ผู้เขียน หัวข้อ: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips  (อ่าน 95007 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: กันยายน 08, 2013, 07:01:50 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
;) ;)รักษารถดีมากๆๆๆเลยครับพี่
ขอบคุณครับ :-[
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

Arin2000

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 389
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: กันยายน 08, 2013, 08:39:19 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ยินดีด้วยครับ ที่ได้รถถูกใจมา

ขออนุญาตแนะนำนิดนึงนะครับ

จากที่เห็นในรูป เห็นว่ามีติดแก๊สแบบแคปซูลมาด้วย ติดตั้งไปแทนที่ยางอะไหล่ ถ้าใช้ถังแก็สแบบนี้ ส่วนตัวผม ผมว่าน่าจะหายางแบบ runflat มาใช้น่าจะดีกว่านะครับ เผื่อๆไว้ก่อนครับ
ทีแรกก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ แต่ได้ยินว่า ยางแบบนั้นมันแข็งไม่ใช่เหรอครับ ผมชอบแบบนิ่มๆ ขอเสี่ยงไปเอาครับ แบบว่า ต่อให้มียางอะไหล่ในรถ ผมก็เปลี่ยนไม่เป็นอยู่ดี น่าอายมั๊ย :-[

อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องยาง Run-Flat ไปนิดนึงนะครับ

เรื่อง "แข็ง" นี่หากเปรียบเทียบกับยางปกติ อาจแข็งกว่าก็จริง แต่ไม่ถึงขนาดที่เรียกได้ว่าแข็งกระด้าง มันแข็งประมาณว่ายางปกติที่เติมลม 32 psi แล้วไปเติม 37 psi หรือคนใส่ล้อ 16 แล้วไป 17 เท่านั้นเอง หากรู้สึกว่ามันแข็งไปก็อาจมาจากด้วยความไม่คุ้นชินหรือความคาดหวังมากกว่า คือถ้าใช้ไปสักพักก็แทบไม่รู้สึกแล้วครับ ไม่งั้นรถรุ่นใหม่ๆราคาแพงเค๊าไม่ใส่มาให้เพื่อเป็นจุดด้อยของรถหรอกครับ เพราะเค๊าคงคิดแล้วว่า ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีสักกี่คนที่เปลี่ยนยางเองเป็น

ข้อดีที่มีให้เห็นอีกข้อนึงของยาง Run-Flat คือ แก้มยางมันแข็งกว่ายางธรรมดา ดังนั้นจะลดอาการ "ย้วย" หรือการบิดตัวของแก้มยางเวลาเข้าโค้งอย่างรุนแรงได้มากกว่ายางธรรมดา ส่วนถ้ารู้สึกว่ามันแข็งไป ก็สามารถชดเชยอาการได้ด้วยการเติมลมน้อยลงกว่าที่สเป็คระบุเล็กน้อยก็พอจะช่วยได้

ข้อเสียที่ผมคิดว่าเป็นข้อเสียแท้ๆของมันคือเรื่องราคา เพราะแพงเกินไปจนไม่สามารถขายได้ในวงกว้าง จึงไม่แพร่หลายเท่าที่ควร

vec-md

  • RED 318ISE N42
  • ขาประจำ
  • ****
  • กระทู้: 57
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: กันยายน 13, 2013, 15:40:32 »
ผมอาร์ตนะครับ สมาชิกใหม่ เพิ่งใช้รถรุ่นนี้เหมือนกัน 318iase E46 สีแดง เพิ่งใช้มาไม่ถึงเืดือนเลย พอมาเจอรีวิวของท่านทำมาได้ละเอียดดีครับ อ่านแล้วยิ่งชอบรถรุ่นนี้ขึ้นไปอีก  :D หลังจากที่ฝันอย่างขับบีเอ็มมานาน ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยตอนนั้น E46 เพิ่งออกมาใหม่ๆ เห็นใครขับหล่อมากๆ แล้วอิจฉาทุกที 55   :))


"BMW-JAPANLOT E46 Special Eidition"

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: กันยายน 13, 2013, 16:49:04 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ยินดีด้วยครับ ที่ได้รถถูกใจมา

ขออนุญาตแนะนำนิดนึงนะครับ

จากที่เห็นในรูป เห็นว่ามีติดแก๊สแบบแคปซูลมาด้วย ติดตั้งไปแทนที่ยางอะไหล่ ถ้าใช้ถังแก็สแบบนี้ ส่วนตัวผม ผมว่าน่าจะหายางแบบ runflat มาใช้น่าจะดีกว่านะครับ เผื่อๆไว้ก่อนครับ
ทีแรกก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ แต่ได้ยินว่า ยางแบบนั้นมันแข็งไม่ใช่เหรอครับ ผมชอบแบบนิ่มๆ ขอเสี่ยงไปเอาครับ แบบว่า ต่อให้มียางอะไหล่ในรถ ผมก็เปลี่ยนไม่เป็นอยู่ดี น่าอายมั๊ย :-[

อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องยาง Run-Flat ไปนิดนึงนะครับ

เรื่อง "แข็ง" นี่หากเปรียบเทียบกับยางปกติ อาจแข็งกว่าก็จริง แต่ไม่ถึงขนาดที่เรียกได้ว่าแข็งกระด้าง มันแข็งประมาณว่ายางปกติที่เติมลม 32 psi แล้วไปเติม 37 psi หรือคนใส่ล้อ 16 แล้วไป 17 เท่านั้นเอง หากรู้สึกว่ามันแข็งไปก็อาจมาจากด้วยความไม่คุ้นชินหรือความคาดหวังมากกว่า คือถ้าใช้ไปสักพักก็แทบไม่รู้สึกแล้วครับ ไม่งั้นรถรุ่นใหม่ๆราคาแพงเค๊าไม่ใส่มาให้เพื่อเป็นจุดด้อยของรถหรอกครับ เพราะเค๊าคงคิดแล้วว่า ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีสักกี่คนที่เปลี่ยนยางเองเป็น

ข้อดีที่มีให้เห็นอีกข้อนึงของยาง Run-Flat คือ แก้มยางมันแข็งกว่ายางธรรมดา ดังนั้นจะลดอาการ "ย้วย" หรือการบิดตัวของแก้มยางเวลาเข้าโค้งอย่างรุนแรงได้มากกว่ายางธรรมดา ส่วนถ้ารู้สึกว่ามันแข็งไป ก็สามารถชดเชยอาการได้ด้วยการเติมลมน้อยลงกว่าที่สเป็คระบุเล็กน้อยก็พอจะช่วยได้

ข้อเสียที่ผมคิดว่าเป็นข้อเสียแท้ๆของมันคือเรื่องราคา เพราะแพงเกินไปจนไม่สามารถขายได้ในวงกว้าง จึงไม่แพร่หลายเท่าที่ควร
ครับ เข้าใจครับ พอดีผมเป็นคนชอบนุ่มมากๆ ยางแข็งนิดเดียวก็ไม่ได้ครับ รู้อยู่ว่า ยางRFไม่ได้แข็งขนาดนั้น แต่อะไรที่น้อยกว่า C1s  v551  830 ผมไม่ชอบครับ  ถ้ายางRFนิ่มเท่าที่ผมไล่มาเมื่อกี้ ผมคงซื้อมาใส่แล้วครับ เพราะมันดีมาก วิ่งแบบลมหมดได้ตั้ง80กมที่ความเร็ว80km/h จำได้ว่าE90ก็ไม่มียางอะไหล่แล้ว เพราะใช้ยางRF O0
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: กันยายน 13, 2013, 16:49:38 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ผมอาร์ตนะครับ สมาชิกใหม่ เพิ่งใช้รถรุ่นนี้เหมือนกัน 318iase E46 สีแดง เพิ่งใช้มาไม่ถึงเืดือนเลย พอมาเจอรีวิวของท่านทำมาได้ละเอียดดีครับ อ่านแล้วยิ่งชอบรถรุ่นนี้ขึ้นไปอีก  :D หลังจากที่ฝันอย่างขับบีเอ็มมานาน ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยตอนนั้น E46 เพิ่งออกมาใหม่ๆ เห็นใครขับหล่อมากๆ แล้วอิจฉาทุกที 55   :))
ยินดีด้วยครับ สีนี้เด่นมากๆเลยครับ :)
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

vec-md

  • RED 318ISE N42
  • ขาประจำ
  • ****
  • กระทู้: 57
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: กันยายน 13, 2013, 22:48:53 »
ครับท่าน ไว้ว่างๆ แดดดีๆ จะถ่ายรุปมาอัฟลงให้ได้ชมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 14, 2013, 15:11:33 โดย vec-md »
"BMW-JAPANLOT E46 Special Eidition"

anglo_vj

  • I Love E46
  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 15
  • รถอะไร สวยได้เป็น 10 ปี
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: กันยายน 20, 2013, 14:44:43 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
รถที่ดีไม่จำเป็นต้องนิยม รถนิยมไม่ใช่ว่าจะเป็นรถที่ดี

เตือนกันนิดหนึ่งครับ ถ้าใครคิดจะเล่นรถรุ่นนี้ พยายามหารถที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด
ได้รถมาแล้ว ก็นำไปตรวจเช็กความเรียบร้อยกับช่างที่ไม่มีอคติกับรถรุ่นนี้ครับ
ไม่งั้น จะโดนติจนเราเสียกำลังใจได้ ทั้งๆที่รถมันดีอยู่แล้ว

 :-*

ปัญหาคือ...หาช่างที่ไม่อคติน่ะสิครับ

ช่างที่ไว้ใจได้ ใช้บริการประจำ ยังด่าซ่ะไม่มีชิ้นดี เมื่อรู้ว่าผมใช้ Civic ไม่ใช่ Toyo

แล้วต่อไปถ้าเลือกเดินตามฝัน ขยับมาเป็น E46 ละ!!! หนังชีวิตเลยครับ

ปล.พี่ๆ ที่อยู่ภูเก็ต แนะำนำอู่หน่อยครับ ขอบคุณครับ
I Love BMW

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

wichakhun

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 45
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2013, 12:27:39 »
 ;) ;)ผมก็ใช้ครับ รุ่นเดี่ยวกันเลยครับส่วนตัวชอบ ซีรี่3 มากกว่า ซีรี่5
เพราะคร่องตัว เวลาขับรถพ่อทีรู้สึกเกรงๆเลย ชอบe46 ครับใช้ทุกวัน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2013, 10:33:47 »
mini review เฟืองท้ายใหม่ใส่N42ของผม
จาก : ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
 
วันนี้ผมกลับมารีวิวอีกครั้งหนึ่งกับรถของผม BMW318iase เครื่องN42
ซึ่งได้ทำการเปลี่ยนเฟืองท้ายจากเดิม3.45มาเป็น3.91เพราะคิดว่า มันน่าจะทำให้อัตราเร่งแรงขึ้น
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า วันหนึ่งไปอ่านเว็บต่างประเทศมา  แล้วในนั้นเค้าพูดถึงรถM3 E46 เค้าไปเปลี่ยนเฟืองท้ายมาเป็น4.01แล้วอัตราเร่งดีขึ้น มันเลยกลายเป็นเรื่องที่จุดประกายความคิดผมว่า ถ้าเรามาทดเฟืองท้ายรถเราบ้างจะเกิดอะไรขึ้น ผมเลยเริ่มทำการศึกษา หาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการทดเฟืองท้าย ทั้งเว็บในและต่างประเทศ

พอได้ใจความสรุปง่ายๆว่า

การทดเฟืองท้าย จะทำให้รถมันมีอัตราเร่งดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ทอร์คเพิ่มขึ้น แต่การได้อัตราเร่งที่ดีขึ้น ก็ต้องแลกมากับการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นและความเร็วปลายที่ลดลงด้วย แต่แรงม้าจะไม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด มีแค่ทอร์คที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ซึ่งทอร์คคือแรงบิด ซึ่งส่งผลโดยตรงกับอัตราเร่งของรถในช่วงแรกถึงกลาง ก่อนที่แรงม้าจะมารับช่วงต่อในตอนปลายของรอบเครื่องยนต์นั่นเอง(ทอร์ค =รอบต่ำ-ปานกลาง,ม้า=รอบสูง)
ทำให้นึกถึงสมัยยังเป็นวัยรุ่น ที่ขับมอไซค์ฮอนด้าโนวาจัง เดิมสเตอร์หลัง38 ใครอยากวิ่งเร็วขึ้นก็ใส่สเตอร์36
ใครอยากได้ตีนต้นจัดๆก็ใส่สเตอร์เบอร์40

เมื่อได้ข้อสรุปดังนั้น ผมเลยตัดสินใจ ลองซื้อเฟืองท้ายอัตราทด3.91มาใส่รถครับ



หลังจากติดตั้งและเติมน้ำมันเฟืองท้ายเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับรถออกจากอู่กลับบ้าน สัมผัสแรกที่ได้คือ รถมันมีแรงงมากขึ้น เวลาวิ่งช้าๆช่วงรถติด จะรู้สึกได้เลยว่า ไม่ต้องเหยียบคันเร่งลึกนักเพื่อให้รถไหลไปข้างหน้า ถ้าเผลิอเหยียบเหมือนเก่า รถจะพุ่งเลยล่ะ
ต่อมา เวลาที่วิ่งที่ความเร็วกลางๆประมาณ80กม/ชม แล้วทำการกดคันเร่งเพิ่มเพื่อเพิ่มความเร็ว ก็เห็นได้ว่า รถเร่งได้เร็วขึ้น และนี่ทำให้ขับสนุกขึ้นอีก จังหวะเร่งแซง รอบมาเร็ว เร่งแซงสนุกขึ้นเยอะเลย

ทีนี้มาดูว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

เครื่อง N42 ซึ่งติดตั้งไว้ในรถ BMW 318i มีแรงม้า 143ที่6000รอบต่อนาที และมีแรงบิดที่200Nmที่3750รอบต่อนาที  และมีอัตราทดเฟืองท้ายโรงงานอยู่ที่ 3.45


เฟืองท้าย3.45

     
     

จากภาพ ถ่ายที่ความเร็วเท่ากันคือ 110กม/ชม ภาพซ้ายมือจะเห็นว่า รอบเครื่องอยู่ที่2400RPM ซึ่งยังใช้เฟืองท้าย3.45ที่เป็นเฟืองท้ายเดิมจากโรงงาน ส่วนภาพขวามือมีรอบเครื่องที่2750RPMซึ่งใช้เฟืองท้าย3.91ที่ทำการติดตั้งใหม่(รอบเพิ่มขึ้น350RPM)
ทีนี้ เวลาที่ขับที่ความเร็วนี้ และต้องการจะเร่งแซง (ซึ่งอัตราเร่งแซงนี้จะได้มาจากแรงบิดหรือทอร์ค)ซึ่งแรงบิดสูงสุดของเครื่องN42อยู่ที่ 3750RPM ดังนั้น ที่รอบปัจจุบันที่2750RPM จึงใช้เวลาน้อยกว่ารอบ2400RPM ที่จะไปยังรอบ3750RPM ซึ่งทำให้อัตราเร่งมาเร็วกว่าเดิม กินเวลาน้อยลงขณะเร่งแซงนั่นเอง

แล้วเรื่องอัตราเร่ง0-100ล่ะ จากที่เคยทำไว้กับเฟืองท้ายเดิม มีค่าเฉลี่ยที่ 10.2-12.4วินาที
ส่วนเวลาเฉลี่ยกับเฟืองท้ายใหม่อยู่ที่ 9.3-11.2 วินาที ครับ
จะเห็นได้ว่า อัตราเร่ง0-100 จะใช้เวลาน้อยลงไปประมาณ1วินาทีครับ (แต่ ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ล้อหลังก็ยังไม่ฟรีเวลาออกตัว ถึงแม้ระบบASCจะถูกปิด)
ในเว็บต่างประเทศ บอกว่า ถ้าเปลี่ยนเฟืองท้ายแล้ว ควรจูนกล่องให้ไปตัดรอบที่7000RPMจะดีที่สุด (ปัจจุบันรถผมตัดที่6500RPM)

จากการเปลี่ยนเฟืองท้ายครั้งนี้ ทำให้สรุปได้ว่า อัตราเร่งตีนต้นดีขึ้น  อัตราเร่งแซงดีขึ้น ขับสนุกขึ้น  แล้วเรื่องการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงล่ะ?
แน่นอน เรื่องนี้ สำคัญมากเหมือนกันสำหรับผม เพราะสาเหตุที่ไม่ได้ซื้อรถ6สูบมาก็เพราะมันกินน้ำมันมากกว่า ถึงแม้แรงบิดและแรงม้าจะมากกว่าก็ตาม  แต่ยุคนี้ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งเหมือนกัน
ผมจึงทำการทดลองต่อว่า  เมื่อทดเฟืองท้ายแล้ว มันกินน้ำมันมากขึ้นแค่ไหน  ผมทำการทดลองโดยอาศัยระยะทางจากอุบลถึงสีคิ้วเพื่อทำการทดสอบ โดยคราวที่แล้ว เคยทดลองกับเฟืองท้ายเดิมมาแล้ว
ค่าที่ใช้คือ วิ่งที่ความเร็ว 110กม/ชม  วัดระยะทางจากเติมเชื้อเพลิงครั้งแรกที่ปั๊มที่อุบล ถึงปั๊มที่สีคิ้ว ได้ระยะทางเท่าไหร่ ก็นำมาหารกับปริมาณเชื้อเพลิงที่เติมจนตัด จะได้ค่าเฉลี่ยอัตราการสิ้นเปลืองของเชื้อเพลิงครับ

       
       

จากภาพด้านซ้าย คืออัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงกับเฟืองท้ายเดิม  ภาพด้านขวาคืออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงกับเฟืองท้ายใหม่

จะเห็นว่า เดิมสิ้นเปลืองอยู่ที่11.35กม/ลิตร(ตอนนั้น ความจริงผมเติมแก๊สที่อุบล ผมลืมกดรีเซ็ตกิโลใหม่ มากดใหม่ตอนจะออกจากบ้านเพื่อเดินทาง  ดังนั้น ระยะทางจากปั๊มแก๊สมาบ้านผม 5กม เห็นจะได้ ก็คำนวณใหม่  406.8+5หารด้วย35.83 ได้ 11.49)

และเมื่อเปลี่ยนเฟืองท้ายใหม่ สิ้นเปลืองอยู่ที่ 10.47กม/ลิตร (414.5หาร39.56) เอ่อ....ไม่เลว

เชื้อเพลิงหายไปประมาณ 1กม/ลิตร ก็ยังรับได้ครับ ดังนั้นการเปลี่ยนเฟืองท้ายครั้งนี้ก็ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด แถมขับขี่มันส์ขึ้น อัตราเร่งดีขึ้น ก็okเลยครับ



ดูที่คอมพิวเตอร์ออนบอร์ด หลังจากเติมเชื้อเพลิงและออกวิ่งอีกครั้ง พบว่า อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 9.4ลิตรต่อ100กม(แต่อันนี้ ผมว่า ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าการวัดการใช้งานจริง)

สรุปการเปลี่ยนเฟืองท้ายจากเดิม3.45มาเป็น3.91มีผลดังนี้
ข้อดี
1 อัตราเร่งตีนต้น 0-100 ดีขึ้นประมาณ1วินาที
2 อัตราเร่งแซงดีขึ้น มั่นใจขึ้น
3 ทอร์คเพิ่มขึ้น(ตามทฤษฎี) และมาเร็วขึ้นสังเกตุจากอัตราเร่ง
4 ขับสนุกขึ้นเยอะเลย
ข้อเสีย
1 อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นประมาณ 1 กม/ลิตร
2 ความเร็วปลายที่เคยสองร้อยนิดๆ น่าจะลดลงมาบ้าง อาจอยู่ที่ร้อยเก้าสิบปลายๆแทน แต่ไม่ได้ลอง(แต่ก็ไม่มีผลมาก เพราะความเร็วเกิน180กม/ชม คงไม่มีใครได้ขับบ่อยนัก เพราะสภาพการจราจรและถนนบ้านเรา)

ถ้าได้Boot sprintแบบของคุณกฤษดามาติดอีกสักตัว คงสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่N42เครื่องหนึ่งจะทำได้แล้วแหล่ะ
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

Pop2003

  • สมาชิกสมัครใหม่
  • กระทู้: 27
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 13:17:29 »
..very nice review article Krub

awienap

  • เด็กกะล่อน
  • มือใหม่หัดขับ
  • *
  • กระทู้: 21
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: ธันวาคม 27, 2013, 19:10:56 »
ขอบคุนมากคับ ได้ความรุ้เยอะขึ้นเลย ::)
Awie"MidnightBlue"

thirayuw

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 39
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2014, 20:02:52 »
 ;)

iAse หล่อฝุดๆ

 :))

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
หน้าตาและตำแหน่งกล่องASCรถผมครับ

สำหรับ รถตระกูลE46 แทบทุกคันจะต้องโดนปัญหาเจ้าไฟ3ดวงขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตัวไหนก็โดนหมด

ถ้าลองแก้ปัญหาดูแล้ว เช็กดูแล้วว่า เสียที่กล่องแน่ๆ ก็ต้องเปลี่ยนล่ะครับ


กล่องของผม ผมซื้อจาก กทม ให้ส่งไปที่อุบล รวมค่าเปลี่ยนและเซ็ตตั้งค่าและขนส่งแล้ว 6440 บาทครับ
กล่องASCสำหรับรถรุ่นของผม ราคาจะอยู่ที่4500-14000บาท แล้วแต่ร้าน แล้วแต่คุณภาพและการประกันครับ
ส่วนกล่องเก่า ผมลองแกะดูภายใน เป็นดังภาพครับ เผื่อใครอยากเห็นว่าเป็นยังไง


กล่องASCมีหน้าที่อะไร ลองกลับไปอ่านในบทความรีวิวดูนะครับ

อ่อ เวลาจะเปลี่ยน อย่าลืมซื้อน้ำมันเบรคไปด้วยสักลิตรนะครับ เอาไว้ไล่ระบบน้ำมันเบรค E46ใช้ DOT4
อันนี้เปลี่ยนไม่ยากถ้าเครื่องมือครบ มีคนช่วยไล่น้ำมันเบรค ก็ทำเองได้ครับ ASCบางตัว ใส่แล้ว ไฟ3ดวงหายเอง
แต่บางตัวใส่แล้ว ต้องไปทำการลบโค๊ดอีกทีนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 08, 2014, 17:20:02 โดย Chris »
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
ต่อด้วยการรีวิว การเปลี่ยนชิ้นส่วนที่จะทำให้เครื่องN42เกิดปัญหาในอนาคตครับ
ชิ้นส่วนเหล่านี้ เป็นจุดอ่อนของเครื่อง N42ครับ ถ้าเราเปลี่ยนออกไปแล้ว เครื่องN42ก็หมดจุดอ่อน
ส่วนราคาของ ของทั้ง3ชิ้น รวมกัน 4298บาท ครับ เปลี่ยนแล้วใช้กันอีกนาน เป็นแสนโลล่ะครับ
แต่ผมเห็นว่า ยังไงก็ได้เปิดฝาครอบวาว์ล เลยซื้อปะเก็นฝาครอบวาว์ลมาด้วยซะเลย(อันนี้ไม่จำเป็นนะ แต่แนะนำ)
ราคาชุดล่ะ2100บาท O0  แพงจัง

เอ้า เข้าเรื่องกันครับ
ที่ผมจะเปลี่ยนของพวกนี้ ผมไปซื้ออะไหล่ทั้งหมดที่ศูนย์นะครับ ยกเว้นปะเก็น ซื้อข้างนอกครับ

หลังจากสอบถามราคาค่าติดตั้งจาก3ที่ คือ ที่สายสี่ เค้าคิด2500บาท แต่ไกลและต้องทิ้งรถไว้
เลยโทรไปที่อู่ราชพฤษ ช่างแกบอก4500ให้มาแต่เช้า รถเสร็จเย็น ทีแรกก็จะเอาร้านนี้แหล่ะ
แต่สุดท้าย ผมก็มาช่างประจำผม ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปโลเดียว (ช่างที่ติดแก๊สด้วย)
แกบอก 3000บาท ก็พอแล้ว งานไม่ยาก รอได้ก็รอเอาเลย ผมเลยตกลงเอาเจ้านี้เพราะใกล้บ้าน

ว่าแล้ววันนี้ ก็เลยไปหาแก9โมงเช้า แต่เริ่มทำ10โมง

วันนี้ ช่างเอาลูกน้องมาเพิ่มอีกคน ปกติ แกจะลงมือเองกับลูกน้อง2คน
งานส่วนใหญ่เลยละเอียดหน่อย เพราะลูกพี่ต้องลงมือเองตลอด
เริ่มงานกันทันที รื้อชุดแก๊สออกไปด้วย

ใกล้จะได้เห็นภายในแล้วว่า จะเน่าแค่ไหน

เห็นหลายคัน เปิดฝาออกมาหง่ายเงิบกัน ลมแทบจับ โคลนจากน้ำมันเครื่องที่สะสม
ดำสนิท เพราะไปเปลี่ยน น้ำมันเครื่องที่25000โล ส่วนรถผม 6500-9500โล แล้วแต่อารมณ์
ใช้น้ำมันสังเคราะห์แท้100%ตลอด
มาดูกันซิ

ไม่แตก... รางโซ่ราวลิ้น ยังอยู่ปกติสุข ไม่แตกไม่ร้าว
แต่ที่น่าตกใจกว่าคือ ภายในสะอาดเกินคาด ดูดิ เปรียบเทียบกับอีกภาพที่มาจากกระทู้ของคุณกฤษดา รถท่านอื่นบางคัน สภาพแย่จริงๆ
ส่วนภาพล่างนี้ มองอีกมุมของเครื่องผม จัดกันยาวๆ

ไม่มีคราบโคลนจากน้ำมันเครื่องแต่อย่างใดเลย โอ้วววววว ดีจัง
แล้วใต้ฝาครอบล่ะ

พระเจ้า....สะอาดเช่นกัน ภาพติดกันจากกระทู้คุณกฤษดา สภาพเห็นแล้วหนาว
ดูกันชัดๆอีกที ความสะอาดที่เกินคาด ไม่มีคราบโคลนจากน้ำมันเครื่อง

เริ่มทำการมาร์กตำแหน่งก่อนการรื้อเอาชิ้นส่วนออก

ชิ้นส่วนแรกที่ทำการเปลี่ยน คือ รางโซ่ราวลิ้น สภาพตัวเก่า ยังดีอยู่ไม่หักไม่ร้าว
แม้จะลองกดเบาๆดู แต่ก็เปลี่ยนเพื่อความสบายใจ อย่าลืมว่ามันคือ พลาสติกที่อยู่ภายในเครื่อง
โดนความร้อนจากเครื่องและน้ำมันเครื่องร้อนๆตลอดเวลา หลายปี และหลายกิโลเมตร

รถคันนี้ วิ่งมาแล้ว 167700กม
ตัวต่อไปที่ทำการเปลี่ยนคือ สกรูปรับตั้งความตึงโซ่

เปรียบเทียบลักษณะตัวเก่ากับตัวใหม่ที่ได้รับการแก้ไขแล้ว
และเปรียบเทียบรางโซ่ราวลิ้นตัวเก่าเมื่อนำออกมาเทียบกับตัวใหม่

รางโซ่ราวลิ้นของเก่าและของใหม่ ใช้ยี่ห้อเดียวกันครับ เบิกศูนย์อย่างเดียว

ต่อไปก็เจ้า รางดันโซ่ ก็เอาออกได้ไม่ยากนัก จากที่ยืนดูแล้ว
ขั้นตอนต่างๆ ไม่ได้ยากเท่าไหร่ จริงๆ ช่างที่ไหนก็น่าจะทำได้ ถ้ามีตัวมาร์กกิ้ง

เปรียบเทียบรางดันโซ่ ตัวเก่าเมื่อนำออกมาเทียบกับตัวใหม่

อันนี้สิ มีปัญหาครับ
ด้านล่างหักตามภาพเลยครับ ลองเปรียบเทียบกับตัวใหม่ที่ไม่หักครับ

หลักจากนั้น ก็ใส่ชิ้นส่วนดังกล่าวเข้าไป เป็นอันจบเรื่องการเปลี่ยนอะไหล่ทั้ง3ชิ้น


ช่างเทียนกับลูกน้องที่อู่วีซีเซอร์วิส ใช้เวลา 3ชั่วโมงครึ่งก็เสร็จเรียบร้อยครับ
เข้า10โมงเช้า เสร็จบ่ายโมงครึ่ง
ที่ทำไปทั้งหมด มีเปลี่ยนชิ้นส่วนสำคัญ3ชิ้น เป่ากรองอากาศ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและกรอง ล้างเซ็นเซอร์อ่างน้ำมันเครื่อง
เปลี่ยนน็อตล้อ(ได้มาจากคุณรุทธ์ครับ ขอบคุณมาก) และพักกินข้าวครึ่งชั่วโมง ทั้งหมดนี่ ใช้เวลา 3.5ชม. !!! และราคาค่าแรง3000บาท
เอ่อ คุ้มอยู่นะ รวมค่าของ+ค่าแรงในการแก้ปัญหาจุดอ่อนของเครื่องN42ให้หมดไปเป็นเงิน 7298 บาท และเวลา3ชั่วโมงครึ่ง
ไม่ใช่ทั้งวัน ไม่ใช่1-2วัน หรือ3-4วัน
เหลือบไปเห็นคอล์ยรถตัวเอง เลยหยิบมาดูซะหน่อย

ยี่ห้อบอช...เอ่อ ดีจัง

แล้วนี่ก็โฉมหน้าชิ้นส่วนใหม่ที่ได้ทำการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว
ทีนี้ ก็ใช้รถกันไปอีกยาววววววววววววววววววววววววววววว

เอ้า ภาพการประกอบเครื่องกลับคืน



จบลงไปเรียบร้อย กับการแก้ปัญหาของเครื่องN42 ที่คนบางคนบอกว่า มันคือจุดอ่อนของเครื่องรุ่นนี้(ซึ่งก็จริง) แต่พูดซะดูเป็นเรื่องใหญ่โตมากมาย
ผมแก้ปัญหาต่างๆเหล่านี้ ด้วยเงินไม่ถึงหมื่น และจะใช้รถได้ไปอีกยาวเลย เครื่องN42แก้ปัญหาไม่ยากครับ
สำหรับคนที่ต้องการจะทำอย่างผม จดหมายเลขชิ้นส่วน แล้วไปซื้อที่ศูนย์บีเอ็มเลยครับ
11317505608
11317567680
11317512520
พร้อมพกเงินไป5000บาท มีทอนครับ
ส่วนการติดตั้ง จะไปอู่ไหน แล้วแต่สะดวกครับ เค้าคิดราคา2500-8000บาท แล้วแต่ที่ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 09, 2014, 20:25:03 โดย Chris »
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

ธเนศ

  • thaned
  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 402
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2014, 07:07:33 »
ขอขอบคุณบทความของคุณ Christ มากเลยครับ
 
ได้ชมรูปประกอบที่สวยงามสะอาดตา และอ่านสนุกได้สาระมาก อยากจะบอกซักนิดน้ะครับว่า

คุณทําให้ผมรักเจ้า N42 ของผมมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมากกกกกก!!!

ขอนุญาติอวด 2003 SE, N42 ของผมหน่อยน้ะครับ

E46 with N42 or N46 is one of the most advanced technology, timeless designed automobiles in this modern world...

"The true ultimate driving machine"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 17, 2014, 07:11:54 โดย ธเนศ »

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2014, 08:21:08 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ขอขอบคุณบทความของคุณ Christ มากเลยครับ
 
ได้ชมรูปประกอบที่สวยงามสะอาดตา และอ่านสนุกได้สาระมาก อยากจะบอกซักนิดน้ะครับว่า

คุณทําให้ผมรักเจ้า N42 ของผมมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมากกกกกก!!!

ขอนุญาติอวด 2003 SE, N42 ของผมหน่อยน้ะครับ

E46 with N42 or N46 is one of the most advanced technology, timeless designed automobiles in this modern world...

"The true ultimate driving machine"
ดีใจด้วยครับ ที่คุณรักรถคุณมากขึ้น
ช่วงนี้ สมาชิกใหม่ออก318เยอะขึ้นมากเลยครับ ส่วนใหญ่ก็อ่านจากรีวิวผมนี่แหล่ะ
แต่อย่าลืม ต้องเลือกรถดีๆ ถ้าซื้อมาเป็นเจ้าของแล้ว ดูแลมันให้ดีๆ มีไม่กี่จุดใหญ่ให้เก็บรายละเอียด ทำแล้วเดี๋ยวก็จบ
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

JBR1992

  • พ่อ แม่ คือพรหมของบุตร
  • บุคคลในตำนาน
  • ******
  • กระทู้: 2007
  • คนไทย น้ำใจเกินร้อย
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2014, 15:41:40 »
บทความนี้ ชัดเจน ละเอียด เป็นประโยชน์ กับสาวก  318 มาก ๆขอบคุณครับ  ""ชูสองนิ้ว::   ""ชูสองนิ้ว::   ::2thmb::   ::2thmb:: 
ถึงสูงเยี่ยมเทียมฟ้า อย่าดูถูก
ครูเคยปลูกวิชา มาแต่หลัง
ศิษย์ไร้ครูอยู่ได้ ไม่จีรัง
อย่าโอหัง ลบหลู่ ครูอาจารย์

iceswat

  • ขาประจำ
  • ****
  • กระทู้: 56
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2014, 21:08:24 »
ขอบคุณครับพี่คริสที่วันนี้พาไปซื้อของ ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลย  :-X

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2014, 15:27:07 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ขอบคุณครับพี่คริสที่วันนี้พาไปซื้อของ ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลย  :-X
ไม่เป็นไรครับ ยินดีเสมอครับ :-[
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
แก้ปัญหา แอร์เย็นเกินไป กับ 318i N42 2 คัน
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: กันยายน 14, 2014, 15:28:44 »
แก้ปัญหา แอร์เย็นเกินไป กับ 318i N42  2 คัน


ขออนุณาตใช้พื้นที่ในกระทู้ตัวเองนะครับ
สำหรับท่านที่มีปัญหา แอร์เย็นเกินไป และเช็กกับเครื่องคอม GT1 หรืออะไรก็แล้วแต่
แล้ว มีฟ้องว่าฮีตเตอร์แอร์มีปัญหา วันนี้ ผมมีทางออกมารีวิวให้อ่านครับ อันนี้จะเป็นกรณีที่ระบบอื่นๆของแอร์ทำงานปกติหรือสมบูรณ์อยู่นะครับ
ทางเลือกในการแก้ปัญหา มี3ทางเลือกครับ (เนื่องจากรถที่ทำคือ318i N42ผมไม่แน่จว่ากับเครื่องรุ่นอื่นจะเป็นอย่างไร)

1 ซื้อมือสองมาใส่ครับ(ในกรณที่ปั๊มหรือวาล์วพัง) ทางเลือกนี้ ถูกที่สุด แต่ต้องวัดดวงว่าของมือสองที่ซื้อมาจะใช้
งานได้รึเปล่า ใช้ได้นานแค่ไหน  สำหรับรถผม จบที่ขั้นตอนนี้ครับ ของมือสองราคา1000-1200บาท ควรเลือกให้
ดีๆหน่อยนะครับ ลองส่องในรูดูว่ามีอะไรติดขัดรึเปล่า ถ้ามี แสดงว่า ยางภายในเปลื่อยหมดแล้ว อย่าเอา เพราะได้
มาก็ต้องซื้อชุดซ่อมมาอีกอยู่ดี

2 ซื้อชุดซ่อมมาซ่อม (ในกรณีที่ยางและโอริงภายในขาดชำรุด) ราคา1200-1400บาท สมาชิกบางท่านเคยบอกว่า
วิธีนี้ไม่ได้ผล ใช้แค่3เดือน ก็เสียแล้ว แต่สมาชิกท่านนั้นใช้เครื่องM52 ส่วนในกรณีผม ผมทำให้รถเพื่อนที่เป็น
เครื่องN42 และใช้ได้เกิน3เดือนแล้ว ยังปกติอยู่ไม่เห็นมีปัญหาอะไร

3 ซื้อของใหม่ วิธีนี้ จบแน่ แต่แพงสุดแล้ว บางท่านบอกเบิกศูนย์3000-5000แต่ผมถามร้านอะไหล่มา เป็นหมื่นเลย

ทีนี้มาดูวิธีแรกกันครับ ผมไปซื้อชุดวาล์วฮีตเตอร์แอร์มือสองสภาพสวยมาครับ


เวลาไปซื้อ ถ้าไม่แน่ใจว่าคนขายจะหยิบมาถูกอันรึเปล่า แนะนำให้ดูภาพผม หรือแกะตัวเก่าไปให้คนขายดูด้วย


ตัวที่ผมได้มา ทำในฝรั่งเศษ ครับ ตรงรุ่น สดใหม่กว่า


งานแรกนี้ ไปเรียกช่างประจำมาทำให้ดู เพราะกลัวทำเองจะพังไปใหญ่


ส่วนค่าแรงนั้น แกไม่ได้คิด เพราะทำให้แกตาสว่างเรื่องเครื่องN42แกเลยทำให้ฟรี
ดูช่างทำแล้ว มันก็ไม่ยากครับ แค่ถอดชุดพลาสติดออก ถอดท่อออก แล้วก็ขยับนิดหน่อยก็หลุดออกมาแล้ว
เอ่อ อย่าลืม ถอกปลั๊กด้วยนะ และต้องทำตอนเครื่องเย็นนะ


เมื่อช่างสำรวจเสร็จแล้ว ก็เอาเครื่องมือให้ช่างแกะ ช่างถามว่าเครื่องมือพร้อมขนาดนี้ ทำไมไม่ทำเอง
ผมเลยตอบแกไป ผมใช้สมองก็พอ เรื่องแรง ยกให้ช่างแล้วกัน อิอิ
แกมองด้วยสายตางอลๆ แล้วก็ลงมือทำ


ตำแหน่งของชุดฮีตเตอร์แอร์ เห็นกันชัดๆ แกะออกไม่ยาก ถ้าไม่ขี้เกียจนะ


ช่างใช้เวลาทำ 15นาทีก็เสร็จ


หน้าตาของอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายเกินจนซ่อมแซมแล้ว ตัวนี้ มอเตอร์ปั๊มน้ำเสีย วาล์วเสีย


เปลี่ยนตัวใหม่ใส่กลับคืน ต่อท่อและปลั๊กให้เรียบร้อย เติมน้ำยา ไล่อากาศ ก็เป็นอันเรียบร้อย
ใช้น้ำยาหล่อเย็นไปไม่มาก ก็เป็นอันเสร็จสิ้น


ของใหม่ใส่แทนของเดิม แจ่มจริงๆ งานต่อไปทำเองก็ได้ ไม่กลัวแล้ว
เพื่อนเรายังรอความหวังอยู่.....

วิธีที่สอง คือซื้อชุดซ่อม ซึ่งมีขายในเว็บบีเอ็มต่างๆ ลองหาดูครับ ราคาพอๆกับซื้อชุดฮีตเตอร์มือสองเลยครับ
หน้าตาก็ประมาณนี้ จากสภาพและเนื้องานแล้ว ไม่น่าจะพังเร็วเหมือนที่สมาชิกท่านหนึ่งบอกไว้ เพราะสุดท้ายแล้ว
ผมทำการซ่อมให้รถเพื่อนไปเกิน3เดือนแล้ว ยังใช้งานได้ปกติ


รอดูว่าชุดซ่อมนี้ ถ้าใช้งานได้เกิน1ปี ผมจะซื้อมาเก็บไว้เปลี่ยนบ้าง
ตอนทำให้เพื่อน คล่องแคล่วยิ่งนัก งานนี้ต้องลงแรง เพราะผลตอบแทนเป็น นาโช่ แสนอร่อย ที่เพื่อนต้องเลี้ยงอิอิ


เอ้า มาดูกันต่อ แกะของเพื่อนออกมาแล้ว สภาพสวยงามจริงๆ -_-''


ไม่เย็นก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว เปลื่อยซะขนาดนี้


ล้างทำความสะอาดและใส่ชุดซ่อมง่ายๆ แล้วก็นำไปใส่คืนในรถ เป็นอันจบครับ

การแก้ไขอาการแอร์เย็นจนเกินไปที่มีสาเหตุมาจาก ชุดฮีตเตอร์แอร์มีปัญหา ก็มีวิธีแก้ไขเยี่ยงนี้
ผมทำกับเครื่องN42นะครับ ไม่รู้ว่า ของเครื่องรุ่นอื่นเหมือนกันมั๊ย จะใช้ทนเหมือนกันมั๊ย
จึงได้แต่ให้ข้อมูลเท่าที่ผมจะหาได้ ไปเท่านี้นะครับ

Updateล่าสุด 1-11-57 ผมไปถามราคาชุดฮีตเตอร์แอร์ตัวนี้ที่ศูนย์มาแล้วนะครับ ราคา12xxxบาท ครับ ใครคิดว่าไม่อยากซ่อม จะซื้อของใหม่ใส่ ก็เอาไปพิจารณานะครับ -ของเทียบก็ไม่หนีกันมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 01, 2014, 15:31:03 โดย Chris »
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
ฝ่าขีดจำกัดความประหยัดน้ำมันไปจนได้
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: กันยายน 26, 2014, 12:25:00 »
สวัสดีครับ สมาชิก E46thailand และท่านอื่นๆที่ไม่ใช่ครับ
วันนี้ ผมกลับมาอีกครั้งกับการรีวิว การประหยัดน้ำมันของรถ BMW E46 เครื่องN42 1995cc.
หลายท่านคงทราบกันดีแล้วว่า รถBMW E46 318iที่เป็นเครื่องแบบ4สูบ รหัสN42-N46 1995cc.
เป็นรุ่นที่ถูกออกแบบมาให้ประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องรุ่น6สูบ ดังนั้น ใครที่คิดจะซื้อบีเอ็มมาขับ
ไม่ได้เน้นขับเร็วหรือแรงอะไรมากมาย เครื่องของรุ่น318iจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ
แต่ถึงแม้318iจะประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นอื่นอยู่แล้ว ก็ยังมีบางท่านรวมถึงผมด้วย (ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน)หาวิธีที่จะทำให้รถประหยัดน้ำมันลงไปอีก  หลักการของการประหยัดน้ำมันนั้น ก็ไม่ยากที่จะคิด แต่ในเรื่องของการปฎิบัตินะสิ มันช่างยากเย็น
ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนักของรถเพื่อลดกำลังโหลด  การเพิ่มแรงม้าให้กับเครื่องโดยที่ไม่ทำให้cc.เปลี่ยนไปหรือกินน้ำมันมากขึ้น หรือแม้กระทั้งการทำระบบท่อไอเสียใหม่เพื่อลดแรงม้าที่สูญเสียไปในระบบ
การเปลี่ยนเฟืองท้าย เป็นวิธีหนึ่งที่ได้ผล แต่จะได้ผลเฉพาะสถานการณ์เท่านั้น
ที่ผ่านมา ผมได้พิสูจน์แล้วว่า การนำเฟืองท้าย 3.91มาใส่กับเครื่องN42 ทำให้รถออกตัวได้เร็วขึ้น กระฉับกระเฉงขึ้น ทอร์กมากขึ้น มาเร็วขึ้น
 

แต่ผลที่ตามมาคือ รถกินน้ำมันมากขึ้น 1กม/ลิตร เนื่องจากรอบของเครื่องจัดขึ้น โดยวัดจากรอบมาตราฐานที่ผมใช้ประจำ คือ ความเร็ว110Km/h รอบอยู่ที่ประมาณ2400 RPM (กับเฟืองท้ายเดิมติดรถ 3.45) ขับคนเดียว เปิดแอร์ กระโปงท้ายบรรทุกน้ำขวดขาวขุ่นจำนวน8แฟก 48ขวด น้ำหนักประมาณ48 กก และกระเป๋าเดินทางและอื่นๆเต็มกระโปงท้าย(ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่เดินทางกลับ กทม)
ด้วยเฟืองท้ายเดิมๆ3.45ติดรถ รถจะกินเชื้อเพลิงที่ประมาณ 10.65-11.49 กม/ลิตร(Km/L)
ถ้าเป็นเฟืองท้าย 3.91รถจะกินเชื้อเพลิงที่ประมาณ 10.47 กม/ลิตร(Km/L) รอบเครื่อง2750RPMที่ความเร็ว110Km/h

(ภาพเมื่อติดตั้งเฟืองท้าย3.91)
ดังนั้น ถ้าเราเอาเฟืองท้ายที่เล็กกว่าขนาดเดิมๆมาใส่ วิ่งทางไกล รถก็น่าจะประยัดน้ำมันขึ้นเล็กน้อย ผมจึงได้ซื้อเฟืองท้ายขนาด 3.38มาเพื่อทำการทดลองและหวังว่า วิ่งทางไกล มันจะช่วยลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงลงได้


เมื่อลองใส่ดูแล้ว และได้ทำการทดสอบขับมากว่า2000กิโล จึงได้ข้อสรุปดังนี้

(ภาพหลังติดตั้งเฟืองท้าย 3.38)
เฟืองท้าย3.38 รถจะกินเชื้อเพลิงที่ประมาณ 12-12.6 กม/ลิตร(Km/L)
ซึ่งประหยัดกว่าการใช้เฟืองท้ายเดิมๆติดรถอยู่ประมาณ1.2กม/ลิตร(Km/L)
และประหยัดกว่าการใช้เฟืองท้าย3.91อยู่ประมาณ2.2กม/ลิตร(Km/L)
ในการวิ่งทางไกลต่างจังหวัดนะครับ และผมทำได้ประหยัดสุดที่12.6Km/L

(ภาพหลังติดตั้งเฟืองท้าย 3.38)
แล้วเฟืองท้าย3.38นี่ มันติดตั้งอยู่ในรถรุ่นไหนเป็นมาตรฐาน คำตอบคือ BMW E46 330i เป็นหลัก


บางท่านอาจจะเห็นว่า มันก็แค่ ลิตรเดียว ที่ต่างกัน ไม่ประหยัดเท่าไหร่หรอก
ทีแรก ผมก็เคยคิดแบบนั้นครับ ตอนที่เปลี่ยนจาก3.45ไปเป็น3.91 แต่พอเราขับทางไกลระยะเกิน200กิโลขึ้นไป ความแตกต่างมันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆครับ ยิ่งถ้าขับจาก อุบล มา กทม ความแตกต่างยิ่งมาก
เราไม่ได้ซื้อรถมาเพื่อที่จะขับกันแค่วันเดียวแล้วจบไป เราต้องขับรถกันอีกหลายหมื่นหลายแสนกิโล ดังนั้น 1กม/ลิตร ที่เห็นว่าเล็กน้อยนั้น ในระยะยาวแล้ว มันคุ้มค่าครับ
ดังนั้น ด้วยเฟืองท้ายตัวใหม่ของผมตัวนี้ 3.38มันจึงเหมาะมากขับการขับทางไกล เพราะนอกจากจะได้ความประหยัดที่เพิ่มขึ้นจากเดิมแล้ว ยังได้ตีนปลายที่เพิ่มขึ้นด้วย ผมลองทดสอบความเร็วปลายแล้ว เร็วขึ้นกว่าเดิมครับ แต่ไม่สามารถถ่ายรูปมาให้ชมได้ จึงไม่ขอบอกว่าได้เท่าไร่(เดี๋ยวหาว่าโม้) เพราะผมไม่ชอบพูดเรื่องที่ไม่มีหลักฐานมาแสดง
ส่วนเรื่องการบริโภคเชื้อเพลิงในเมืองนั้น เนื่องจาก ผมเพิ่งจะวิ่งในเมืองได้แค่200กว่าโล และยังอยู่ที่11.9กม/ลิตร จึงยังไม่อยากสรุปว่าในเมืองนั้น รถสามารถวิ่งได้ความประหยัดเท่าไหร่ แต่คิดว่า น่าจะต่ำกว่าการใช้เฟืองท้ายตัวใหญ่กว่าอยู่เล็กน้อย
ดังนั้น หากใครที่ต้องเดินทางไกลบ่อยๆ เฟืองท้ายที่เล็กกว่าขนาดเดิมๆติดรถ จะช่วยให้คุณประหยัดน้ำมันและวิ่งเร็วขึ้นได้ครับ

จากการคำนวณด้วยสูตรทางคณิตศาสตร์ สามารถคำนวณความสัมพันธ์ของ เฟืองท้ายที่มีต่อและความเร็วคงที่ดังนี้
เฟิองท้าย3.38 @ 110Km/h = 2366 RPM
เฟิองท้าย3.45 @ 110Km/h = 2415 RPM
เฟิองท้าย3.91 @ 110Km/h = 2737 RPM
เฟิองท้าย3.15 @ 110Km/h = 2205 RPM
ซึ่งใกล้เคียงกับค่าที่ผมได้อย่างหยาบๆที่ 110Km/hคือ
3.38@2300RPM
3.45@2400RPM
3.91@2750RPM

หมายเหตุ ข้อมูลทั้งหมด เป็นข้อเท็จจริงซึ่งได้จากการเก็บข้อมูลด้วยตัวเองและข้อมูลจากเว็บต่างประเทศ ไม่ได้ใช้ความรู้สึกแต่อย่างใด  ตัวแปรอาจไม่คงที่นักเพราะมีปัจจัยอย่าง สภาพอากาศ สภาพการจราจร อุณหภูมิ  ระดับความสูงเมื่อเทียบกับระดับน้ำทะเล เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นข้อดีเพราะเท่ากับเป็นการจำลองการใช้รถในชีวิตประจำวัน





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 26, 2014, 12:35:35 โดย Chris »
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

nonnyeos

  • คนคุ้นเคย
  • ***
  • กระทู้: 53
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2014, 16:27:40 »
รีวิวดีมากๆ ครับ อ่านเพลินเลย

ส่วนรถผม ไม่มีให้เลือกครับ เจอสภาพไหนก็ต้องเอาครับ 555  :วิ่งหนี:

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
เมื่อความประหยัดสุดๆกับความแรงมันไปกันได้
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2014, 17:27:08 »

สวัสดีครับ สาวกE46Thailand โดยเฉพาะท่านที่ใช้ BMW E46 318ia เครื่อง N42-N46ทุกท่าน หลังจากที่ปล่อยเวลามาระยะหนึ่ง ที่คิดว่าจะทำรีวิว แต่กลับไม่มีเวลาเลย วันนี้ ผมจะมารีวิวการใช้งาน กล่องเพิ่มความแรงและเพิ่มความประหยัดน้ำมัน Pro Racing ที่ไม่ใช่กล่องไฟ แต่เป็นกล่องควบคุมระบบการทำงานของECUรถ คล้ายๆกับการRemapที่ใช้กับเครื่องN42-N46โดยเฉพาะ(อุปกรณ์ดังกล่าว ใช้ได้กับรถและเครื่องหลายรุ่น แต่ต้องแจ้งทางผู้ผลิต เพื่อที่จะเซ็ตโปรแกรมให้ถูกต้องและตรงรุ่น)

เนื่องด้วย ผมต้องการที่จะหาทางที่จะประหยัดน้ำมันที่สุดเท่าที่จะทำได้กับรถของผม ซึ่งจริงๆแล้ว มันก็ประหยัดกว่ารุ่นอื่นๆในตระกูลE46อยู่แล้วเพราะเป็นเครื่อง4สูบ รุ่นใหม่ที่ใช้คันเร่งไฟฟ้าเพื่อความเเม่นยำและตัวเครื่องใช้วัสดุอลูมินั่มน้ำหนักเบาเพื่อลดน้ำหนักของรถอีกทาง


จะเป็นรองก็แค่เครื่องN46ซึ่งมีแรงม้ามากกว่าอยู่7ตัวแต่กินเชื้อเพลิงเท่ากัน จึงทำให้ประหยัดที่สุดในตระกูลE46ครับ จากที่เคยบอกในกระทู้ก่อนๆแล้วว่าต้องทำอย่างไรจึงจะประหยัด ผมก็ได้หาข้อมูลในEbayและพบอุปกรณ์ตัวนี้ครับ



Pro racing tuning box  ซึ่งจะใช้เสียบเข้ากับพอร์ตOBDของรถ เพื่อที่จะทำการจัดการกับระบบการจุดระเบิดและการจ่ายน้ำมันของรถ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดโดยผลที่จะได้คือ รถจะมีแรงม้ามากขึ้นอีกเล็กน้อย และประหยัดน้ำมันขึ้นอีกเล็กน้อย(อันนี้ผมเน้นมาก) และสุดท้าย จะทำให้เครื่องเผาไหม้สะอาด เพื่อให้ได้มลพิษน้อยที่สุด ซึ่งเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมให้ลดมลภาวะลง

หลังจากที่สั่งอุปกรณ์ตัวนี้จากเมืองนอก ใช้เวลา25วัน ของก็มาถึงครับ ขั้นตอนการติดตั้งนั้น ง่ายมากครับ บิดกุญแจไป1ขั้น แล้วทำการเสียบเข้ากับพอร์ตOBDของรถ รอสัก30วิ (ให้กล่องเริ่มบูตตัวเอง) ก็สามารถ บิดกุญแจมาที่ขั้นที่2และสามารถติดเครื่องได้ตามปกติ
ตามคู่มือ ผู้ผลิตบอกว่า ต้องทำการขับขี่เป็นปกติระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้กล่องทำการบันทึกพฤติกรรมการขับขี่ และ การทำงานของเครื่องยนต์ที่ถูกควบคุมด้วยกล่องEUCของรถ กล่องจะทำการเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อที่จะใช้ประมวลผลในขั้นต่อไป
เมื่อกล่องเก็บข้อมูลเพียงพอแล้ว จะทำการควบคุมการทำงานของกล่องECUรถอีกชั้นหนึ่ง  ผู้ผลิตอ้างว่า ต้องใช้ระยะเวลาและทาง50-200กม. ถึงจะเริ่มทำงานและเห็นผล
 
มาดูรูปร่างหน้าตาของกล่องPro Racing กันครับ เจ้ากล่องนี้มีสัญชาติโปแลนครับ กล่องพลาสติกสีแดงใส มองเห็นแผงวงจรข้างในและชิปCPUที่ทำการประมวลผล ซึ่งผมเช็กระหัสบนชิปแล้ว เป็นชิปชนิดที่ใช้กับอุตสาหกรรมรถยนต์จริงๆ ไม่ใช่ เอาอะไรมาก็ไม่รู้แล้วแปะติดเข้าไป จึงยืนยันได้ระดับหนึ่งว่า เจ้านี้ ของจริง ไม่ใช่ทำหลอก ทำเล่น


กล่องประเภทนี้ที่ทำมาหลอกกินเงินพวกเรามักจะปิดมิดชิดทึบหรือใส่เรซิ่นจนเราไม่สามารถมองเห็นวงจรหรือชิปได้ แต่เจ้านี้ แฟร์ๆครับ ให้เห็นไป
เลยว่าของจริงไม่หลอก



ต้องแยกแยะนะครับ เพราะไม่ใช่ทุกกล่องจะเป็นของหลอกลวง ของจริง ทำได้จริง ก็มีเยอะครับ


กล่องมีช่องต่อเข้ากับสาย ซึ่งจะมีหัวแบบOBD2ไว้ไปเสียบกับรถเรา ติดตั้งง่ายจริงๆ 


ตัวสายเองก็เก็บเนื้องานได้ดีครับ 
เมื่อประกอบกันแล้วมีหน้าตาแบบนี้ครับ




หลังจากนั้น ผมก็ขับเป็นปกติ ไปต่างจังหวัดตามปกติ เวลาผ่านไปสักพัก แล้ววันหนึ่ง เมื่อผมทำการติดเครื่องรถขึ้นมา พอขับแล้วรู้สึกแตกต่างขึ้นมาทันที
ทีแรกก็ตกใจเล็กน้อย เพราะลืมไปว่าติดตั้งอุปกรณ์ตัวนี้อยู่ และเคยชินกับพฤติกรรมเดิมของรถ
แต่หลังจากที่กล่องเริ่มทำงาน รู้สึกได้เลยครับว่า รถแรงขึ้น ไม่ได้แรงผิดหูผิดตา แต่แรงขึ้นครับ ดังนั้น เรื่องแรกที่ทางผู้ผลิตได้เคลมไว้จึงเป็นไปตามนั้นครับ หลังจากรับรู้ถึงความแรงที่เพิ่มขึ้น ผมไม่รีรอที่จะทดสอบอัตราสิ้นเปลื้องน้ำมัน เพราะเป็นเหตุผลหลักจริงๆที่ผมลงทุนซื้ออุปกรณ์ตัวนี้มา
ทุกครั้งในการทดสอบอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ผมจะใช้เส้นทางจากอุบลถึงสีคิ้วเสมอ ใช้เส้นทางเดิม และความเร็ว110Km/hทุกครั้ง เพื่อให้เห็นถึงผลการเปลี่ยนแปลงใดๆที่เกิดขึ้นกับรถ  และคราวนี้ก็ไม่ผิดหวัง เพราะมันสามารถสร้างความประหยัดขึ้นไปได้อีกขั้นที่ 13.3Km/L


ซึ่งเมื่อเทียบกับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเดิม ก็ถือว่าใช้ได้เลยครับ เช่นเคย ผมจะบอกว่า ในบางครั้ง มักจะมีบางท่านอ้างว่า รถตัวเองวิ่งได้อัตราสิ้นเปลืองดีกว่านี้ ทั้งๆที่ จำนวนสูบมากกว่า ซีซีมากกว่า รถน้ำหนักมากกว่า ซึ่งในความเป็นจริงเป็นที่รู้กันว่า มันจะประหยัดกว่าได้อย่างไร ที่สำคัญ ไม่เคยมีรูปมายืนยันเลย ได้แต่อ้างลอยๆ จึงเชื่อถือไม่ได้ ซึ่งต่างกับผม ซึ่งจะมีรูปผลการทดสอบมาให้ดูอยู่ตลอด และการทดลอง จะมีตัวแปรที่ค่อนข้างคงที่เสมอ จึงมีความน่าเชื่อถือกว่าแน่นอน

ความจริงแล้ว ช่วง200กิโลแรก หลังจากที่ผมรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง และทำการรีเซ็ตระบบคำนวณเชื้อเพลิงใหม่ ผลอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 13.8Km/L



แต่หลังจากที่ขับมาได้ระยะเวลาหนึ่ง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจึงนิ่งขึ้นที่ 13.3Km/L และไม่ลดไปกว่านี้แล้ว ผมจึงได้นำค่านี้มาเป็นค่าสรุปหลักครับ

มาดูกันต่อครับ ว่ามันประหยัดขึ้นแค่ไหน
-เฟืองท้าย 3.91 อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 10.47 กิโลเมตร/ลิตร(ติดตั้งเฟืองท้าย3.91 ต้นแรง มาเร็ว แต่เปลืองเชื้อเพลิงที่สุด)ดูในกระทู้บนๆหัวข้อเรื่อง mini review เฟืองท้ายใหม่ใส่N42ของผม ได้เลยครับ
-เฟืองท้าย 3.45 อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 11.49 กิโลเมตร/ลิตร (เดิมๆโรงงานทั้งหมด)
-เฟืองท้าย 3.38 อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 12.6 กิโลเมตร/ลิตร(ติดตั้งเฟืองท้ายใหม่3.38 ต้นอืดเล็กน้อย ปลายไหลและประหยัดเชื้อเพลิงขึ้น)ดูในกระทู้บนๆหัวข้อฝ่าขีดจำกัดความประหยัดน้ำมันไปจนได้ 
-เฟืองท้าย 3.38 อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 13.3 กิโลเมตร/ลิตร ( ติดตั้ง อุปกรณ์ Pro Racing tuning box แรง และ ประหยัด)
จากข้อมูล จะเห็นว่า ความแตกต่างจาก 12.6 มาเป็น13.3 ถือว่า ประหยัดขึ้น 0.7(700เมตร)กิโลเมตรต่อลิตร ยิ่งถ้าดูจากข้อมูลรถเดิมๆ มาเป็นตอนนี้ จะประหยัดขึ้น 1.81กิโลเมตรต่อลิตร บางท่านอาจคิดว่า ประหยัดได้แค่นี้เองเหรอ คำตอบคือใช่ครับ
แต่อย่าลืมว่า มันคือ กิโลต่อลิตรนะครับ ดังนั้น ยิ่งวิ่งเยอะ ยิ่งวิ่งไกล ยิ่งประหยัดขึ้น เห็นผลชัดเจนครับ ดังนั้น สิ่งที่ผู้ผลิตเคลมไว้อย่างที่สอง ก็เป็นจริงครับ
ส่วนเรื่องมลพิษ ไอเสีย อันนี้ ผมไม่อาจจะวัดออกมาได้ จึงไม่สามารถให้คำตอบได้ครับ และก็ไม่มีไฟรูปเครื่องโชว์ขึ้นแต่อย่างใด

สรุป คือ 13.3กิโลเมตรต่อลิตร คือ อัตราสิ้นเปลืองที่ดีที่สุดที่รถผมทำได้ ด้วยความช่วยเหลือของอุปกรณ์2ชิ้น คือ เฟืองท้าย3.38  และ กล่องเพิ่มประสิทธิภาพ Pro Racing  จริงๆแล้ว ถ้าผมเปลี่ยนกระโปงหน้าและหลังเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ คงจะประหยัดและออกตัวได้ดีกว่านี้ด้วย แต่ติดที่ ไม่มีพื้นที่เก็บอุปกรณ์ที่ถอดออก

สำหรับเครื่องN46 คงจะประหยัดกว่านี้ได้อีกหน่อยครับ เพราะมีการปรับปรุงเครื่องให้มีแรงม้าเพิ่มอีกเล็กน้อยแต่กินเชื้อเพลิงเท่ากับเครื่องN42
สำหรับท่านที่ต้องการความประหยัดให้เพิ่มมากขึ้น ก็สามารถนำเอารีวิวต่างๆที่ผมเคยทำมาแล้ว มาประยุกต์ใช้ได้นะครับ ยุคนี้เป็นยุคของความประหยัดพลังงานแล้วนะครับ อย่ามัวเชยกับความคิดแบบเก่าๆว่า รถบีเอ็มต้องแรงอย่างเดียว
เครื่องเหล็กหนัก สูบเยอะ ซีซีสูง กินน้ำมัน มันหมดยุคไปแล้วครับ ยุคนี้ มันต้องทั้งแรงและประหยัดครับ บีเอ็มยุคใหม่ ถึงได้ใส่เทอร์โบเข้าไปกับรถเพื่อเพิ่มความแรงและความประหยัด รวมทั้งพยายามลดน้ำหนักตัวรถลงด้วย บริษัทผลิตรถหลายค่าย หันมาทำเครื่อง4สูบ เทอร์โบกันแเเล้ว มันคือเทรนใหม่แห่งอนาคต
ส่วนรถเราๆท่านๆ ใส่เทอร์โบไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวลครับ การทำให้รถประหยัดพลังงานและแรง มีมากมายหลายวิธีครับ และบางวิธี ผมก็เอามาให้ท่านดูแล้วครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 09, 2014, 14:01:03 โดย Chris »
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

Krisada511

  • คิดว่าดีก็ทำต่อไป
  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 13170
  • 325i M-Sport-N52k
    • http://www.subaruxvthailand.com/
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2014, 17:42:46 »
ขอบคุณรีวิวดีๆครับ  ตอนนี้ใช้ 6 สูบ เวลาเติมน้ำมันคิดถึง 4 สูบจัง  :))
สิ่งที่สมบูรณ์แล้วโดยแท้ มันก็มีความบกพร่องอยู่ สิ่งที่บกพร่องอยู่ แท้จริงมันก็สมบูรณ์ดีอยู่แล้ว / ขอแนะนำเวปส่วนตัว ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

Krisada511

  • คิดว่าดีก็ทำต่อไป
  • Global Moderator
  • บุคคลในตำนาน
  • *****
  • กระทู้: 13170
  • 325i M-Sport-N52k
    • http://www.subaruxvthailand.com/
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2014, 11:44:34 »
วันนี้มาอ่านอีกรอบ รู้สึกเสียดาย ตอนนี้เจ้าของใหม่ ขับไปธุระที่ เชียงราย เจอยางบวม จากลงหลุมแรงไปนิด  กำลังเปลี่ยนยางอยู่ที่เชียงรายตอนนี้ และ กำลังเดินทางกลับ กรุงเทพฯ
ระหว่างรอเปลี่ยนยาง ผมเลยส่งบทความนี้ให้อ่าน

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน


ยางมันเหลือวิ่งได้ ราว 1 หมื่นกิโล แต่จอดนานมาก ก็เสื่อม
สิ่งที่สมบูรณ์แล้วโดยแท้ มันก็มีความบกพร่องอยู่ สิ่งที่บกพร่องอยู่ แท้จริงมันก็สมบูรณ์ดีอยู่แล้ว / ขอแนะนำเวปส่วนตัว ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน

Schwarzrosette

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 865
  • OHHHHHHHHHH
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2014, 19:04:44 »
แรงกับประหยัดมันก็เกิดกับหกสูบได้ครับ ถ้าพี่ไม่เล่นเอาสี่สูบมาไล่ทุบกระบาลรถหกสูบ แล้วบอกว่าอัตราประหยัดสี่สูบเยอะกว่า 

แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยมาทำรีวิวกัน ผมก็ทำ แต่มันเห็นไม่ชัดจากออนบอร์ดแน่นอน เพราะผมใช้รถในเมืองซะส่วนมาก แต่ออกต่างจังหวัด แก๊ส 48 ลิตรผมทำได้ 385 กิโล

แรงที่ว่าผมแนะนำขึ้นไดโน่วัดเลยดีกว่า มันขึ้นมาจริงมั้ย อย่าเอาฟิลลิ่ง เอาฟิลลิ่งใครก็พูดได้ ถอดกล่องดับรถ แล้วทำ Adaptive Reset กันเลยครับ แล้วขึ้นดูว่าก่อนขึ้นกับหลังขึ้นมันได้เท่าไหร่ เอาฟิลลิ่งผมก็บอกได้ เปลี่ยนแบตใหม่รถก็แรงขึ้น ถ้าจะเอาตรรกะนี้

ไดโน่เลยครับ ราคาไม่แรงอย่างที่คิด วัดค่า A/F ด้วยว่ามันต่างจากเดิมมากมั้ยถ้ามันประหยัดขึ้นจริง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 12, 2014, 19:49:45 โดย Schwarzrosette »

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2014, 04:21:57 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
แรงกับประหยัดมันก็เกิดกับหกสูบได้ครับ ถ้าพี่ไม่เล่นเอาสี่สูบมาไล่ทุบกระบาลรถหกสูบ แล้วบอกว่าอัตราประหยัดสี่สูบเยอะกว่า 

แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยมาทำรีวิวกัน ผมก็ทำ แต่มันเห็นไม่ชัดจากออนบอร์ดแน่นอน เพราะผมใช้รถในเมืองซะส่วนมาก แต่ออกต่างจังหวัด แก๊ส 48 ลิตรผมทำได้ 385 กิโล

แรงที่ว่าผมแนะนำขึ้นไดโน่วัดเลยดีกว่า มันขึ้นมาจริงมั้ย อย่าเอาฟิลลิ่ง เอาฟิลลิ่งใครก็พูดได้ ถอดกล่องดับรถ แล้วทำ Adaptive Reset กันเลยครับ แล้วขึ้นดูว่าก่อนขึ้นกับหลังขึ้นมันได้เท่าไหร่ เอาฟิลลิ่งผมก็บอกได้ เปลี่ยนแบตใหม่รถก็แรงขึ้น ถ้าจะเอาตรรกะนี้

ไดโน่เลยครับ ราคาไม่แรงอย่างที่คิด วัดค่า A/F ด้วยว่ามันต่างจากเดิมมากมั้ยถ้ามันประหยัดขึ้นจริง
''แรงกับประหยัดมันก็เกิดกับหกสูบได้ครับ'' ถูกต้องครับ รถคันไหนก็ทำได้ แต่ได้ไม่เท่าเพราะกายภาพของเครื่องและรถครับ ของคุณถ้าทำแบบที่ผมเคยบอก มันก็ประหยัดขึ้นได้อีกครับ แต่ประหยัดแค่ไหนก็ไม่สู้รถที่ เบากว่า ซีซีน้อยกว่า สูบน้อยกว่า และที่ผมทำรีวิว ผมก็รีวิวกับรถผมซึ่งได้เปรียบทางกายภาพของเครื่องยนต์และตัวถัง

ส่วนเรื่องรีวิว ถ้าไม่ทำกัน ในกลุ่มของรุ่นคุณ อันนี้มันก็ช่วยไม่ได้ครับ ไม่อยากแบ่งปันข้อมูลกัน ก็ไม่เป็นไร แต่ขอความกรุณา อย่าเอาเรื่อง4สูบ6สูบ มาเป็นประเด็นให้ทะเลาะกันนะครับ ส่วนรถพวกคุณ6สูบ ผมก็ไม่ได้มีอคติ ผมได้แต่นั่งและขับ ดูข้อมูล และพูดไปตามเนื้อผ้า ถ้าตรงไหนที่คุณเห็นแย้ง ก็ตั้งกระทู้ ทำรีวิว ให้เป็นข้อมูลก็จะดีมากครับ ส่วนตัวผมก็ชอบ6สูบเพราะความแรงของมันครับ แต่ผมชอบความประหยัดมากกว่า ตัวเลขonboardมันก็ทำกันขึ้นมาได้ แค่กดรีเซ็ต แล้วขับ60Km/h คุณก็น่าจะได้ 15-16Km/Lมั้ง แต่ผมไม่มีความจำเป็นต้องทำข้อมูลเท็จขึ้นมา เพราะผมต้องการแบ่งปันข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์หลอกลวงหรือโจมตีใครหรือโฆษนาอะไร

รถ4สูบ ในเมืองประหยัดกว่า6สูบครับ ชัดเจน เพราะผมขับรถคนรู้จักมาหลายคันแล้ว ทั้ง323และ330   ส่วน ตจว ความแตกต่างจะเห็นน้อยกว่า แต่ยังไง ถ้าขับปกติตามสูตร 4สูบก็ประหยัดกว่าเล็กน้อยอยู่ดี ที่นี้ ถ้าวิ่งไกลๆ ความเล็กน้อยมันก็สะสมและทำให้ปลายทางเห็นความแตกต่างครับ

รถคุณ ถ้าถังโดนัท ยังไงก็เติมไม่ถึง48ลิตรแน่นอน มันได้แค่ประมาณ39ลิตร และถ้าอัดก็ได้ไม่เกิน45ลิตร  ส่วนรถผม ถัง52ลิตร มันเติมปกติได้ก็ประมาณ39ลิตร สามารถดูจากประวัติภาพเก่าที่ถ่ายไว้ได้ ในรีวิวบนๆนี่แหล่ะ  ดังนั้น การที่รถคุณวิ่งได้ 385 กฺ็โลก็ไม่แปลกครับ ส่วนรถผม วิ่งได้สี่ร้อยโลนิด ซึ่งก็ไม่แปลกเช่นกัน เพราะรถผมมัน4สูบ ซีซีน้อยกว่า น้ำหนักเบากว่า

สุดท้ายเรื่องความแรง ก็บอกแล้วว่าแรงขึ้นนิดหน่อย คุณขับรถทุกวัน ประจำ บ่อยๆ คันเดียว คุณไม่รู้ว่ารถคุณมันวิ่งดีขึ้นหรือแย่ลง อันนี้ก็แย่แล้วนะ ตัวแปรก็คงที่ยกเว้นของที่ใส่ใหม่เข้าไป แหมขนาดเปลี่ยนกรองอากาศK&nบ้าง เปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ้าง เปลี่ยนแบ็ตบ้าง ลงกราวบ้าง ยังบอกกันได้ว่าดีขึ้น แล้วทำไมพี่ต้องไปลงไดโน่วัดค่าA/F มาให้น้องดูด้วย พี่ไม่ได้เขียนรายงานส่งอาจารย์นะครับ พี่มาแบ่งปันข้อมูล ไม่เชื่อก็ข้ามครับ ไปตั้งกระทู้เขียนรีวิวของตัวเองเลยครับ อย่ามาทำตัวแบบนี้ ผมเชื่อว่าทุกท่านที่ทำรีวิว เค้าเสียเวลาทำมาหากิน มานั่งพิมพ์ นั่งเอารูปลง คงไม่ใช่ต้องการจะโม้หรอกนะครับ เค้าอยากแบ่งปันข้อมูลกันทั้งนั้น ให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงกันทั้งนั้น

ปล ถ้าดูดีๆ จะเห็นว่า รีวิวต่างๆที่ผมทำ ผมทำในกระทู้ของผมนะครับ ไม่ได้ไปตั้งกระทู้ใหม่ ไม่ได้ไปดันกระทู้ตัวเองเพื่อโฆษณาอวดความรู้ ผมพยายามทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง ให้ความรู้แบ่งปันข้อมูลเท่าที่เราจะให้ได้แกคนอื่นๆ  บังเอิญว่ามีคนเห็นถึงประโยชน์ในเรื่องที่ผมเสนอ เค้าก็เอาไปไว้หน้าแรกเป็นไฮไลท์ให้สมาชิกได้อ่านกัน ผมเชื่อว่าถ้าใครทำตัวมีประโยชน์ ก็คงได้รับเกียรติ ให้เป็นไฮไลท์เหมือนกันครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 13, 2014, 04:47:04 โดย Chris »
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

Schwarzrosette

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 865
  • OHHHHHHHHHH
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2014, 11:23:32 »
เออแปลกดี พอไม่เชื่อก็บอกให้ข้าม เขามีแต่ไม่เชื่อยิ่งต้องพิสูจน์

ผมทำผมก็ยังไม่เชื่อ มันเลยต้องมีการลองวิ่งกับชาวบ้าน ขึ้นไดโน่วัดกัน เช็คโวลต์ ทำให้มันเป็นค่าตัวเลขแบบยืนยันมีมาตรฐานรองรับ วัดค่า A/F ออกมาว่ามันต่างจริงมั้ย หรือมันประหยัดเพราะแค่ตัวกล่องมันไปกระตุ้นอะไรบางอย่างให้มันวิ่งดีขึ้น มันประหยัดจริงหรือมันประหยัดเพราะคนขับมันทำให้ประหยัดเอง

แปลก การสงสัยเป็นการทำตัวแบบนี้ งั้นก็เขียนแล้วเก็บไว้อ่านในบล็อกเหอะครับ คนมาสงสัยดันมาพูดแบบนี้

Chris

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 2784
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2014, 23:26:10 »
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
เออแปลกดี พอไม่เชื่อก็บอกให้ข้าม เขามีแต่ไม่เชื่อยิ่งต้องพิสูจน์

ผมทำผมก็ยังไม่เชื่อ มันเลยต้องมีการลองวิ่งกับชาวบ้าน ขึ้นไดโน่วัดกัน เช็คโวลต์ ทำให้มันเป็นค่าตัวเลขแบบยืนยันมีมาตรฐานรองรับ วัดค่า A/F ออกมาว่ามันต่างจริงมั้ย หรือมันประหยัดเพราะแค่ตัวกล่องมันไปกระตุ้นอะไรบางอย่างให้มันวิ่งดีขึ้น มันประหยัดจริงหรือมันประหยัดเพราะคนขับมันทำให้ประหยัดเอง

แปลก การสงสัยเป็นการทำตัวแบบนี้ งั้นก็เขียนแล้วเก็บไว้อ่านในบล็อกเหอะครับ คนมาสงสัยดันมาพูดแบบนี้
น้องครับ พี่เขียนบทความมาให้อ่านนะครับ ถ้าน้องสงสัย น้องก็พูดดีๆครับ ไม่ใช้ท้าทาย ที่น้องพิมพ์มา อ่านยังไงมันก็ท้าทายครับ สำหรับพี่ คำเขียน สำนวน อ่านแล้วรู้สึก ท้าทาย มากกว่าสงสัย  ที่สำคัญ ถ้าใช้คำพูดไม่เป็น ก็อย่าพิมพ์ครับ น้องอาจจะไม่ได้ตั้งใจท้าทาย แต่การพิมพ์มันแสดงอย่างนั้น พี่เคยทะเลาะกับผู้เชี่ยวชาญในเว็บนี้มาแล้วนะครับ เรื่องการสื่อสาร ให้มันดีๆหน่อย เจตนาแบบหนึ่ง แต่การพิมพ์มันทำให้คนอ่านเข้าใจผิดและรู้สึกไม่ดีได้
และสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่พี่เรียนรู้จากที่นี่คือ อย่าหาเรื่องหรือทะเลาะกันในบ้าน(กระทู้)คนอื่น มารยาทรู้จักมั๊ยครับ ไม่พอใจอะไร คาใจอะไร อยากพิสูจน์อะไร ไปตั้งกระทู้แล้วพิสูจน์เองครับ คนอ่านเค้ามีวิจารณญาณครับ เค้าตัดสินใจได้ว่าใครถูกใครผิด
ถ้าน้องคิดว่าเรื่องนี้ต้องพิสูจน์ แนะนำน้องไปหาซื้ออุปกรณ์ตัวนี้มา(พี่รู้ว่าน้องรวย มีปัญญาหาซื้อมาได้อยู่แล้ว) แล้วลองทำการพิสูจน์เองก็แล้วกัน รวมทั้ง ไอ้กล่องและอุปกรณ์แต่งอื่นๆในรถน้องด้วยนะ คนอื่นจะได้ความรู้เพิ่มจากที่น้องจะแบ่งปันให้
ทำเลยครับ ทำตัวให้มีประโยชน์ต่อสังคมเลยครับ

อ่อ ลืมบอกไป ข้อมูลเรื่องแก๊สของรถน้อง ถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดที่น้องทำได้กับรถของน้อง แต่มันพิสูนจ์ให้เห็นชัดว่า รถน้องกินเชื้อเพลิงมากกว่ารถพี่ ที่เฟืองท้ายเดิมๆไม่ได้แต่งเติมหรือใส่กล่องแต่งอุปกรณ์ใดๆทั้งสิ้น ลองขึ้นไปอ่านดูนะในหัวข้อ ''ฝ่าขีดจำกัดความประหยัดน้ำมันไปจนได้ ''
Born to be a Bimmer lover
I'm a E46 addict!
''อคติ คือสิ่งที่คนโง่ใช้แทนเหตุผล''

3rd_e46

  • แฟนพันธุ์แท้
  • *****
  • กระทู้: 6
Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2014, 22:10:53 »
กระทู้ดีๆ มีประโยชน์... พังหมด