ผมขอขอบคุณพี่ๆทุกท่านมากครับที่ช่วยตอบปัญหาคาใจของผม และกระทู้ดีๆของพี่ป้อมด้วยครับผม ที่ทำให้ผมมีโอกาสถามคำถามที่ผมอยากถาม
-
ผมเข้า N ตลอดครับ เข้า P เผื่อคันหลังมาแรงกินตูดเรา กลัวเกียร์พัง ครับ แต่ถ้ายังไม่มีคันหลังมาต่อตูด ผมจะเหยียบเบรกรอดูก่อน กลัวคันหลังมาเร็ว ๆ ไม่เห็นอีกว่าเราติดไฟแดง ครับ
-
ถ้าบอกว่าใส่เกียร์ N แล้วพังไวกว่าเกียร์ D เหยียบเบรกนี้ สงสัยสตาร์ทรถคงต้องใส่ D แล้วเหยี่ยบเบรกแทนนะนิ
ทฤษฎีใครเนี่ยสงสัยจริงๆ
555ใช่ครับผม งง มากรถอะไรเข้าเกียร์ n ไม่ได้ :)) :)) :))
ลองอ่านลิงค์พี่กฤษดาดูแล้วครับ
นี้ก็อีกแนว
http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=307:-n-d-&catid=80:transmission-master&Itemid=55 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=307:-n-d-&catid=80:transmission-master&Itemid=55)
แต่ผมเลือกนิยมไว้ที่ D แต่ถ้าติดนานๆ ก็ปลดมา n แต่มันก็นานๆครั้งเท่านั้น. ส่วน p ถ้าโดนชนท้าย อันตราย รวมถึงออกตัว จะช้าต้องริแรงดันน้ำมัน
ผมวิเคราะห์เองได้ว่าปัญหาที่ไม่ให้เข้าเกียร์ D น่าจะมาจากการที่เราจะออกตัวและย้ายเกียร์จาก N มา D มันจะทำให้เกิดจะเกิดการเว้นว่างของแรงดันน้ำมันและตัวทอร์คก็จะหยุดหมุน เพราะฉะนั้นความเสี่ยงน่าจะอยู่ตรงนี้มากกว่า เคยไหมครับเวลาจอดนานๆเพลินแล้วลืมดูไฟแดงจนรถออกไปแล้ว โดนบีบแตรไล่ 555 คนขับอาจจะตกใจรีบใส่เกียร์แล้วเหยียบคันเร่งโดยที่เกียร์ยังไม่ทันจะจับตัว น่าจะเป็นสาเหตุให้เกียร์พังได้เร็วกว่าน่ะ :)) :)) :))
-
;)เพราะฉะนั้นผมสรุปของผมเองว่า เข้าNได้เหมือนเดิมแต่ให้ระวังตอนออกตัว ให้เข้าเกียร์D รอเกียร์จับและออกตัวด้วยแรงเฉื่อยของรถมันเองแล้วถึงตามด้วยการเหยียบคันเร่งครับ :-X
-
ถ้าบอกว่าใส่เกียร์ N แล้วพังไวกว่าเกียร์ D เหยียบเบรกนี้ สงสัยสตาร์ทรถคงต้องใส่ D แล้วเหยี่ยบเบรกแทนนะนิ
ทฤษฎีใครเนี่ยสงสัยจริงๆ
555ใช่ครับผม งง มากรถอะไรเข้าเกียร์ n ไม่ได้ :)) :)) :))
ลองอ่านลิงค์พี่กฤษดาดูแล้วครับ
นี้ก็อีกแนว
http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=307:-n-d-&catid=80:transmission-master&Itemid=55 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=307:-n-d-&catid=80:transmission-master&Itemid=55)
แต่ผมเลือกนิยมไว้ที่ D แต่ถ้าติดนานๆ ก็ปลดมา n แต่มันก็นานๆครั้งเท่านั้น. ส่วน p ถ้าโดนชนท้าย อันตราย รวมถึงออกตัว จะช้าต้องริแรงดันน้ำมัน
ผมวิเคราะห์เองได้ว่าปัญหาที่ไม่ให้เข้าเกียร์ D น่าจะมาจากการที่เราจะออกตัวและย้ายเกียร์จาก N มา D มันจะทำให้เกิดจะเกิดการเว้นว่างของแรงดันน้ำมันและตัวทอร์คก็จะหยุดหมุน เพราะฉะนั้นความเสี่ยงน่าจะอยู่ตรงนี้มากกว่า เคยไหมครับเวลาจอดนานๆเพลินแล้วลืมดูไฟแดงจนรถออกไปแล้ว โดนบีบแตรไล่ 555 คนขับอาจจะตกใจรีบใส่เกียร์แล้วเหยียบคันเร่งโดยที่เกียร์ยังไม่ทันจะจับตัว น่าจะเป็นสาเหตุให้เกียร์พังได้เร็วกว่าน่ะ :)) :)) :))
ลิ้งนี้รู้สึกว่าคนเขียนจะไม่รู้เรื่อง เกียร์จริงแล้วละครับ...โทรถามพี่สุเมธแล้วครับ ยืนยันมาในทันที่ว่าควรจะต้องเข้าไปที่ n ครับเวลาติดไฟแดง เพราะเกียร์มันทำงานตั้งแต่เราติดเครื่องแล้วนะครับ และเกียร์ไม่เคยหยุดทำงานเลย แม้แต่เราจะเข้าเกียร์ n ตัวทรอกก็ยังคงทำงานอยู่ และมันก็ไม่ได้หยุดการทำงานแต่อย่างใด นอกจากเราจะดับเครื่อง แถมตอนออกตัวเรายังต้องเยียบเบรคอีกถึงจะเข้าเกียร์ได้...(เกียร์ไม่มีพังแน่นอนครับ)...ผมรับรองครับว่าที่โรงเรียน Toyota ที่สอนมามันถูกต้องแล้วครับ เมื่อกี้คิดไม่ตกเลยครับหลังจากอ่านในลิ้งที่แนบมา เลยโทรถามพี่สุเมธทันทีเลยครับ เพราะผมค่องใจมากๆ สรุปคือที่ผมได้บอกไปข้างบนนั้น มันถูกต้องแล้วนะครับ :-* :-* :-*
-
;)เพราะฉะนั้นผมสรุปของผมเองว่า เข้าNได้เหมือนเดิมแต่ให้ระวังตอนออกตัว ให้เข้าเกียร์D รอเกียร์จับและออกตัวด้วยแรงเฉื่อยของรถมันเองแล้วถึงตามด้วยการเหยียบคันเร่งครับ :-X
+1 เห็นด้วยกับความคิดนี้ครับพี่ป้อม
-
จริงครับ ที่เวลาสตาร์ทเครื่องลูกทอร์กทำงานตลอดเวลา แน่นอนครับเพราะว่าลูกทอร์กมันยึดติดกับล้อช่วยแรงครับ
เพราะฉะนั้นตราบใดที่เครื่องยนต์ยังติดอยู่ลกทอร์กมันก็ต้องหมุนอยู่ตลอดเวลาแน่นอนครับผม.....
แต่ว่าในขณะที่เข้าเกียร์ D ภายในเกียร์มีการขบกันของเฟืองเกียร์1และผ้าคลัทช์ก็ทำงานด้วยแต่เราเหยียบเบรคล็อคล้อเอาไว้ รถจึงไม่ขยับครับ
ซึ่งก็แปลว่าภาระของเครื่องยนต์มีมากกว่าตอนที่เข้าเกียร์ N ไว้เฉยๆครับ
ส่วนเวลาที่เราเข้าเกียร์ N ลูกทอร์กก็ยังทำงานครับ แต่ว่า เฟืองภายในเกียร์ไม่มีการต่อกำลังไปที่ไหน เหมือนเครื่องยนต์วิ่งตัวเปล่าครับ
จึงทำให้ภาระของเครื่องยนต์น้อยกว่าที่เข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรคฝืนเอาไว้ครับ เครื่องยนต์ก็จะกินน้ำมันแค่รอบเดินเบาซึ่งภาระของเครื่อง
น้อยมากจนเเทบจะเท่ากับเครื่องเดินตัวเปล่าเลยครับ
-
จริงครับ ที่เวลาสตาร์ทเครื่องลูกทอร์กทำงานตลอดเวลา แน่นอนครับเพราะว่าลูกทอร์กมันยึดติดกับล้อช่วยแรงครับ
เพราะฉะนั้นตราบใดที่เครื่องยนต์ยังติดอยู่ลกทอร์กมันก็ต้องหมุนอยู่ตลอดเวลาแน่นอนครับผม.....
แต่ว่าในขณะที่เข้าเกียร์ D ภายในเกียร์มีการขบกันของเฟืองเกียร์1และผ้าคลัทช์ก็ทำงานด้วยแต่เราเหยียบเบรคล็อคล้อเอาไว้ รถจึงไม่ขยับครับ
ซึ่งก็แปลว่าภาระของเครื่องยนต์มีมากกว่าตอนที่เข้าเกียร์ N ไว้เฉยๆครับ
ส่วนเวลาที่เราเข้าเกียร์ N ลูกทอร์กก็ยังทำงานครับ แต่ว่า เฟืองภายในเกียร์ไม่มีการต่อกำลังไปที่ไหน เหมือนเครื่องยนต์วิ่งตัวเปล่าครับ
จึงทำให้ภาระของเครื่องยนต์น้อยกว่าที่เข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรคฝืนเอาไว้ครับ เครื่องยนต์ก็จะกินน้ำมันแค่รอบเดินเบาซึ่งภาระของเครื่อง
น้อยมากจนเเทบจะเท่ากับเครื่องเดินตัวเปล่าเลยครับ
[/quote
โอ่โห่...ขอบคุณความรู้ดีๆจากวิศวกรใหญ่อย่างพี่ชักกี้มาเองเลยครับ
-
ถ้าติดเกิน 1 นาที ก็เข้าn ครับ
ต่ำกว่านั้น ผม รอครับ ไม่ได้นานเกินไป :D
-
ต้นกำลังของเกียร์ออโต้ ตือปั๊มไฮดรอลิก เป็นแบบ Van Pump และมีริลิฟตั้งแรงดันน้ำมันเพื่อให้แรงดันออกมาคงที่เช่น 4 บาร์
รอบเครื่องเดินเบา 4 สูบ 780 rpm / เปิดแอร์มีดโหลด 880 rpm
ส่วน 6 สูบ เดินเบา 680 rpm / เปิดแอร์มีโหลด 760-780 rpm
ถ้าไม่เปิดแอร์ แต่ใช้วิธีเข้าเกียร์ D / R รอบเครื่องจะขึ้นมาแบบมีโหลดเอง
เพราะนั้นรอบเครื่องที่เกียร์จะทำงานได้ดีคือ เริ่มต้นที่ รอบเดินเบาตอนมีโหลด จะให้แรงดันออกมาเต็มที่พอจะใช้งาน
แตเมื่อเราเร่งเครื่องสูงขึ้น เมื่อแรงดันน้ำมันไฮดรอลิกเกินใช้งานจริง รีลืฟ จะปล่อยน้ำมันกลับเพื่อให้แรงดันน้ำมันคงที่ 4 บาร์ ตลอดไม่ว่าเราจะเร่งรอบไปที่ 2000 /3000 / 4000 /5000 /6500 rpm
รีฃิฟ ( ตังตั้งกำลังแรงดันน้ำมันไฮดรอลิกจะทำงานเพื่อให้แรงดันไม่เกินและคงแรงดันไว้ได้เท่าเดิมตลอด 4 บาร์ )
สรุปได้ว่า หัวใจของเกียร์ออโต้คือปั๊มน้ำมันไฮดรอลิก คับ
เมื่อเราเข้าเกียร์ใช้งานคือ D / R รอบเครื่องจะต้องอยู่ในรอบทีมีโหลด ( เปิดแอร์ก็มีโหลด เครื่องยนต์จะต้องเพิ่มน้ำมันเข้าไปในระบบ / เข้าเกียร์ใช้งานกะเพิ่มโหลดเข้าไปอีก ต้องเพิ่มน้ำมันเข้าไปอีก )
ปัีมไฮดรอลิกเริ่มทำงานตั้งแต่เราติดเครื่อง แต่เมื่อไหร่ที่เราเข้าเกียร์ D/R คือจะมีดหลดเพิ่มทันทีต้องเพิ่มน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปอีก
ส่วนเรื่องเบรค ปั๊มลมเบรคต้องทำงานมากกว่าเดิม ( เครื่องยนตืเราจะมีหม้อลมเบรค และมีปั๊มลมจากเครื่องยนต์มาช่วย มันคือเพิ่มโหลดเข้าไปอีกคับ ) /ความเมื่อยเกร้งในการเหยียบเบรค นั่นคือความเคยชินของแต่ละบุคล
-
ขอบคุณครับพี่สุเมธ ได้ความรู้ละเอียดลงไปถึงในตัวเกียร์ออโต้กันเลยทีเดียว....
ยิ่งทำให้เข้าใจรถเพิ่มมากขึ้นอีกระดับครับผม... :-X
-
จอดติดไฟแดงนานๆๆ ทำไงกับเกียร์ดี?? ก็ปลดไป เอ็นซิ C:-)
-
เมื่อก่อน จอดไฟแดงนานๆ ถ้าจอดคันแรกสุด ไฟแดงเกิน 2 นาที ผมปลดไป N พอเหลือซัก 30 วิ ผมจะทำแบบนี้ครับ
1.ผมก็เหยียบเบรค
2.เข้า D
3.กด ASC
4.กดคันเร่งแรงๆ
5.พอเริ่มเบิร์นยางได้ย้ำรอบที่ 6000 รอบ จะครบออกตัวที่ไฟเขียวพอดี ควันท่วมถนน >:D
ซักพักรถด้านหลังจะขับมาพร้อมกับคำอวยพรให้พ่อกับแม่เรา พร้อมกับตั้งชื่อใหม่ให้เราเป็นวรนุชทันที O0
ผลต่อมา...
1.เสี่ยงบาทา อาจจะโดนยิงได้
2.ความสึกหรอของยางเยอะมาก
3.คนเกลียดเยอะกว่าเดิม
4.ตำรวจไล่จับ
5.มีต่ออีกเยอะมาก ไม่อยากจะนึกเลย
รอบสุดท้ายที่ไปเบิร์นยางคือหน้ามอนติคาโร ทำโดนัทเล่นหน้าลานจอดรถ กลับบ้าน กลิ่นยางไหม้ติดเต็มรถไป 1 อาทิตย์เต็มๆ ไม่น่าทำเลย เฮ้อ
;D
ขำๆนะครับ อย่าคิดมาก
-
เมื่อก่อน จอดไฟแดงนานๆ ถ้าจอดคันแรกสุด ไฟแดงเกิน 2 นาที ผมปลดไป N พอเหลือซัก 30 วิ ผมจะทำแบบนี้ครับ
1.ผมก็เหยียบเบรค
2.เข้า D
3.กด ASC
4.กดคันเร่งแรงๆ
5.พอเริ่มเบิร์นยางได้ย้ำรอบที่ 6000 รอบ จะครบออกตัวที่ไฟเขียวพอดี ควันท่วมถนน >:D
ซักพักรถด้านหลังจะขับมาพร้อมกับคำอวยพรให้พ่อกับแม่เรา พร้อมกับตั้งชื่อใหม่ให้เราเป็นวรนุชทันที O0
ผลต่อมา...
1.เสี่ยงบาทา อาจจะโดนยิงได้
2.ความสึกหรอของยางเยอะมาก
3.คนเกลียดเยอะกว่าเดิม
4.ตำรวจไล่จับ
5.มีต่ออีกเยอะมาก ไม่อยากจะนึกเลย
รอบสุดท้ายที่ไปเบิร์นยางคือหน้ามอนติคาโร ทำโดนัทเล่นหน้าลานจอดรถ กลับบ้าน กลิ่นยางไหม้ติดเต็มรถไป 1 อาทิตย์เต็มๆ ไม่น่าทำเลย เฮ้อ
;D
ขำๆนะครับ อย่าคิดมาก
ทำแบบนี้ได้ คือต้องเมาแน่นอนเลยครับ เพราะผมก็ทำบ่อย555 :)) :)) :))
-
เวลารถติดผมเข้าเกียร์ N เพียงเพราะว่าผมกลัวเผลอยกเท้าออกจากเบรค แล้วพุ่งไปชนคันหน้า O0ได้ความรู้จากกระทู้นี้เลยครับ
รบกวนสอบถามเพิ่มเติมครับ ปุ่มที่เกียร์จะกดตอนเข้าเกียร์ไหนบ้างครับ (ตอนนี้ผมกดปุ่มเวลาเข้าเกียร์ทุกเกียร์เลย ??? ขับเกียร์ธรรมดามาก่อนน่ะครับ)
-
เวลารถติดผมเข้าเกียร์ N เพียงเพราะว่าผมกลัวเผลอยกเท้าออกจากเบรค แล้วพุ่งไปชนคันหน้า O0ได้ความรู้จากกระทู้นี้เลยครับ
รบกวนสอบถามเพิ่มเติมครับ ปุ่มที่เกียร์จะกดตอนเข้าเกียร์ไหนบ้างครับ (ตอนนี้ผมกดปุ่มเวลาเข้าเกียร์ทุกเกียร์เลย ??? ขับเกียร์ธรรมดามาก่อนน่ะครับ)
ถ้าจากเกียร์ไหนไปเกียร์ไหนเลื่อนไปไม่ได้ก็กดเลยครับ แต่ n ไป d d ไป n ไม่ต้องกดครับผม
-
เวลารถติดผมเข้าเกียร์ N เพียงเพราะว่าผมกลัวเผลอยกเท้าออกจากเบรค แล้วพุ่งไปชนคันหน้า O0ได้ความรู้จากกระทู้นี้เลยครับ
รบกวนสอบถามเพิ่มเติมครับ ปุ่มที่เกียร์จะกดตอนเข้าเกียร์ไหนบ้างครับ (ตอนนี้ผมกดปุ่มเวลาเข้าเกียร์ทุกเกียร์เลย ??? ขับเกียร์ธรรมดามาก่อนน่ะครับ)
N-D เลื่อนลงแบบไม่กดได้ครับ แค่แตะ เบรก ที่ต้องกดเพราะล๊อคเกียร์ มั้งนะครับ ตามความเข้าใจผมนะ กันจาก P-R-N หรือจาก N-R
-
เวลารถติดผมเข้าเกียร์ N เพียงเพราะว่าผมกลัวเผลอยกเท้าออกจากเบรค แล้วพุ่งไปชนคันหน้า O0ได้ความรู้จากกระทู้นี้เลยครับ
รบกวนสอบถามเพิ่มเติมครับ ปุ่มที่เกียร์จะกดตอนเข้าเกียร์ไหนบ้างครับ (ตอนนี้ผมกดปุ่มเวลาเข้าเกียร์ทุกเกียร์เลย ??? ขับเกียร์ธรรมดามาก่อนน่ะครับ)
ถ้าจากเกียร์ไหนไปเกียร์ไหนเลื่อนไปไม่ได้ก็กดเลยครับ แต่ n ไป d d ไป n ไม่ต้องกดครับผม
:-* n ไป d ต้องเหยียบเบรคด้วยนะครับ :-*
-
เมื่อก่อน จอดไฟแดงนานๆ ถ้าจอดคันแรกสุด ไฟแดงเกิน 2 นาที ผมปลดไป N พอเหลือซัก 30 วิ ผมจะทำแบบนี้ครับ
1.ผมก็เหยียบเบรค
2.เข้า D
3.กด ASC
4.กดคันเร่งแรงๆ
5.พอเริ่มเบิร์นยางได้ย้ำรอบที่ 6000 รอบ จะครบออกตัวที่ไฟเขียวพอดี ควันท่วมถนน >:D
ซักพักรถด้านหลังจะขับมาพร้อมกับคำอวยพรให้พ่อกับแม่เรา พร้อมกับตั้งชื่อใหม่ให้เราเป็นวรนุชทันที O0
ผลต่อมา...
1.เสี่ยงบาทา อาจจะโดนยิงได้
2.ความสึกหรอของยางเยอะมาก
3.คนเกลียดเยอะกว่าเดิม
4.ตำรวจไล่จับ
5.มีต่ออีกเยอะมาก ไม่อยากจะนึกเลย
รอบสุดท้ายที่ไปเบิร์นยางคือหน้ามอนติคาโร ทำโดนัทเล่นหน้าลานจอดรถ กลับบ้าน กลิ่นยางไหม้ติดเต็มรถไป 1 อาทิตย์เต็มๆ ไม่น่าทำเลย เฮ้อ
;D
ขำๆนะครับ อย่าคิดมาก
ทำแบบนี้ได้ คือต้องเมาแน่นอนเลยครับ เพราะผมก็ทำบ่อย555 :)) :)) :))
เอาคันดำพี่รุจมาบ้าง ผมจะจัดให้หนักเลย แบบว่ากลับบ้านเหลือแต่ลวด คิคิ
-
เมื่อก่อน จอดไฟแดงนานๆ ถ้าจอดคันแรกสุด ไฟแดงเกิน 2 นาที ผมปลดไป N พอเหลือซัก 30 วิ ผมจะทำแบบนี้ครับ
1.ผมก็เหยียบเบรค
2.เข้า D
3.กด ASC
4.กดคันเร่งแรงๆ
5.พอเริ่มเบิร์นยางได้ย้ำรอบที่ 6000 รอบ จะครบออกตัวที่ไฟเขียวพอดี ควันท่วมถนน >:D
ซักพักรถด้านหลังจะขับมาพร้อมกับคำอวยพรให้พ่อกับแม่เรา พร้อมกับตั้งชื่อใหม่ให้เราเป็นวรนุชทันที O0
ผลต่อมา...
1.เสี่ยงบาทา อาจจะโดนยิงได้
2.ความสึกหรอของยางเยอะมาก
3.คนเกลียดเยอะกว่าเดิม
4.ตำรวจไล่จับ
5.มีต่ออีกเยอะมาก ไม่อยากจะนึกเลย
รอบสุดท้ายที่ไปเบิร์นยางคือหน้ามอนติคาโร ทำโดนัทเล่นหน้าลานจอดรถ กลับบ้าน กลิ่นยางไหม้ติดเต็มรถไป 1 อาทิตย์เต็มๆ ไม่น่าทำเลย เฮ้อ
;D
ขำๆนะครับ อย่าคิดมาก
ทำแบบนี้ได้ คือต้องเมาแน่นอนเลยครับ เพราะผมก็ทำบ่อย555 :)) :)) :))
เอาคันดำพี่รุจมาบ้าง ผมจะจัดให้หนักเลย แบบว่ากลับบ้านเหลือแต่ลวด คิคิ
เพื่งจะหมุนล้อหลุดไปไม่นาน รอบนี้จะเอาให้เหลือแต่ลวดอีกเหรอครับ :-\ :-\ :-\
-
O0อันินี้ถามจริง เบิร์นล้อนี่ตัดเบรคหลังยังงัย ??? เคยได้ยินว่าบางตนทำปุ่มกดใส่โซลินอยด์ตัดน้ำมันไปจ่ายเบรคหลังออกเพื่อเล่นเบิร์นล้อ จริงป่าว ???
-
O0อันินี้ถามจริง เบิร์นล้อนี่ตัดเบรคหลังยังงัย ??? เคยได้ยินว่าบางตนทำปุ่มกดใส่โซลินอยด์ตัดน้ำมันไปจ่ายเบรคหลังออกเพื่อเล่นเบิร์นล้อ จริงป่าว ???
ผมก็เคย burn ใน e46 นะครับ ไม่เห้นต้องทำอะไรเลยครับพี่ป้อมกดเบรคเบากว่าคันเร่งหน่อยแล้วก็ปลด dsc ออกซะครับ แค่นี้ยางก้ไหม้เลยครับ 55 เสียดายยางจริงๆครับ ไม่ควรทำเลยครับ
-
O0อันินี้ถามจริง เบิร์นล้อนี่ตัดเบรคหลังยังงัย ??? เคยได้ยินว่าบางตนทำปุ่มกดใส่โซลินอยด์ตัดน้ำมันไปจ่ายเบรคหลังออกเพื่อเล่นเบิร์นล้อ จริงป่าว ???
ผมก็เคย burn ใน e46 นะครับ ไม่เห้นต้องทำอะไรเลยครับพี่ป้อมกดเบรคเบากว่าคันเร่งหน่อยแล้วก็ปลด dsc ออกซะครับ แค่นี้ยางก้ไหม้เลยครับ 55 เสียดายยางจริงๆครับ ไม่ควรทำเลยครับ
พอดีต้นปีกะจะเปลี่ยนยาง เดี๋ยวหาที่ลองดูส่งท้าย :)) :)) :))
-
O0อันินี้ถามจริง เบิร์นล้อนี่ตัดเบรคหลังยังงัย ??? เคยได้ยินว่าบางตนทำปุ่มกดใส่โซลินอยด์ตัดน้ำมันไปจ่ายเบรคหลังออกเพื่อเล่นเบิร์นล้อ จริงป่าว ???
ผมก็เคย burn ใน e46 นะครับ ไม่เห้นต้องทำอะไรเลยครับพี่ป้อมกดเบรคเบากว่าคันเร่งหน่อยแล้วก็ปลด dsc ออกซะครับ แค่นี้ยางก้ไหม้เลยครับ 55 เสียดายยางจริงๆครับ ไม่ควรทำเลยครับ
ถูกต้องนะครับ ยางเส็นเป็นหมื่น หมดแค่ไม่กี่วิ....เพราะความเมา :)) :)) :))
-
O0อันินี้ถามจริง เบิร์นล้อนี่ตัดเบรคหลังยังงัย ??? เคยได้ยินว่าบางตนทำปุ่มกดใส่โซลินอยด์ตัดน้ำมันไปจ่ายเบรคหลังออกเพื่อเล่นเบิร์นล้อ จริงป่าว ???
ผมก็เคย burn ใน e46 นะครับ ไม่เห้นต้องทำอะไรเลยครับพี่ป้อมกดเบรคเบากว่าคันเร่งหน่อยแล้วก็ปลด dsc ออกซะครับ แค่นี้ยางก้ไหม้เลยครับ 55 เสียดายยางจริงๆครับ ไม่ควรทำเลยครับ
พอดีต้นปีกะจะเปลี่ยนยาง เดี๋ยวหาที่ลองดูส่งท้าย :)) :)) :))
อย่าทำเกินเลยนะครับ เพราะเฟืองท้ายจะพังได้ครับ เพราะเฟืองท้ายเราไม่ใช่เฟืองเต็ดนะครับ พังมางานเข้านะครับ :))
-
O0อันินี้ถามจริง เบิร์นล้อนี่ตัดเบรคหลังยังงัย ??? เคยได้ยินว่าบางตนทำปุ่มกดใส่โซลินอยด์ตัดน้ำมันไปจ่ายเบรคหลังออกเพื่อเล่นเบิร์นล้อ จริงป่าว ???
ผมก็เคย burn ใน e46 นะครับ ไม่เห้นต้องทำอะไรเลยครับพี่ป้อมกดเบรคเบากว่าคันเร่งหน่อยแล้วก็ปลด dsc ออกซะครับ แค่นี้ยางก้ไหม้เลยครับ 55 เสียดายยางจริงๆครับ ไม่ควรทำเลยครับ
พอดีต้นปีกะจะเปลี่ยนยาง เดี๋ยวหาที่ลองดูส่งท้าย :)) :)) :))
ดีครับถ้าจะเปลี่ยนอยู่พอดีของผมยางใหม่ซะด้วยเพิ่งเปลี่ยนมา 2000 โลก้เล่นเลยทีเดียวยังกะวิ่งมาวัก 10000 โลเลยครับหายเยอะมากๆ แต่สนุกมากเลยครับพี่ รถออกตัวกระชากหลังติดเบาะแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยครับ สนุกดีครับนึกแล้วก้อยากทำอีกครับอิๆ
-
O0อันินี้ถามจริง เบิร์นล้อนี่ตัดเบรคหลังยังงัย ??? เคยได้ยินว่าบางตนทำปุ่มกดใส่โซลินอยด์ตัดน้ำมันไปจ่ายเบรคหลังออกเพื่อเล่นเบิร์นล้อ จริงป่าว ???
ผมก็เคย burn ใน e46 นะครับ ไม่เห้นต้องทำอะไรเลยครับพี่ป้อมกดเบรคเบากว่าคันเร่งหน่อยแล้วก็ปลด dsc ออกซะครับ แค่นี้ยางก้ไหม้เลยครับ 55 เสียดายยางจริงๆครับ ไม่ควรทำเลยครับ
พอดีต้นปีกะจะเปลี่ยนยาง เดี๋ยวหาที่ลองดูส่งท้าย :)) :)) :))
อย่าทำเกินเลยนะครับ เพราะเฟืองท้ายจะพังได้ครับ เพราะเฟืองท้ายเราไม่ใช่เฟืองเต็ดนะครับ พังมางานเข้านะครับ :))
เห้นด้วยครับและไม่ใช่แค่เฟืองท้ายนะครับ เพลาขับก็พังได้ร่วมด้วยครับ ทำก็ทำแค่ทีเดียวพอครับเป็นประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิต แต่ถ้าบ่อยๆพังแน่ครับ อิๆ
-
O0อันินี้ถามจริง เบิร์นล้อนี่ตัดเบรคหลังยังงัย ??? เคยได้ยินว่าบางตนทำปุ่มกดใส่โซลินอยด์ตัดน้ำมันไปจ่ายเบรคหลังออกเพื่อเล่นเบิร์นล้อ จริงป่าว ???
ผมก็เคย burn ใน e46 นะครับ ไม่เห้นต้องทำอะไรเลยครับพี่ป้อมกดเบรคเบากว่าคันเร่งหน่อยแล้วก็ปลด dsc ออกซะครับ แค่นี้ยางก้ไหม้เลยครับ 55 เสียดายยางจริงๆครับ ไม่ควรทำเลยครับ
พอดีต้นปีกะจะเปลี่ยนยาง เดี๋ยวหาที่ลองดูส่งท้าย :)) :)) :))
อย่าทำเกินเลยนะครับ เพราะเฟืองท้ายจะพังได้ครับ เพราะเฟืองท้ายเราไม่ใช่เฟืองเต็ดนะครับ พังมางานเข้านะครับ :))
เห้นด้วยครับและไม่ใช่แค่เฟืองท้ายนะครับ เพลาขับก็พังได้ร่วมด้วยครับ ทำก็ทำแค่ทีเดียวพอครับเป็นประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิต แต่ถ้าบ่อยๆพังแน่ครับ อิๆ
ดอกยางผมน่าจะใช้ได้เกิน 1 ปี เมาบ่อย เบิร์นเล่นที 2 เดือนหมด เพราะความเมาแต๊ๆ
>:D
-
ผมต้องใส่ N ทันที...แล้วกระโจนไปนัวเนียกะคนนั้งข้างๆ
>:D >:D >:D >:D
-
น้ำมันครึ่งลิตร กับ ไม้ขีด ก็เบิร์นได้แล้ว :o
BM ปกติ มันจ่ายแรงไปแบรกหน้า 60/40 หรือเปล่า ถ้าขับหน้า รับรองจานเป็นร่องให้เห็นแน่ แต่ขับหลัง ก็นิดหน่อยก็พอ ครับพี่
ถ้าใช้โซลินอย์ แนะนำสำหรับรถลงสนามครับ ต้องการรอบที่สูงมากขึ้น ต้องการความร้อนหน้ายาง คือ หยีบแบรก แล้วกดสั่งโซลินอย์กักน้ำมันไว้ แล้วยกเท่า
แบรกหลังก็จำรีลีสกลับแล้วจะ เบิร์นได้ รอบสูงกว่าธรรมดา จานไม่หมิ่น ฝาไม่เปลืองนะคร้าบ อิอิ C:-)
-
น้ำมันครึ่งลิตร กับ ไม้ขีด ก็เบิร์นได้แล้ว :o
BM ปกติ มันจ่ายแรงไปแบรกหน้า 60/40 หรือเปล่า ถ้าขับหน้า รับรองจานเป็นร่องให้เห็นแน่ แต่ขับหลัง ก็นิดหน่อยก็พอ ครับพี่
ถ้าใช้โซลินอย์ แนะนำสำหรับรถลงสนามครับ ต้องการรอบที่สูงมากขึ้น ต้องการความร้อนหน้ายาง คือ หยีบแบรก แล้วกดสั่งโซลินอย์กักน้ำมันไว้ แล้วยกเท่า
แบรกหลังก็จำรีลีสกลับแล้วจะ เบิร์นได้ รอบสูงกว่าธรรมดา จานไม่หมิ่น ฝาไม่เปลืองนะคร้าบ อิอิ C:-)
ความรู้ลึกมากครับพี่ harn ขอบคุณมากครับ ผมชอบฟังพี่ตอบโพสมากครับประโยชน์ทั้งนั้นเลยครับ
-
:-* n ไป d ต้องเหยียบเบรคด้วยนะครับ :-*
ผมพอจะมีประสพการณ์ครับว่าทำไม BMW ถึงได้ออกแบบระบบให้เหยียบเบรคก่อนถึงจะเปลี่ยนเกียร์ จาก N ไป D หรือ จาก N ไป R ครับ
เป็นเรื่องของความปลอดภัยครับ ก่อนหน้านี้ผมขับรถญี่ปุ่นยี่ห้อหนึ่ง เวลาดันเกียร์จาก N ไป D ไม่ต้องกดหัวเกียร์แล้วก็ไม่ต้องเหยียบเบรค
ผลเหรอครับ ตอนนั้นผมยืนอยู่นอกรถในลานจอดรถ แล้วคนข้างๆครับ หาของที่เบาะที่เค้านั่ง ปรากฎว่าเอี้ยวตัวไป เอี้ยวตัวมา
แขนไปผลักคันเกียร์เข้าครับจาก N เป็น D ไปซะงั้น รถก็ไหลไปข้างหน้าสิครับ โอแม่เจ้า คนขับยังยืนอยู่นอกรถเลย.....
ดีนะครับ คู่กรณีคราวนี้เป็นกำแพงครับ กันชนหน้าถลอกไปเกือบฟุต ความผิดส่วนนึงก็มาจากผม ที่มียอมใส่เกียร์ P เอาไว้ครับ
แต่กับ รถ BMW คันนี้ ถึงแม้ว่าจะใส่เกียร์ N เอาไว้ ก็ต้องเหยียบเบรคครับถึงจะเลื่อนเปลี่ยนเกียร์ได้ครับ
ก็เป็นอะไรเล็กๆน้อยๆ ที่บางคนอาจจะคิดว่าไม่มีประโยชน์ทำไมต้องเหยียบเบรคก่อนถึงจะเปลี่ยนเกียร์ได้
สำหรับผมเหรอครับ ซึ้งเลยครับว่า BMW ออกแบบมาเเบบนี้เพื่ออะไร..... :D :D
-
O0. ครับเรื่องเกียร์ออโต้นี่ต้องระวังให้มากๆ ถ้าจะหยุดข้างทางหรือจอดรอเข้าบ้านนี่ก็ใส่เกียร์ P เอาไว้เลยครับเพื่อความปลอดภัย เพราะมีหลายๆเหตุการณ์ที่รถชนคนอัดประตูหรือจอดแล้วไหลตกน้ำ ที่เป็นข่าวอยู่บ่อยๆ O0
-
ติดไฟแดงนาน เข้า N หรือ D หลายคนหลายความคิด
ลองเปลี่ยนมา โยกคันเกียร์ไปที่ R ทิ้งไว้มั่งดีกว่าแล้วเหยียบเบรคค้างไว้. 5555555
-
ถ้านานมากผมก็ N ครับ จะได้ถนอมขั่วไฟท้ายรถ จะได้ไม่ละลายง่าย ยืดอายุการใช้งานครับ
-
สำหรับผม จอดติดไฟแดง จะใช้อยู่สองอย่าง คือ D หากติดไม่นาน P หากติดนาน
-
ติดไฟแดงนาน เข้า N หรือ D หลายคนหลายความคิด
ลองเปลี่ยนมา โยกคันเกียร์ไปที่ R ทิ้งไว้มั่งดีกว่าแล้วเหยียบเบรคค้างไว้. 5555555
55555 หากเท้าหลุดจากเบรคเมื่อไหร่ ผลคือ..... ตูมๆๆๆๆๆๆ (แล้วรีบเรียกประกันด้วยนะครับ) ;D ;D ;D
-
พี่ ไฟเขียวแล้ว ปิี้นๆๆๆๆๆ >:(