BMW E46 Thailand

พูดคุย แลกเปลี่ยน เฮฮา => พูดคุย สนทนาทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: Electronic ที่ มกราคม 28, 2013, 00:16:14

หัวข้อ: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: Electronic ที่ มกราคม 28, 2013, 00:16:14
ขอโทษนะครับ สำหรับการจ่อหัวหัว พาดพิงคนใช้รถญี่ปุ่น แต่มันก็เป็นความจริงแล้วว่า ตั้งแต่ นโยบายรถคันแรกออกมา ทำให้รถญี่ปุ่นวิ่งเกลื่อนไปหมด ผมเองปัจจุบันก็ใช้รถญี่ปุ่นอยู่ แต่ขับไปขับมา เริ่มรู้สึกแล้วว่า เธอไม่ใช่สำหรับเราแล้ว เพราะไปไหนๆ ก็มีแต่รถญี่ปุ่น จนรู้สึกว่า เกิดความเบื่อ และชินตา และรู้สึกว่า มันไม่เทห์สำหรับเราแล่ะ แต่พอไปเห็น bmw รุ่น E46 เออรถรุ่นนี้ มันสวยอัมตะ เราน่าจะหามาครอบครองสักคัน แต่ใจก็กล้าๆกลัวๆ แต่หลังจากได้มาศึกษาหาข้อมูลในคลับนี้ ความรู้สึกกลัวหายไปเลยครับ มีแต่ความอยากได้ขึ้นมา แต่คันปัจจุบันยังผ่อนไม่หมดนี่สิตัวปัญหา  O0 แต่ช่างมัน เมื่อใจมันหลงรักเสียแล้ว จะต้องหามาครอบครองให้ได้  ;D ก็ขอแนะนำตัวเองด้วยกระทู้นี้ครับ พึ่งสมัครเป็นสมาชิกครับ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: Awirut ที่ มกราคม 28, 2013, 00:21:10
ขอให้เจอเนื้อคู่ไวๆนะครับ ;) ;) ;)
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: spiritzas ที่ มกราคม 28, 2013, 00:22:51
ยินดีต้อนรับครับ..รีบๆหาเนื้อคู่ให้พบนะครับ  :)
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: Pitch win ที่ มกราคม 28, 2013, 00:26:52
 :)ใช่เลยครับ ;) :(
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: doctor alex ที่ มกราคม 28, 2013, 01:01:40
อย่าคิดอย่างนั้นเลยครับว่ารถญี่ปุ่นใครๆ ก็ซื้อได้  เอาว่าเราชอบบีเอ็มแล้วกัน  ผมจะเล่าเรือ่งผมให้ฟัง
   ผมจบเป็นหมอตั้งแต่ปี 2537  รถคันแรกที่คุณแม่ผมให้รางวัลดาวน์ให้ แต่ผ่อนเอง คือมาสด้า 323  ตอนนั้น เป็น 316 i 16 valve  ดิสเบรค 4 ล้อ  ช่วงล่าง ทวินทราปิซอยดาล ลิงค์ อันเลื่องชื่อ TTL  ตอนนั้นมีโตโย 3 ห่วง  รุ่นแทกซี่ปัจจุบันก็เริมหายาก  ผมลองแล้วชอบมาสด้า  ทุกคนไม่เห็นด้วยบอกโตโยรถตลาด  ผมซื้อมาสด้าในทันที  ผ่อนต่อจนเสร็จ       เชื่อไหมครับ ปัจจุบันอยังอยู่ในสภาพที่ดีมาก  ขับมาทำงาน คนงาน ยังมาขอซื้อต่อ  แต่ผมไม่ขายเพราะมีประวัติดีๆ  ได้พาสาวไปกินข้าว  ไปทะเล สาวคนนั้นวันนี้ก็เป็นแม่ของลูก  เป็นหมอโรคไต ที่โรงพยาบาลเดียวกับผม  โรงพยาบาลประจำจังหวัด.........ขายไม่ลง  แต่ผมได้นำมาเปลี่ยยเครืองของมาสด้า แอสทินา เกียร์ออโต้  ( เดิมซื้อมานวล เพราะหนุ่มชขอบเชนเกียร์ มันดี) พอเปลี่ยนเครืองติดเกียร์ออโต  ก็ให้คุณแม่ใช้  เพราะรถแม่สภาพไม่ดีเหมือนของผม   แต่ตอนนี้แม่ไม่ขับเนืองจากอายุมาก  ผมก็เอามาล้างและเปลี่ยนขับ
   ต่อมาซื้อแอคคอร์ดตาเพชร  ซือต่อจากเพือน  ใช้ตอนเรียนแพทย์เฉพาะทาง ในกทม  ดุแลอยางดี  จนจบเพื่อนก็มาหักคอซื้อต่อไป
  ผมได้มีโอกาสใช้ไฟท้าย 2 ก้อนในช่วงสั้นๆ  ผมว่าตาเพชรรุ่นแรกขับดีกว่ามาก   แล้วก็ขายไปอีก   
   สุดท้ายมีความจำเป็นต้องมีรถทั้งผมและภรรยา  เพราะผมเริ่มผ่าตัดแบบกะเวลาเสร็จไม่ได้  ผ่ามะเร็งใส้  อุจจาระเต็มท้อืง  ต้องควักออกใส่ถุงดำ หรือยิงแทง ทำให้ต้องส่งุภรรยาไปเรียนขับรถ  และด้วยความที่เป็นหมอเหมือนกัน  เอสตีม(แปล่ว่าความเชื่อมั่นในตนเองสูง )  ท่านผ.บ.ที่บ้านผมจึงไปออกคัมีรี่ป้ายแดง เพราะบอกว่ารถใหญ่เผื่อนั้งกับลูกจะได้ไม่แออัด   เอาเข้าจริง   ตามองไม่เห็นเพราะสั้นมาก  แว่นหนา
     ในเวลานั้น  ( เริ่มเข้าเนื้อเรือง )  ผมได้มีโอกาสผ่าตัด คนมีฐานะ  และเขามีบีเอ็ม อี 30  ที่เขาใช้มาเอง  และเปลี่ยนเครืองเป็นเอสอาร์ ฝาขาว เขาบอว่าเขาจะยกรถปีประมาณ 1989 ให้  ผมบอกว่า   ผมคงไม่มีกำลังจะซ่อม  เขาบอกว่า  ไม่ต้องซ่อม เขาบูรณะมาหมดแล้ว และก็จริง  ผมได้รู้จักกับรถอายุ 10 กว่าปี  ตอนนั้นผมได้มาประมาณ ปี 2544   ผมรู้จักความแรง  ความมันของการขับขี่  ในรถที่คนอื่นใช้มาหลายปีแล้ว  การเกาะถนนที่ดีมาก  ทั้งที่ตัวผมขับแคมรี่ป้ายแดงแล้ว  ก็ยังให้ความรู้สึกไม่เสถียรเท่าเจ้า อี 30  ผมเพืงมาทราบว่า  มันขับเคลือ่นที่ล้อหลัง  ล้อหน้ามีแต่กลไกการบังคับเฉยๆ............หลังจากภรรยาได้ขับคัมรี่ได้สักปี  ไปรรับส่งลูก ไปตลาด ไปคลินิก เท่านั้น  ...... แล้วในที่สุดเธอก็มาลองขับ อี 30 ของผมและก็ร้องว่า ดูสภาพ ไม่น่าจะขับดีขนาดนี้   ผมโดนยึดบีเอ็มไปเป็นรถประจำตัวของภรรยาตั้งแต่นั้น       เเคมรี่ของเขา  ซึ้อเมือมกราคม 2548  ถึงตอนนี้ มกราคม 2556 วิ่งไปแล้ว  30000 โล    ผมพิมพ์ไม่ผิดครับ  3  หมืนโล  จนตอนนี้  เพิ่งเปลี่ยนน้ำมันเครือง ไปครั้งที่  3  มีคนมาขอซื้อมากเพราะรู้ว่ารถหมอผู้หญิง  จออดอย่างเดียว   .................  นี่คือสิ่งที่  แม่บ้านผมไม่ทราบหรอกว่าบีเอ็มอะไร  แต่รู้ว่า ขับดี คันเล็ก จอดง่าย   และผมวางแกส มาเกือบ 8 ปี  ตอนนี้ยังฉิว   ยังหลงเสน่ห์เลย   ผมมีโอกาสขับน้อยลงมาก 
      แล้วเรา 2 คน   ก็ซือ อี 46   เพราะจะยกอี 30  ให้พ่อตา  (  ทั้งที่เป็นรถผม   แต่เพื่อพ่อตาและภรรยาที่รัก  ก็ไม่เป็นไร  )
   ผมไม่อยากบอกว่า  เราไปดูมาหมดแล้ว  อีโค คาร์  แต่พอเทสไดรฟ  ภรรยาผมบอกว่วา มันโหวงเหวง ทุกคัน     ก็เธอเล่นเทียบกับอี 30  ที่เธอไม่ปล่อยให้เจ้าของได้ขับเลยในช่วง 4 , 5 ปีที่ผ่านมา     เอามาเเชร์กันนะครับ  อ่านเล่นๆ   จากคนบ้านนอกคนหนึ่งครับ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: Krisada511 ที่ มกราคม 28, 2013, 07:39:22
ขอให้พบรถเนื้อคู่ไวๆครับ  ;)
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: spiritzas ที่ มกราคม 28, 2013, 08:01:22
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
อย่าคิดอย่างนั้นเลยครับว่ารถญี่ปุ่นใครๆ ก็ซื้อได้  เอาว่าเราชอบบีเอ็มแล้วกัน  ผมจะเล่าเรือ่งผมให้ฟัง
   ผมจบเป็นหมอตั้งแต่ปี 2537  รถคันแรกที่คุณแม่ผมให้รางวัลดาวน์ให้ แต่ผ่อนเอง คือมาสด้า 323  ตอนนั้น เป็น 316 i 16 valve  ดิสเบรค 4 ล้อ  ช่วงล่าง ทวินทราปิซอยดาล ลิงค์ อันเลื่องชื่อ TTL  ตอนนั้นมีโตโย 3 ห่วง  รุ่นแทกซี่ปัจจุบันก็เริมหายาก  ผมลองแล้วชอบมาสด้า  ทุกคนไม่เห็นด้วยบอกโตโยรถตลาด  ผมซื้อมาสด้าในทันที  ผ่อนต่อจนเสร็จ       เชื่อไหมครับ ปัจจุบันอยังอยู่ในสภาพที่ดีมาก  ขับมาทำงาน คนงาน ยังมาขอซื้อต่อ  แต่ผมไม่ขายเพราะมีประวัติดีๆ  ได้พาสาวไปกินข้าว  ไปทะเล สาวคนนั้นวันนี้ก็เป็นแม่ของลูก  เป็นหมอโรคไต ที่โรงพยาบาลเดียวกับผม  โรงพยาบาลประจำจังหวัด.........ขายไม่ลง  แต่ผมได้นำมาเปลี่ยยเครืองของมาสด้า แอสทินา เกียร์ออโต้  ( เดิมซื้อมานวล เพราะหนุ่มชขอบเชนเกียร์ มันดี) พอเปลี่ยนเครืองติดเกียร์ออโต  ก็ให้คุณแม่ใช้  เพราะรถแม่สภาพไม่ดีเหมือนของผม   แต่ตอนนี้แม่ไม่ขับเนืองจากอายุมาก  ผมก็เอามาล้างและเปลี่ยนขับ
   ต่อมาซื้อแอคคอร์ดตาเพชร  ซือต่อจากเพือน  ใช้ตอนเรียนแพทย์เฉพาะทาง ในกทม  ดุแลอยางดี  จนจบเพื่อนก็มาหักคอซื้อต่อไป
  ผมได้มีโอกาสใช้ไฟท้าย 2 ก้อนในช่วงสั้นๆ  ผมว่าตาเพชรรุ่นแรกขับดีกว่ามาก   แล้วก็ขายไปอีก   
   สุดท้ายมีความจำเป็นต้องมีรถทั้งผมและภรรยา  เพราะผมเริ่มผ่าตัดแบบกะเวลาเสร็จไม่ได้  ผ่ามะเร็งใส้  อุจจาระเต็มท้อืง  ต้องควักออกใส่ถุงดำ หรือยิงแทง ทำให้ต้องส่งุภรรยาไปเรียนขับรถ  และด้วยความที่เป็นหมอเหมือนกัน  เอสตีม(แปล่ว่าความเชื่อมั่นในตนเองสูง )  ท่านผ.บ.ที่บ้านผมจึงไปออกคัมีรี่ป้ายแดง เพราะบอกว่ารถใหญ่เผื่อนั้งกับลูกจะได้ไม่แออัด   เอาเข้าจริง   ตามองไม่เห็นเพราะสั้นมาก  แว่นหนา
     ในเวลานั้น  ( เริ่มเข้าเนื้อเรือง )  ผมได้มีโอกาสผ่าตัด คนมีฐานะ  และเขามีบีเอ็ม อี 30  ที่เขาใช้มาเอง  และเปลี่ยนเครืองเป็นเอสอาร์ ฝาขาว เขาบอว่าเขาจะยกรถปีประมาณ 1989 ให้  ผมบอกว่า   ผมคงไม่มีกำลังจะซ่อม  เขาบอกว่า  ไม่ต้องซ่อม เขาบูรณะมาหมดแล้ว และก็จริง  ผมได้รู้จักกับรถอายุ 10 กว่าปี  ตอนนั้นผมได้มาประมาณ ปี 2544   ผมรู้จักความแรง  ความมันของการขับขี่  ในรถที่คนอื่นใช้มาหลายปีแล้ว  การเกาะถนนที่ดีมาก  ทั้งที่ตัวผมขับแคมรี่ป้ายแดงแล้ว  ก็ยังให้ความรู้สึกไม่เสถียรเท่าเจ้า อี 30  ผมเพืงมาทราบว่า  มันขับเคลือ่นที่ล้อหลัง  ล้อหน้ามีแต่กลไกการบังคับเฉยๆ............หลังจากภรรยาได้ขับคัมรี่ได้สักปี  ไปรรับส่งลูก ไปตลาด ไปคลินิก เท่านั้น  ...... แล้วในที่สุดเธอก็มาลองขับ อี 30 ของผมและก็ร้องว่า ดูสภาพ ไม่น่าจะขับดีขนาดนี้   ผมโดนยึดบีเอ็มไปเป็นรถประจำตัวของภรรยาตั้งแต่นั้น       เเคมรี่ของเขา  ซึ้อเมือมกราคม 2548  ถึงตอนนี้ มกราคม 2556 วิ่งไปแล้ว  30000 โล    ผมพิมพ์ไม่ผิดครับ  3  หมืนโล  จนตอนนี้  เพิ่งเปลี่ยนน้ำมันเครือง ไปครั้งที่  3  มีคนมาขอซื้อมากเพราะรู้ว่ารถหมอผู้หญิง  จออดอย่างเดียว   .................  นี่คือสิ่งที่  แม่บ้านผมไม่ทราบหรอกว่าบีเอ็มอะไร  แต่รู้ว่า ขับดี คันเล็ก จอดง่าย   และผมวางแกส มาเกือบ 8 ปี  ตอนนี้ยังฉิว   ยังหลงเสน่ห์เลย   ผมมีโอกาสขับน้อยลงมาก 
      แล้วเรา 2 คน   ก็ซือ อี 46   เพราะจะยกอี 30  ให้พ่อตา  (  ทั้งที่เป็นรถผม   แต่เพื่อพ่อตาและภรรยาที่รัก  ก็ไม่เป็นไร  )
   ผมไม่อยากบอกว่า  เราไปดูมาหมดแล้ว  อีโค คาร์  แต่พอเทสไดรฟ  ภรรยาผมบอกว่วา มันโหวงเหวง ทุกคัน     ก็เธอเล่นเทียบกับอี 30  ที่เธอไม่ปล่อยให้เจ้าของได้ขับเลยในช่วง 4 , 5 ปีที่ผ่านมา     เอามาเเชร์กันนะครับ  อ่านเล่นๆ   จากคนบ้านนอกคนหนึ่งครับ
พี่หมอเขียนดีมากเลยครับ ยิ่งอ่านยิ่งน่าติดตามแต่ดันจบที่e30เฉยเลย..คิดว่าจะมีประวัติe46ต่อซ๊ะอีก :(
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ มกราคม 28, 2013, 08:18:09
BMWที่ถูกใจ ซื้อยากมาก ผมพยายามมา2เดือนแล้ว ได้มาคงรักมาก O0
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: Pitch win ที่ มกราคม 28, 2013, 09:01:57
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
BMWที่ถูกใจ ซื้อยากมาก ผมพยายามมา2เดือนแล้ว ได้มาคงรักมาก O0
ถ้าเป็นเนื้อคู่ เดี๊ยวก็เจอครับ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: Aroon_320ci ที่ มกราคม 28, 2013, 09:44:05
เรามีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน...น่ายินดี...
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: jae ที่ มกราคม 28, 2013, 10:13:56
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
อย่าคิดอย่างนั้นเลยครับว่ารถญี่ปุ่นใครๆ ก็ซื้อได้  เอาว่าเราชอบบีเอ็มแล้วกัน  ผมจะเล่าเรือ่งผมให้ฟัง
   ผมจบเป็นหมอตั้งแต่ปี 2537  รถคันแรกที่คุณแม่ผมให้รางวัลดาวน์ให้ แต่ผ่อนเอง คือมาสด้า 323  ตอนนั้น เป็น 316 i 16 valve  ดิสเบรค 4 ล้อ  ช่วงล่าง ทวินทราปิซอยดาล ลิงค์ อันเลื่องชื่อ TTL  ตอนนั้นมีโตโย 3 ห่วง  รุ่นแทกซี่ปัจจุบันก็เริมหายาก  ผมลองแล้วชอบมาสด้า  ทุกคนไม่เห็นด้วยบอกโตโยรถตลาด  ผมซื้อมาสด้าในทันที  ผ่อนต่อจนเสร็จ       เชื่อไหมครับ ปัจจุบันอยังอยู่ในสภาพที่ดีมาก  ขับมาทำงาน คนงาน ยังมาขอซื้อต่อ  แต่ผมไม่ขายเพราะมีประวัติดีๆ  ได้พาสาวไปกินข้าว  ไปทะเล สาวคนนั้นวันนี้ก็เป็นแม่ของลูก  เป็นหมอโรคไต ที่โรงพยาบาลเดียวกับผม  โรงพยาบาลประจำจังหวัด.........ขายไม่ลง  แต่ผมได้นำมาเปลี่ยยเครืองของมาสด้า แอสทินา เกียร์ออโต้  ( เดิมซื้อมานวล เพราะหนุ่มชขอบเชนเกียร์ มันดี) พอเปลี่ยนเครืองติดเกียร์ออโต  ก็ให้คุณแม่ใช้  เพราะรถแม่สภาพไม่ดีเหมือนของผม   แต่ตอนนี้แม่ไม่ขับเนืองจากอายุมาก  ผมก็เอามาล้างและเปลี่ยนขับ
   ต่อมาซื้อแอคคอร์ดตาเพชร  ซือต่อจากเพือน  ใช้ตอนเรียนแพทย์เฉพาะทาง ในกทม  ดุแลอยางดี  จนจบเพื่อนก็มาหักคอซื้อต่อไป
  ผมได้มีโอกาสใช้ไฟท้าย 2 ก้อนในช่วงสั้นๆ  ผมว่าตาเพชรรุ่นแรกขับดีกว่ามาก   แล้วก็ขายไปอีก   
   สุดท้ายมีความจำเป็นต้องมีรถทั้งผมและภรรยา  เพราะผมเริ่มผ่าตัดแบบกะเวลาเสร็จไม่ได้  ผ่ามะเร็งใส้  อุจจาระเต็มท้อืง  ต้องควักออกใส่ถุงดำ หรือยิงแทง ทำให้ต้องส่งุภรรยาไปเรียนขับรถ  และด้วยความที่เป็นหมอเหมือนกัน  เอสตีม(แปล่ว่าความเชื่อมั่นในตนเองสูง )  ท่านผ.บ.ที่บ้านผมจึงไปออกคัมีรี่ป้ายแดง เพราะบอกว่ารถใหญ่เผื่อนั้งกับลูกจะได้ไม่แออัด   เอาเข้าจริง   ตามองไม่เห็นเพราะสั้นมาก  แว่นหนา
     ในเวลานั้น  ( เริ่มเข้าเนื้อเรือง )  ผมได้มีโอกาสผ่าตัด คนมีฐานะ  และเขามีบีเอ็ม อี 30  ที่เขาใช้มาเอง  และเปลี่ยนเครืองเป็นเอสอาร์ ฝาขาว เขาบอว่าเขาจะยกรถปีประมาณ 1989 ให้  ผมบอกว่า   ผมคงไม่มีกำลังจะซ่อม  เขาบอกว่า  ไม่ต้องซ่อม เขาบูรณะมาหมดแล้ว และก็จริง  ผมได้รู้จักกับรถอายุ 10 กว่าปี  ตอนนั้นผมได้มาประมาณ ปี 2544   ผมรู้จักความแรง  ความมันของการขับขี่  ในรถที่คนอื่นใช้มาหลายปีแล้ว  การเกาะถนนที่ดีมาก  ทั้งที่ตัวผมขับแคมรี่ป้ายแดงแล้ว  ก็ยังให้ความรู้สึกไม่เสถียรเท่าเจ้า อี 30  ผมเพืงมาทราบว่า  มันขับเคลือ่นที่ล้อหลัง  ล้อหน้ามีแต่กลไกการบังคับเฉยๆ............หลังจากภรรยาได้ขับคัมรี่ได้สักปี  ไปรรับส่งลูก ไปตลาด ไปคลินิก เท่านั้น  ...... แล้วในที่สุดเธอก็มาลองขับ อี 30 ของผมและก็ร้องว่า ดูสภาพ ไม่น่าจะขับดีขนาดนี้   ผมโดนยึดบีเอ็มไปเป็นรถประจำตัวของภรรยาตั้งแต่นั้น       เเคมรี่ของเขา  ซึ้อเมือมกราคม 2548  ถึงตอนนี้ มกราคม 2556 วิ่งไปแล้ว  30000 โล    ผมพิมพ์ไม่ผิดครับ  3  หมืนโล  จนตอนนี้  เพิ่งเปลี่ยนน้ำมันเครือง ไปครั้งที่  3  มีคนมาขอซื้อมากเพราะรู้ว่ารถหมอผู้หญิง  จออดอย่างเดียว   .................  นี่คือสิ่งที่  แม่บ้านผมไม่ทราบหรอกว่าบีเอ็มอะไร  แต่รู้ว่า ขับดี คันเล็ก จอดง่าย   และผมวางแกส มาเกือบ 8 ปี  ตอนนี้ยังฉิว   ยังหลงเสน่ห์เลย   ผมมีโอกาสขับน้อยลงมาก 
      แล้วเรา 2 คน   ก็ซือ อี 46   เพราะจะยกอี 30  ให้พ่อตา  (  ทั้งที่เป็นรถผม   แต่เพื่อพ่อตาและภรรยาที่รัก  ก็ไม่เป็นไร  )
   ผมไม่อยากบอกว่า  เราไปดูมาหมดแล้ว  อีโค คาร์  แต่พอเทสไดรฟ  ภรรยาผมบอกว่วา มันโหวงเหวง ทุกคัน     ก็เธอเล่นเทียบกับอี 30  ที่เธอไม่ปล่อยให้เจ้าของได้ขับเลยในช่วง 4 , 5 ปีที่ผ่านมา     เอามาเเชร์กันนะครับ  อ่านเล่นๆ   จากคนบ้านนอกคนหนึ่งครับ

E30 มันเป็นจุดเริ่มต้นของ ซีรีย์3 ที่ใครได้สัมผัสจะรู้ว่าทำไม ต้อง BMW
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: kamphola ที่ มกราคม 28, 2013, 10:17:08
รถญี่ปุ่นใช่ว่าไม่ดีนะครับ เชื่อว่าทุกบ้านต้องมีติดบ้านไว้ทั้งนั้น
ความคล่องตัวในเมือง การดูแลรักษาที่ง่าย แทบไม่มีอะไรให้เสีย
ไปจอดตามห้างที่คนเยอะๆก็จอดให้คนเข็นได้ไม่ต้องเสียดายและระวังมาก
ถ้าซื้อป้ายแดงมาใช้ พอตอนขายก็เจ็บตัวน้อยและไม่เสียดายมาก ฯลฯ

ป.ล. บ้านผมขาดรถญี่ปุ่นไป 1 ปีเต็มๆ สุดท้ายทนไม่ไหว สัปดาห์ที่แล้วต้องซื้อกลับมาประจำบ้านดังเดิมครับ

หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: oon_resist ที่ มกราคม 28, 2013, 11:35:36
แต่ถ้าสาวญี่ปุ่น กับสาวยุโรป อันนี้ผมเลือกสาวญี่ปุ่นครับ  ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: kosit_w ที่ มกราคม 28, 2013, 14:38:04
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
แต่ถ้าสาวญี่ปุ่น กับสาวยุโรป อันนี้ผมเลือกสาวญี่ปุ่นครับ  ;D ;D ;D

ผมชอบอันนี้ ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: Krisada511 ที่ มกราคม 28, 2013, 14:39:36
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
รถญี่ปุ่นใช่ว่าไม่ดีนะครับ เชื่อว่าทุกบ้านต้องมีติดบ้านไว้ทั้งนั้น
ความคล่องตัวในเมือง การดูแลรักษาที่ง่าย แทบไม่มีอะไรให้เสีย
ไปจอดตามห้างที่คนเยอะๆก็จอดให้คนเข็นได้ไม่ต้องเสียดายและระวังมาก
ถ้าซื้อป้ายแดงมาใช้ พอตอนขายก็เจ็บตัวน้อยและไม่เสียดายมาก ฯลฯ

ป.ล. บ้านผมขาดรถญี่ปุ่นไป 1 ปีเต็มๆ สุดท้ายทนไม่ไหว สัปดาห์ที่แล้วต้องซื้อกลับมาประจำบ้านดังเดิมครับ

เห็นด้วยครับ ต้องมีไว้สำรอง  ;)
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: spiritzas ที่ มกราคม 28, 2013, 14:44:33
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
แต่ถ้าสาวญี่ปุ่น กับสาวยุโรป อันนี้ผมเลือกสาวญี่ปุ่นครับ  ;D ;D ;D
ผมก้อเลือกญี่ปุ่นครับ  :))
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: Sen-Dai ที่ มกราคม 28, 2013, 14:45:11
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
แต่ถ้าสาวญี่ปุ่น กับสาวยุโรป อันนี้ผมเลือกสาวญี่ปุ่นครับ  ;D ;D ;D

สาวยุโรปพวงมาลัยหนักนะครับ  :))
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: oon_resist ที่ มกราคม 28, 2013, 15:06:54
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
แต่ถ้าสาวญี่ปุ่น กับสาวยุโรป อันนี้ผมเลือกสาวญี่ปุ่นครับ  ;D ;D ;D

สาวยุโรปพวงมาลัยหนักนะครับ  :))
เกียร์มันจะหลวมด้วยครับ  ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: soczaxpk ที่ มกราคม 28, 2013, 16:14:46
55555555555555555555 ขอหัวเราะอย่างเดียวพอ   โน คอมเม้น
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: ก๊อง ที่ มกราคม 28, 2013, 16:42:55
ความเห็นท้ายๆ..นี่ไม่ค่อยเข้าใจครับ  :)) :)) :))
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: doctor alex ที่ มกราคม 28, 2013, 17:26:48
ลุงแก่แล้ว  ขอบาย...    นะหลานนะ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: T.Tankittiphob ที่ มกราคม 28, 2013, 17:33:36
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
แต่ถ้าสาวญี่ปุ่น กับสาวยุโรป อันนี้ผมเลือกสาวญี่ปุ่นครับ  ;D ;D ;D

ผมชอบอันนี้ ฮ่าฮ่า
ต้องมีไว้สำรองอีกหนึ่งคนครับ
 ;) ;) ;)
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: chet ที่ มกราคม 28, 2013, 18:29:11
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ต้องมีไว้สำรองอีกหนึ่งคนครับ
 ;) ;) ;)

คนเดียวก็แย่แล้วครับ
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: T.Tankittiphob ที่ มกราคม 28, 2013, 18:35:29
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ต้องมีไว้สำรองอีกหนึ่งคนครับ
 ;) ;) ;)

คนเดียวก็แย่แล้วครับ
ไม่ได้ครับ ไม่สมกับการเป็นขุนแผนเยอรมัน
 :( :( :(
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: spiritzas ที่ มกราคม 28, 2013, 21:52:52
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
แต่ถ้าสาวญี่ปุ่น กับสาวยุโรป อันนี้ผมเลือกสาวญี่ปุ่นครับ  ;D ;D ;D

สาวยุโรปพวงมาลัยหนักนะครับ  :))
เกียร์มันจะหลวมด้วยครับ  ;D ;D ;D
ผมว่าญี่ปุ่นกับเยอร์มันเกียร์มันก็หลวมพอๆกันหมดแหละครับ  C:-)

แต่ญี่ปุ่นขับสนุกกว่าและสวย+ดูไม่เบื่อครับ  :D
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: Jeeranapong B. ที่ มกราคม 28, 2013, 22:00:50
ก็ถ้าราคา 7 แสน - 1.5 ล้าน ก็มีแต่พวกรถณี่ปุ่นทั้งนั้นแหละครับ รถยุโรปไม่มีขายราคานี้อยู่แล้ว ซึ่งราคาแค่นี้ใครๆก็ซื้อได้ แต่ถ้าอยากได้รถญี่ปุ่นที่ไม่ซ้ำใครก็แนะนำ GT86 สักคันครับ  :-*
หัวข้อ: Re: รถญี่ปุ่น ใครๆก็ซื้อได้
เริ่มหัวข้อโดย: Krisada511 ที่ มกราคม 28, 2013, 23:51:20
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ก็ถ้าราคา 7 แสน - 1.5 ล้าน ก็มีแต่พวกรถณี่ปุ่นทั้งนั้นแหละครับ รถยุโรปไม่มีขายราคานี้อยู่แล้ว ซึ่งราคาแค่นี้ใครๆก็ซื้อได้ แต่ถ้าอยากได้รถญี่ปุ่นที่ไม่ซ้ำใครก็แนะนำ GT86 สักคันครับ  :-*

คันนี้เหมือน ฮุนได ทิบูรอน เลย  :-*