BMW E46 Thailand

พูดคุย แลกเปลี่ยน เฮฮา => DIY & FAQs => ข้อความที่เริ่มโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 26, 2013, 19:22:04

หัวข้อ: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 26, 2013, 19:22:04
สวัสดีอีกครั้งครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน สมาชิกเว็บE46thailandและท่านที่กำลังจะซื้อBMW E46มาใช้ครับ
วันนี้ ผมจะมาขอเขียนบทความเล็กๆ รีวิว BMW E46 318iaSE รถของผมเองครับ รถที่ผมทั้งรักทั้งเกลียด
ไม่รู้จะเอายังไงกับมันดี ที่รักมันก็เพราะความสวยและประหยัดน้ำมัน แต่ที่เกลียดมันก็เพราะต้องจ่ายตัง ทั้งจะแต่ง ทั้งซ่อมบำรุงรักษามันให้อยู่ในสภาพดีที่สุดเท่าที่เงินจะซื้อได้ สับสนกับชีวิตจริงๆ อยากเดิมแต่ก็ไม่อยากเดิม
วันนี้ ครบ1ปีของการซื้อมาแล้ว เลยอยากจะมาให้ความรู้ สำหรับคนที่กำลังอยากจะซื้อรถรุ่นนี้มาใช้
ดูกันให้ชัดๆ เต็มๆตา ว่าอะไรเป็นยังไง จะได้ตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้นครับ อย่าเชื่อแต่คนที่ชอบติ อย่าอ่านจากคนที่ไม่เคยขับรถรุ่นนี้ อย่าเชื่อจากคนที่ไม่มีรถรุ่นนี้ใช้  มาฟังเสียงจากผู้ใช้จริงอย่างผมบ้าง คนที่ใช้ คนที่ซ่อม แล้วค่อยคิดอีกทีว่าเป็นอย่างไร

(http://imageshack.us/a/img32/1926/yn9p.jpg)

เรื่องของเรื่อง มันเริ่มตั้งแต่ ความอยากได้รถ BMW E36 325i ฉายา ''นกแก้ว''  ซึ่งเป็นรถที่ผมชอบมาก
และใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กว่าสักวันต้องซื้อให้ได้  แต่จะซื้อรุ่นนี้ เราต้องสมัครสมาชิกเว็บเอาไว้ก่อน มีอะไรจะได้มีคนช่วยเหลือ
และพูดคุยได้
(http://www.e46thailand.com/index.php?action=dlattach;topic=9746.0;attach=13184;image)
   
แต่ด้วยโชคชะตา ผมดันสมัครเว็บE36ไม่ได้ ก็เลยมาสมัครเว็บE46แทน ซึ่งตอนนั้น
เจ้า BMW E46 ไม่ได้อยู่ในสายตาผมเลย นั่นก็เพราะ มันสวย และดีเกินไปสำหรับผม (ความคิดในตอนนั้น)
ผมก็ยังอยากจะหาE36มาใช้สักคัน แต่แฟนก็ต่อต้าน บอกว่า E36มันเก่าไป ถ้าเป็นE46ค่อยว่ากัน
และนั่น ก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผม หาข้อมูลและศึกษาเจ้าBMW E46อย่างจริงๆจังๆ หลังจากนั้นผมก็ได้ตั้งโจทย์ว่า รถจะเป็นสีอะไร ภายในเป็นสีอะไร เครื่องเป็นตัวไหนต่อมา  ความเห็นจากหลายท่านบอกว่า ถ้าจะเอาE46ทั้งที ต้องเอาตัว 323iseถึงจะดี เพราะมันแรง ทน ปัญหาน้อยสุด ซ่อมง่าย ไม่จุกจิก optionครบๆซึ่งในตอนนั้น ผมเองก็เอนเอียงไปในทางนั้นเช่นกัน แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว 323iseในสเป็กทุกอย่างที่ต้องการรวมถึงราคานั้น ไม่มีเลย
ผมไปหลายเต้นท์รถมาก หมดเงินเฉพาะค่าเดินทาง ประมาณ3000บาทเห็นจะได้ รวมทั้งยังหาตามเว็บขายรถต่างๆอีกด้วย ช่วงนั้นเป็นอะไรที่ท้อมาก เพราะไม่มีรถขับ ต้องซื้อให้ได้

(http://imageshack.us/a/img835/6996/q6i1.jpg)

ในที่สุด ผมก็เจอรถคันนี้ในเว็บ ซึ่งตรงตามสเป็กทุกอย่างยกเว้น เครื่อง ซึ่งป็น N42 ของรุ่น 318iase ที่หลายๆท่านในเว็บนี้ บอกว่า อย่าเล่นเด็ดขาด ควรหลีกเลี่ยงเป็นที่สุด  บางคนถึงกับตั้งกระทู้จับผิดถึงความบกพร่องของเครื่องยนต์รถรุ่นนี้ สาดเสียเทเสียกันเลยทีเดียว(ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทั้งๆที่ผ่าเครื่องรุ่นนี้ยังไม่เป็นเลย) แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวผมเอง
และผมก็ตัดสินใจซื้อรถคันนี้มา ด้วยเหตุผลดังนี้
1 สีตรงตามที่ต้องการคือสีน้ำตาล
2 เป็นเครื่อง4สูบ(N42) ซึ่งประหยัดน้ำมันกว่า ทันสมัยกว่า เครื่อง6สูบ(M52) ซึ่งอยู่ในรถ 323i  และที่สำคัญ สายคันเร่งเป็นแบบไฟฟ้าแล้ว จึงทำให้เหยียบมันส์ขึ้น
3 ภายในสวยมาก สะอาดมาก เต้นท์เก็บภายในได้ดีมากครับ อุปกรณ์ทุกอย่างยังอยู่ครบ แม้แต่ชุดปฐมพยาบาล สีเบาะและลายไม้ตรงตามที่ต้องการ (มาเสียใจทีหลังเพราะ มันดูแลรักษายากมาก ไม่อยากให้ใครมานั่งรถเลย)
4 ชุดเครื่องมือต่างๆท้ายรถก็อยู่ครบทุกชิ้น สีตัวถังก็เก็บมาดีพอสมควร
5 ระบบต่างๆใช้งานได้อย่างปกติ
6 ราคาไม่ถึง6แสนบาท

(http://imageshack.us/a/img94/7465/nzmu.jpg)


BMW E46 เป็นรถขนาดพิกัด C Segment ซึ่งเทียบง่ายๆ ก็รถขนาดเดียวกันกับ Toyota altis
Honda civic  Benz C-class อะไรประมาณนั้น ในเรื่องของขนาด แต่ในเรื่องของช่วงล่าง เนื้องานต่างๆ ต้องเทียบกับเบนส์ครับ เพราะรถญี่ปุ่นในขนาดพิกัดเดียวกันสู้ไม่ได้เลย ประเภทที่เรียกว่า  รถญี่ปุ่นป้ายแดงราคาเต็มที่ตอนนั้นก็เก้าแสนปลายๆ แต่เจ้าบีเอ็มนี่ ราคาป้ายแดง2ล้านกว่า!!!   แล้วพอเป็นมือสองที่ราคาพอๆกัน คุณจะเลือกอะไร ?  อย่าพึ่งคิดว่า อะไหล่บีเอ็มแพงเลยครับ
ผมขับเซฟิโร่A32มาก่อน ราคาอะไหล่ค่าซ่อมพอๆกันครับ นิสสันเซฟิโร่เอง ราคาตอนนั้น ก็ล้านนิดๆ เป็นผม ผมเอาบีเอ็มดีกว่า
ศักดิ์ศรีมันต่างกันเยอะครับ
BMW E46 ได้เป็น 1ใน10รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี2002* โดย Caranddriver.com ( http://www.caranddriver.com/features/2002-10best-cars-2002-bmw-3-series-m3-page-4 (http://www.caranddriver.com/features/2002-10best-cars-2002-bmw-3-series-m3-page-4)  และ http://www.caranddriver.com/features/2002-10best-cars-feature (http://www.caranddriver.com/features/2002-10best-cars-feature) )
BMW 318iase คันนี้ เป็นผลรวมของความลงตัวระหว่างความประหยัด ความสวย และสมรรถนะครับ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น 323 325 330 เพราะด้วยเครื่องยนต์รุ่นใหม่ ที่มีแค่สี่สูบ(รุ่นที่เหลือเป็นหกสูบ) แต่ตอบสนองความแรงได้พอสมควร(1995cc. 143bhp***@6000rpm 200Nm@3750rpm) ชนิดที่สู้รถญี่ปุ่นรุ่นเดียวกันหรือสูงกว่าได้อย่างสบาย จึงมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่ต่ำกว่าเครื่องหกสูบอย่างแน่นอน และได้ความประหยัดจากซีซีที่น้อยกว่า  ถ้าคุณอยากได้บีเอ็มสวยๆสักคัน ซ่อมบำรุงต่ำ ประหยัดน้ำมัน ขับสู้รถญี่ปุ่นได้ BMW318i คือคำตอบของคุณ
แต่ถ้าคุณคิดว่า อยากแรงมากๆให้สมกับความเป็นบีเอ็ม ไม่มีปัญหาเรื่องค่าเชื้อเพลิง ก็ข้าม318ตัวนี้ไปเลยครับ

(http://imageshack.us/a/img546/7853/5rs0.jpg)

แล้วผมก็ได้มันมาครับ อย่างแรกที่คุณต้องทำเมื่อได้รถมือสองมาคือ นำไปอู่ หาช่างเพื่อตรวจสอบอีกครั้งว่า สภาพรถเป็นอย่างไร มีอะไรที่ต้องเปลี่ยนหรือใกล้จะต้องเปลี่ยนแล้วบ้าง แนะนำว่าให้หาช่างที่ไม่มีอคติกับรถรุ่นนี้ และมีความรู้ความสามารถในการซ่อมรถรุ่นนี้ครับ ไม่งั้น ต้องมาทนนั่งฟังช่างบ่นอีกเพราะซ่อมไม่เป็นแล้วอ้างว่าเครื่องไม่ดี ที่แน่ๆ ของเหลวทั้งหมด จะต้องเปลี่ยน รวมถึงกรองต่างๆด้วยเช่นกัน ก็มันเป็นรถมือสองนี่น่า จะให้สมบูรณ์แบบเหมือนรถใหม่ได้ยังไง ซื้อปุบซ่อมปั๊บเรื่องธรรมดา
สัมผัสแรกที่ได้ขับ บอกเลยว่า รู้สึกดีมาก เครื่องนิ่ม รถพุ่งดี เกียร์เปลี่ยนโดยไม่กระตุก แต่เสียอย่างเดียว ช่วงล่างรถมันแข็งไปนิด เคยได้ยินเค้าบอกต่อกันมาว่า บีเอ็มจะเป็นรถที่เซ็ตช่วงล่างออกแนวsport เลยจะรู้สึกแข็งบ้าง แต่แลกมาด้วยความมั่นใจในการขับขี่ ทั้งนี้ ผมเทียบกับนิสสันเซฟิโร่ ซึ่งใช้อยู่ก่อนหน้านี้ เมื่อเทียบกันแล้ว
บีเอ็ม เครื่องประหยัดกว่า(ค่าซ่อมบำรุงเล็กๆน้อยๆ เช่นหัวเทียน คอยล์ เป็นต้น) แรงกว่า ใหม่กว่า ดีกว่า ภายในสวยกว่า ลูกเล่นเยอะกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า จะแพ้เซฟิโร่ก็แค่ความนิ่มของช่วงล่างนี้แหล่ะ  แต่เมื่อเทียบกับช่วงล่างรถญี่ปุ่นรุ่นอื่นๆที่เคยขับมา ถือว่านิ่มกว่าและหนึบกว่ามากครับ  และมารู้ทีหลังว่า หนึ่งในปัจจัยเรื่องความนิ่มอยู่ที่ยางด้วย เพราะพอเปลี่ยนยาง โพเทนซ่า อะดรีนาลีน RE002 ออก และใส่ยาง Yokohama db v551แทน ความนิ่มของช่วงล่างกลับมาทันทีครับ
(http://www.e46thailand.com/index.php?action=dlattach;topic=12965.0;attach=25178;image)
และมีความนิ่มไม่หนีจากนิสสันเซฟิโร่A32คันเก่าของผมเท่าไหร่เลย(เซฟิโร่ใส่ โช๊คโมนโร สปริงH&R ยางTOYO C1S) ที่สำคัญ E46ถูกจัดให้เป็นรถประเภท Sport Sedan ซึ่งจะให้นิ่มแบบ พวกเซฟิโร่ ก็คงเป็นไปไม่ได้ อยากได้นิ่มกว่านี้ ต้องไปเล่น E60เอาครับ

(http://imageshack.us/a/img845/1764/vus9.jpg)

หลังจากรู้ประวัติของรถมาพอสมควรแล้ว มาดูหน้าตาภายนอกกันบ้าง
BMW 318iaSEของผมคันนี้ หน้าตาก็เหมือนปกติของรถตระกูลนี้แหล่ะครับ ไม่ได้มีการแต่งเติมมาแต่อย่างใด พูดง่ายๆก็คือ รถเดิมๆมาเลย เท่าที่รู้ รุ่นปี02นี่ แฮนด์จับประตูจะเป็นสีดำ ซึ่งรุ่นใหม่ถัดมา สีของแฮนด์จับจะเป็นสีเดียวกันกับรถแล้ว และยังไม่มีคลีบฉลามบนหลังคาด้านหลัง(ผิดพลาดประการใดเกี่ยวกับข้อมูล ขออภัยด้วยครับ)

(http://imageshack.us/a/img248/9027/nrd.jpg)

ไฟหน้า ไม่ใช่ซีนอลและไม่มีไฟโปรเจกเตอร์ครับ ใครอยากได้ ต้องไปหาทำหาซื้อมาใส่เอาเองครับ รถผมก็เช่นกัน

(http://imageshack.us/a/img542/1555/rez4.jpg)

BMW E46 เป็นรถที่ทรงตัวได้ดีมากทั้งความเร็วต่ำและสูง ความลับของมันเหรอครับ
อยู่ที่การออกแบบครับ ลองดูภาพของเครื่องยนต์N42ข้างล่างนี้ดูครับ ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่า ตัวเครื่องยนต์ส่วนใหญ่
จะอยู่หลังล้อหน้าครับ ดูจากหัวโช๊คนะครับ แล้วลองขีดเส้นตรงเชื่อมระหว่างหัวโช๊คทั้งสอง จะพบว่า ตัวเครื่องอยู่หลังล้อหน้า
ซึ่งจะทำให้น้ำหนักของเครื่องเข้ามากระจายตัวอยู่ภายในระหว่างล้อหน้ากับล้อหลัง โดยทางผู้ผลิตBMWเค้ามีแนวคิดว่า รถที่ดี
จะต้องกระจายน้ำหนักของตัวรถได้ดี และน้ำหนักส่วนใหญ่ ควรอยู่ระหว่าง ล้อหน้ากับล้อหลัง น้ำหนักกระจายของE46จึงอยู่ที่
ประมาณ 50-50 ของล้อหน้าและล้อหลังครับ   นี่ยังไม่รวมชุดช่วงล่างที่ออกแบบมาอย่างดีซึ่งBMWเค้าถนัดอยู่แล้ว
ซึ่งด้านหน้าจะเป็นแบบ MacPherson Strut  พร้อมเหล็กกันโครง ส่วนด้านหลังก็จะเป็นแบบ Multi link พร้อมเหล็กกันโครงเช่นกัน

(http://img.photobucket.com/albums/v325/Krisada511/image_zpsad8362ea.jpg)
ภาพบนเป็นช่วงล่างแบบ MacPherson Strut  ภาพล่างเป็นช่วงล่างแบบ Multi link (จากคุณกฤษดา)

รถE46รุ่นนี้ เข้าโค้งได้ดีมากครับ เวลาวิ่ง ตจว จะมีพวกกระบะบ้าพลัง (วีโก้ซะส่วนใหญ่) และพวกรถเก๋งญี่ปุ่นที่ชอบขับเร็วๆ เวลาวิ่งทางตรง กินกันยากครับ เพราะไหนจะเจอรถสวน ไหนจะติดรถคันหน้า ความเร็วไม่หนีกันเท่าไหร่(ที่ย่าน120-160km/h)  แต่ถ้าผมได้แซงขึ้นหน้าเมื่อไหร่ และข้างหน้าเป็นโค้ง ผมสามารถเข้าโค้งได้อย่างสบาย เพราะช่วงล่างคมและแม่นยำมาก สาดโค้งเสร็จ ก่อนหมดโค้งก็สามารถกดส่งต่อออกจากโค้งได้สบาย คุณจะรู้สึกเลยว่า รถมันเกาะถนนดีมาก เหมือนรองเท้าฟุตบอลที่จิกลงบนสนามหญ้า และพร้อมจะให้คุณพุ่งไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ด้วยอัตราเร่งที่ราวกับว่าไม่มีวันหมดซะที ซึ่งต่างจากรถกระบะหรือเก๋งญี่ปุ่น โดยเฉพาะค่ายดังยักใหญ่ (เจ้านี้ ทางตรงหล่ะใส่จัง พอเจอโค้งหน่อย เบรคกันหัวปรักหัวปรำ)  ถือว่ารถรุ่นE46นี้มุดได้เก่งด้วยครับ ยิ่งโค้งเยอะยิ่งทิ้งห่าง เป็นรถที่ขับสนุกมากทั้งขับช้าและขับเร็ว

(http://imageshack.us/a/img825/7415/qcnf.jpg)

ส่วนเครื่องยนต์ ทางเต้นท์ได้ล้างทำความสะอาดมาให้อย่างดีแล้ว ห้องเครื่องสะอาดดี ผมไม่ต้องมานั่งเก็บงานเลย
(แต่ก็มาล้างทำความสะอาดอีกรอบอยู่ดีเพราะอยากทำ) เครื่องN42เป็นเครื่องที่ทันสมัยที่สุดในตระกลูE46 ถูกผลิตออกมาตั้งแต่ปี2001-2007(อ้างอิงจากhttp://www.bmwheaven.com/database/engine.php) แทนเครื่องM43ซึ่งเก่าไปแล้ว รวมถึงN46(318ปี04ขึ้นไป)ซึ่งหน้าตาเหมือนN42 แต่เป็นรุ่นแก้ข้อบกพร่องบางประการของN42   เครื่องทั้ง2รุ่นนี้ ถูกออกแบบมาให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นโดยที่ให้แรงม้าที่มากขึ้นและสมเหตุสมผล (โดยเทียบกับเครื่อง4สูบตัวเดิมอย่าง M43tu ซึ่งให้แรงม้าไม่ถึง120ตัว) ซึ่งต่อมา แนวคิดดังกล่าวก็ถูกนำมาใช้ในรถบีเอ็มรุ่นใหม่ๆ เช่น E90 และ F30ที่ขายในปัจจุบัน
ข้อดีของเครื่องN42ในE46ที่ได้เปรียบเครื่องตัวอื่นในตระกูลE46คือ
1 ประหยัดน้ำมันกว่า(เพราะ เบากว่า cc.น้อยกว่า ความคุมด้วยคันเร่งไฟฟ้าที่แม่นยำ)
2 ทันสมัยกว่า (ในยุคนั้น)
3 น้ำหนักเบากว่า (เบากว่ารุ่น 323อยู่ 95 กิโลกรัม เบากว่ารุ่น 325อยู่ 180 กิโลกรัม และ เบากว่ารุ่น 330 อยู่ 115 กิโลกรัม)
4 เป็นเครื่องที่มีรางวัลยอดเยี่ยมระดับโลกรองรับ
5 ทำให้รถทรงตัวดีกว่า คล่องตัวกว่า ควบคุมง่ายกว่า เนื่องจากน้ำหนักที่เบาลงกว่าร้อยกิโล
(http://www.e46thailand.com/index.php?action=dlattach;topic=12965.0;attach=25238;image)

N42ตัวนี้ มีฉายาว่า ''เครื่องเทพ'' เพราะเป็นเครื่องที่ต้องอาศัยความชำนาญของช่างที่มีความรู้ด้านN42เป็นพิเศษ ถึงจะจบงานได้ เพราะช่างทั่วไป หรือช่างยุคเก่าที่ไม่รู้จักศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม มักจะทำไม่ได้ ซ่อมไม่เป็นและบอกว่าเครื่องN42ไม่ดีนั่นเอง ถึงได้เป็นที่มาของฉายา ''เครื่องเทพ''  ดังนั้น เราคงต้องนิยามคำว่า''เครื่องเทพ''ใหม่แล้วแหล่ะครับ เพราะมันไม่ได้มีปัญหาอย่างที่ช่างบางคนเข้าใจ  ''เครื่องเทพ'' ควรจะหมายถึง เครื่องที่ทันสมัยที่สุดในในตระกูลE46จนช่างอ่อนหัดซ่อมไม่เป็นมากกว่า และที่สำคัญที่สุด เครื่อง N42ตัวนี้ ได้รับรางวัล  International Engine of the Year ประจำปี 2001 อีกด้วย** อ้างอิงจาก http://de.cyclopaedia.net/wiki/BMW-N42 (http://de.cyclopaedia.net/wiki/BMW-N42)  และhttp://en.wikipedia.org/wiki/International_Engine_of_the_Year  (ไม่ทราบว่า คนที่บอกว่าเครื่องรุ่นนี้ไม่ดี ทราบรึเปล่า)

(http://www.headlightmag.com/main/images/stories/Special_Report/engine2009/2009_06_22_logo.jpg)

ทำไมถึงได้รางวัล เพราะ เป็นการปฎิวัติเครื่องยนต์ ในยุคนั้น การนำอลูมินั่ม มาทำเป็นโครงสร้างหลัก และนำพลาสติดมาประยุกต์ใช้ภายในตัวเครื่องยนต์ เพื่อลดน้ำหนักของเครื่องยนต์ และการนำเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้ได้กำลังแรงม้าที่มากขึ้น ประหยัดน้ำมันขึ้น ในขณะที่ใช้ซีซีต่ำ(เครื่องยนต์ใหม่ๆในปัจจุบัน ได้นำหลักคิดดังกล่าวมาใช้)
ส่วนเรื่องความจุกจิก เท่าที่ใช้มา เครื่องโดยตรง ผมยังไม่เจอเรื่องจุกจิกอะไร จะเจอก็เป็นระบบไฟฟ้า อุปกรณ์อื่นๆรอบข้าง ซึ่งไม่ใช่เครื่องยนต์ และเสื่อมสภาพไปตามอายุขัยอยู่แล้ว ดังนั้นจึงพูดไม่ได้เต็มปากว่า รถรุ่นนี้ จุกจิก เพราะรถเก่าทุกคันก็จุกจิกด้วยกันทั้งนั้น แต่ที่ได้รับการเตือนมา คือเรื่องของระบบน้ำ ต้องซ่อมให้จบ ต้องทำให้ดี เพราะสำคัญมากที่สุดของเครื่องN42    อย่างรถผม ตอนนี้มีปัญหาวาล์วน้ำค้างเป็นบางครั้ง เลยจำเป็นที่จะต้องทำการเปลี่ยนแล้ว และก็สมควรเปลี่ยนด้วยเพราะรถวิ่งมา 152000กมแล้ว เท่าที่เคยศึกษามา รถวิ่งเกินแสนโล ควรจะต้องเปลี่ยนวาล์วน้ำและปั๊มมน้ำอยู่แล้ว    เรื่องของพละกำลังของรถคันนี้ มีม้าพกมา143ตัว ซึ่งสำหรับผมก็ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการแล้ว แต่ในเครื่องM52 6สูบ จะมีม้าสูงกว่าอยู่ที่ 184ตัว แต่สำหรับผม อัตรสิ้นเปลืองน้ำมัน สำคัญกว่า ม้าจำนวนมากครับ  ก็มันไม่มีทุ่งให้ม้าไปวิ่งแล้วครับเดี๋ยวนี้ รถติดไปทุกหย่อมหญ้า  (จะว่าไปม้า143ตัวที่เครื่องN42ทำได้ ก็สู้รถญี่ปุ่นได้สบาย เพราะม้าเยอรมัน มันกินแต่ไส้กรอกกับเบียร์ เลยตัวใหญ่ ไม่เหมือนม้าญี่ปุ่น กินแต่ผักแต่หญ้า เลยตัวเล็ก ทั้งๆที่จำนวนม้าเท่ากัน)  รถBMW 318iaSE ของผมคันนี้ บริโภค ทั้งแก๊สLPGและน้ำมัน  ความจริงไม่อยากจะติดแก๊สเท่าไหร่ แต่เนื่องจาก ต้องเดินทางไกล ตจว ทุกเดือน จึงมีความจำเป็นต้องประหยัดเงินเอาไว้  ส่วนอัตราการบริโภคอยู่ที่  ในเมือง 8-9 กม/ลิตร(ขับแบบถูกต้องคือไม่กระชาก ไม่ออกตัวเร็ว )  และ นอกเมืองอยู่ที่ 10.2-11.2กม/ลิตร(ความเร็ว 110Km/h และพยายามรักษารอบไม่เกิน 2500-3000รอบ/นาที)  แต่ถ้าทนไม่ไหว รถมันยั่วเหลือเกิน(อย่างผม) ก็วิ่งสลับความเร็วสูงมาก และปานกลางได้  อัตราบริโภคอยู่ที่ประมาณ 8-9กม/ลิตร เช่นกันครับ  ซึ่งสำหรับผมถือว่า ประหยัดอยู่พอสมควรและน่าจะประหยัดกว่าเครื่อง 6 สูบ M52ครับ  ส่วนบางคนที่โม้ว่าเครื่องM43ใน318ตัวเก่าประหยัดกว่าเครื่องN42 ก็อย่าเชื่อครับ ถ้าไม่มีหลักฐานมาให้ดู เพราะคนเดี๋ยวนี้ ชอบโม้ ชอบเอาดีเข้าตัว แต่พอถามหาหลักฐานรูปถ่าย ก็ไม่มี ส่วนผม มีครับ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานไว้หมด ข้อเท็จจริงล้วนๆ ไม่ได้โม้

(http://www.e46thailand.com/index.php?action=dlattach;topic=12965.0;attach=22465;image)
(http://www.e46thailand.com/index.php?action=dlattach;topic=12965.0;attach=22466;image)

สำหรับท่านที่คิดว่า 318 วิ่ง ตจว ไม่ไหว ผมก็ขอบอกตรงนี้เลยว่า ไหวครับ ดีกว่ารถญี่ปุ่นในซีรี่ย์(segment)เดียวกันด้วยซ้ำ เหยียบก็มา ไม่ได้อืดอย่างที่คิด เพียงแต่ต้องรู้จักจังหวะและขับให้เป็น เครื่องN42ใน318iถูกออกแบบมาให้ประหยัดเชื้อเพลิง เพราะฉะนั้น ซีซี แรงม้า และแรงบิด จะต่ำกว่า พวกเครื่อง M52 และM54 ดังนั้น เพื่อชดเชยในเรื่องนี้ วิศวกรจึงออกแบบให้อัตราทดเฟืองของเครื่องN42 สูงกว่ารุ่นอื่น โดยในไทยจะมีอัตราทดเฟืองท้ายที่ 3.45และญี่ปุ่นมีอัตราทดที่3.91 ซึ่งจะทำให้อัตราเร่งตีนต้นดีและดีกว่าพวกรุ่นที่กล่าวมาแล้วข้างต้น รวมทั้งยังเขียนโปรแกรมให้เกียร์ในโหมดS(Sport) ลากรอบเครื่องไปที่6000-6500RPM ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนเกียร์ให้เมื่อกดมิดคันเร่ง เพราะที่รอบดังกล่าว จะเป็นรอบที่แรงม้ามาสูงสุด  แต่ผมไม่แนะนำให้กดมิดคันเร่งในโหมดS เพื่อทำการแซงหรือแข่งโดยเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้ทั้งเครื่องและเกียร์ทำงานหนักมากเกินไป และสุดท้าย ทั้งเครื่องและเกียร์ก็จะพังเร็วกว่าที่ควรจะเป็น วิธีแก้ไขคือ ให้เปลี่ยนเป็นโหมดMแทน แล้วเปลี่ยนเกียร์เอง และเปลี่ยนในช่วง 3750-5250 RPM เพราะเป็นช่วงที่แรงบิดสูงสุด (แรงบิด=อัตราเร่ง) แค่นี้ก็สนุกกับมันได้แล้วครับ  ความเร็วสูงสุดที่เคยทำได้และไม่กล้าไปต่อ(แต่ไม่สุดจริงๆ เพราะยังเหลืออีกเกียร์ที่ยังไม่ได้เข้า คือลากเกียร์4เหลือเกียร์5 อยู่โหมดSครับ ถ้าเข้าเกียร์ก็จะกลายเป็นโหมดM) คือ 200 Km/h ตามคู่มือบอกว่าสูงสุดที่ 218Km/hครับ 0-100ได้ใน10.2วิ ซึ่งช้ากว่าที่คู่มือเคลมไว้อยู่ประมาณ1วิ นั้นคงเป็นเพราะปัจจัยเรื่องความเก่าของเครื่องและการเปิดระบบASCไว้ ซึ่งจะป้องกันล้อปัดเวลาออกตัวด้วย สรุปประเด็นเรื่องเครื่องตรงนี้คือ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดครับ ลองมองดูบนท้องถนนสิครับ 318iวิ่งกันเยอะแยะครับ ถ้ามันไม่ดี คงไม่วิ่งกันหรอกครับ มันอยู่ที่คนดูแลต่างหาก หมั่นดูแลใส่ใจในสิ่งที่ผิดปกติ แค่นี้ คุณก็ขับอย่างสบายใจแล้วครับ


(http://imageshack.us/a/img197/9341/oczf.png)
(ภาพก่อนใส่วงแหวนครอบไมล์)

* ทั้งรุ่นซีดาน และรุ่นM3
** เครื่องM54ในE46 325i ได้รับรางวัลนี้เช่นกันในปี2003และ2004 เครื่องS54ในE46M3ก็ได้รับรางวัลนี้ในปี2001เช่นกัน
แต่เครื่องM52ไม่ได้รับรางวัลใดๆ
*** bhp คือแรงม้ายุโรป รถญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้ ps เรียกคุ้นปากว่าแรงม้าญี่ปุ่น  143bhp(แรงม้ายุโรป)=145ps(แรงม้าญี่ปุ่น) http://www.convertunits.com/from/ps/to/horsepower (http://www.convertunits.com/from/ps/to/horsepower)

ปล ภายหลัง ผมมีโอกาส ได้ขับที่ความเร็วสูงสุด และมันทำได้ตามคู่มือรถอย่างไม่น่าเชื่อ คือประมาณ217-218Km/h ตามรูปเลยครับ (วิ่งในสนามแห่งหนึ่ง)
(http://img202.imageshack.us/img202/4661/53kh.jpg)
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 26, 2013, 19:23:50
มาถึงส่วนสำคัญสำหรับผมครับ ''ภายใน'' เพราะถ้าภายในไม่สวย ชำรุด จะซ่อมและดูแลยากกว่าภายนอก
สิ่งแรกที่ผมอยากได้ใน บีเอ็มของผมคือ การออกแบบภายในที่ดูทันสมันขึ้น อย่างน้อยต้องดูดีกว่า BMW E36และ Nissan Cefiro A32 ที่ผมเคยมี  และผมได้ทำใจเรื่องพื้นที่ภายในไว้พอสมควร ว่ามันจะแคบกว่า เซฟิโร่ที่ผมเคยขับอย่างแน่นอน  แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ความสวยงาม ภายในออกแบบมาอย่างสวยงามและลงตัวมากสำหรับผม สีที่ใช้ทำให้รถดูหรูหราและดูดี  แต่ก็ดูแลรักษายากเช่นกัน
 
(http://imageshack.us/a/img62/6163/6l7p.jpg)

ภายในรถรุ่นนี้ มีสีเบาะและลายไม้ให้เลือกเยอะครับ แล้วแต่คนชอบเลย สำหรับผม ต้องสีเบชและลายไม้สีน้ำตาลเข้มนี่แหล่ะ
ดูเป็นผู้ใหญ่สมกับผมดี  พื้นที่ภายใน กว้างกว่า E36เล็กน้อย นั่งสบายดีครับ การออกแบบภายในดูแล้วไม่ล้าสมัย แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว แต่ก็ยังดูร่วมสมัยอยู่เลย ซึ่งต่างจากE36อย่างสิ้นเชิงเลยครับ แม้แต่เบนซ์ c-classในยุคเดียวกัน ยังทำภายในไม่สวยเท่าE46คันนี้เลย
เบาะเป็นหนังแท้ นั่งสบาย มีปีกรองรับด้านข้าง เมื่อนั่งแล้วรู้สึกกระชับมั่นใจ เมื่อผมนั่งเบาะหน้าแล้วทำการปรับเบาะให้นั่งได้สบายที่สุดแล้ว ผมก็ไปนั่งเบาะหลังฝั่งที่ผมพึ่งทำการปรับเบาะหน้าให้นั่งสบาย พบว่า เมื่อนั่งเบาะหลังตรงตำแหน่งนั้นแล้ว ยังนั่งได้สบายผิดคาด(นึกว่าจะแคบ) แล้วยังมีพื้นที่ระหว่างหัวเข่ากับเบาะหน้า(leg room)อีกประมาณ10ซม. ถือว่าพื้นที่ภายใน กว้างสบายกว่าที่คิดไว้เยอะ ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า ผมเป็นคนตัวใหญ่หนักร้อยโลครับ ยังนั่งสบาย ถ้าคนขนาดปกติ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
(http://imageshack.us/a/img46/4237/q1ch.jpg)

รุ่นของผมนี้ จะมีAirbagมาให้ทั้งหมด 8 ใบ คือ เสาหน้า2 พวงมาลัยและเหนือที่เก็บของด้านผู้โดยสารอย่างล่ะ1
ที่ประตูอีก บานล่ะ1ลูก  รุ่นใหม่กว่านี้ ก็จะมีAirbagมากว่าด้วยครับ
พวงมาลัยแม่นยำดี ขับเร็วแล้วรู้สึกปลอดภัย มั่นใจ แต่ยังเป็นแบบพาวเวอร์น้ำมัน ยังไม่ใช่ไฟฟ้าเหมือนรถยุคใหม่ครับ ดังนั้น จึงรู้สึกหนักเวลาที่เลี้ยวที่ความเร็วต่ำมากๆ เช่นการถอยเพื่อจอดรถเป็นต้น แต่ที่ความเร็วปกติถึงสูง ถือว่าใช้ได้ครับ แน่นเฟริมดีครับ
 
(http://imageshack.us/a/img854/886/8b88.jpg)
(http://imageshack.us/a/img580/6759/qkf2.jpg)

ทัศนะวิสัยรอบคัน เมื่อนั่งตามตำแหน่งต่างๆ ถือว่าดีครับ ยกเว้นตรงตำแหน่งคนขับ จะหันมองเสาBฝั่งซ้ายเวลาที่จะออกจากซอยลำบากไปนิด อาจต้องชะโงกดู แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร )
ใต้เบาะด้านซ้าย จะมีชุดปฐมพยาบาลให้มาด้วย เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินอะไร ก็นำมาใช้ได้ (นึกไม่ออกว่า รถญี่ปุ่น มีแบบนี้รึเปล่า)
เค้าใส่ใจในรายละเอียดดีครับ 


(http://imageshack.us/a/img22/5166/d0g8.jpg)
(http://imageshack.us/a/img199/3456/6g6.JPG)

เบาะเป็นเบาะไฟฟ้า โดยด้านคนขับ จะมีความจำสำหรับเมมได้อีก3ตัวด้วย ก็สะดวกดีครับ
ถ้าจำไม่ผิด มีเฉพาะในรุ่น SE เท่านั้นครับ
จากที่เคยนั่งฝั่งผู้โดยสาร รู้สึกว่า รถนิ่มกว่าฝั่งคนขับ เอ่อ แปลกดี เอาเป็นว่า ฝั่งผู้โดยสารนั่งสบายดีครับ
 
(http://imageshack.us/a/img822/3968/1xlx.jpg)
(http://imageshack.us/a/img199/1716/sr5.JPG)

ช่องเก็บของด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร ก็ใหญ่พอสมควร มีช่องเดียว แต่ก็พอเก็บเอกสาร และอะไหล่เล็กๆรวมทั้งไฟฉายได้
บางท่านอาจสงสัยว่า ทำไม คอนโซลด้านบนถึงเป็นสีดำ ไม่เป็นสีเบชเหมือนส่วนอื่นในรถ นั่นก็เพราะ สีดำจะซับแสงสะท้อน
จากแดดได้ดีกว่า เวลาที่ขับรถ จึงช่วยให้สบายตาขึ้น

(http://imageshack.us/a/img202/8027/1gmx.jpg)
(http://imageshack.us/a/img21/271/36x4.jpg)

ลายไม้ที่เห็นนั้น ไม่ใช่ไม้จริง ครับ เป็นพลาสติกเคลือบลายไม้ แต่ก็okระดับหนึ่ง สวยงามดี บางรุ่นจะเป็นอลูมิเนียมสีเงิน สวยไปอีกแบบ 

(http://imageshack.us/a/img541/8906/78bj.jpg)

ปุ่มเปิดไฟ จะแยกออกมาจากก้านพวงมาลัย รุ่น ผมจะมีตัวอักษรAด้วย ซึ่งหมายถึง ไฟออโต้นั่นเอง รุ่นอื่นก็จะไม่มีครับ

(http://imageshack.us/a/img202/8781/al64.jpg)

ปุ่มมัลติฟังชั่นบนพวงมาลัย ก็มีมาให้ผมได้ใช้ แทบจะทุกปุ่มเลย และเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมชอบและตัดสินใจซื้อรุ่นนี้
เรือนไมล์เรียบง่ายไม่มีอะไร ใครชอบสวยหน่อยก็หาซื้อวงแหวนมาครอบเรือนไมล์ บางท่านก็เปลี่ยนแผ่นเรือนไมล์เป็นแบบ M3ก็มี
สวยดีครับ  รถรุ่นนี้ มีอะไรให้แต่งเพียบครับ ของหาง่าย หลายราคา ทั้งแท้ทั้งเทียม ถ้าคิดจะแต่ง รับรองไม่ผิดหวังครับ

(http://imageshack.us/a/img585/2697/n38k.jpg)

ระบบครูสคอนโทล มีประโยชน์มากครับ โดยเฉพาะการรักษาความเร็ว เพื่อให้วิ่งอย่างประหยัดน้ำมันที่สุด วิ่งทางไกล
ผมเปิดใช้ตลอดครับ ช่วยให้เหนื่อยน้อยลงมาก เมื่อเทียบกับสมัยก่อน ที่ขับเซฟิโร่ วิ่งทางไกลต้องเหยียบคันเร่งตลอด
เหนื่อยมากครับ แถมรักษาความเร็วให้คงที่ยากด้วย

(http://imageshack.us/a/img199/4172/5nl.JPG)

ปุ่มปรับความดังเสียงที่พวงมาลัย มีประโยชน์ช่วยให้ปลอดภัยขึ้น เพราะไม่ต้องละสายตาจากถนนมามองหาปุ่มปรับเสียงอีกต่อไป
เช่นเดียวกับปุ่มกดเปลี่ยนแผ่นและBluetooth

(http://imageshack.us/a/img801/6629/dvzr.jpg)

รถรุ่นนี้ ยังมาพร้อม คอมพิวเตอร์ออนบอร์ด ซึ่งสามารถบอกสถานะต่างๆของรถได้  แจ้งเตือนสิ่งผิดปกติได้
ส่วนวงแหวนครอบเรือนไมล์ที่เห็น เดิมๆไม่มีนะครับ อันนี้ติดตั้งเอง[

(http://imageshack.us/a/img341/2582/d1ob.jpg)

ระบบแอร์แบบออโต้
มีเครื่องเสียงที่เป็นเทปด้านหน้าและมีCDด้านหลังในกระโปงท้ายด้วย ใส่ได้6แผ่น (เฉพาะรุ่นSEไฟยก ส่วนรุ่นธรรมดาจะเป็นCDด้านหน้าครับ)
ระบบเครื่องเสียงเดิมๆที่ติดรถมาและลำโพง ถือว่าให้เสียงที่ใช้ได้เลยครับ สำหรับผม เพียงพอและไม่ต้องติดเครื่องเสียงเพิ่มเลย

(http://imageshack.us/a/img543/8412/bbz7.jpg)

ส่วนสำคัญอีกอย่างที่ผมเลือกรถรุ่นนี้คือ เกียร์อัตโนมัติพร้อมด้วยสเต็ปโทรนิกครับ เพราะมีทั้งแบบโหมด D คือ ออโต้ทุกอย่าง ขับอย่างเดียวโหมด S ซึ่งจะเพิ่มความsportให้กับคนขับ ได้ขับมันส์ยิ่งขึ้น ลากรอบไปสูงมาก (รถผมลากรอบไปที่6200RPMถึงจะเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่อไปให้ เพราะที่6200RPMเป็นช่วงรอบที่ม้ามาสูงสุด)
และสุดท้าย โหมด M ซึ่งผมชอบมาก และใช้บ่อยเวลาวิ่งต่างจังหวัด หรือต้องการขับมันส์แบบสุดๆ เพราะเราสามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้ด้วยตัวเลย ถึงจะไม่สนุกเท่ารถเกียร์ธรรมดา แต่ก็ขับมันส์ดีครับ ผมชอบลูกเล่นนี้มากๆ เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของรถรุ่นนี้ ซึ่งย้ำให้เราทราบเสมอว่า BMW ขับสนุกแค่ไหน
อัตราทดเกียร์ 5สปีด ทำให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลและต่อเนื่องดีครับ  แถมยังมีระบบเรียนรู้พฤติกรรมการขับขี่ของคนขับ*(adaptation) เพื่อปรับให้เข้ากับการขับขี่ของคนขับด้วย  โอ้....รถค่ายไหนตอนนี้นะ ที่กำลังโฆษณาว่ามีระบบนี้อยู่ด้วย (รถโฆษณาปีนี้ แต่บีเอ็มเค้ามีมาเป็น10ปีแล้วครับท่าน)
ปุ่มปรับกระจกและล็อคประตูก็อยู่แถวๆเกียร์นี้แหล่ะ ช่วงแรกๆที่ขับ ผมยังหาปุ่มเปิดกระจกไม่เจอเลย

(http://imageshack.us/a/img40/53/a0gf.JPG)
(http://imageshack.us/a/img580/4330/rotf.jpg)

ระบบASCซึ่งช่วยในการทรงตัวของรถครับ เป็นดาวเด่นด้านความปลอดภัยอย่างหนึ่งของรถรุ่นนี้
บีเอ็มเค้ามีมาเป็นสิบปี แต่รถค่ายอื่นในท้องตลาดบ้านเรา ปัจจุบัน พึ่งจะเอามาโฆษณากัน
ยี่ห้ออะไร ลองไปหาดูครับ ปัจจุบันระบบนี้และระบบที่ทำหน้าที่คล้ายๆระบบนี้ กลายเป็น
อุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยอย่างหนึ่ง ซึ่งหลายบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ นำมาใช้
สุดท้าย ปุ่มติดกันก็ม่านไฟฟ้า อันนี้ ผมก็ชอบ(แต่ไม่ได้ใช้ซะที)
ASC คืออะไร ดูภาพข้างล่างครับ

(http://www.bmw.com/com/en/insights/technology/technology_guide/articles/_shared/img/automatic_stability_control.jpg)

ASC คือ ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวโดยอัตโนมัติ
 ระบบเบรค ASC (สมองระบบเบรค ) ใข้สำหรับความคุม การทำงานดังนี้
1. ASC สั่งระบบ ABS ไม่ให้ล๊อกล้อ แยกวงจรน้ำมันทุกๆๆตัว ( มีโซลินอยปิด-เปิดวงจรเมื่อแรงดันน้ำมันถึงจุดล๊อกล้อ )
2. ASC สั่งคัดหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง ในขณะที่เราเบรค เป็นการ "เบรคเครื่องยนต์"
3. ASC สั่งปิดวาลย์อากาศเข้าปีกผี้เสื้อ ( เข้าเครื่อง ) เป็นการ "เบรคเครื่องยนต์ "
4. ASC สั่งเชนเกียร์ ตามรอบเครื่องที่ลดลง แบบ " เบรคด้วยเกียร์ "
5. ASC สั่งให้ควบคุมป้องกันล้อปัด ขณะเร่งรอบเครื่องสูง และ ล้อหลังหมุนไม่เท่ากัน สมอง ASC จะสั่งให้เบรคเครื่องยนต์ เพื่อให้ล้อหมุนเท่าๆๆกันให้ทรงตัวครงปกติ ( สังเกตุไฟสามเสี่ยมจะกระพริบ จนรถตรงเข้าที่ จึงดับ )
(ที่มา :  http://www.e46thailand.com/index.php?topic=16350.msg193202;topicseen#new (http://www.e46thailand.com/index.php?topic=16350.msg193202;topicseen#new) )

(http://imageshack.us/a/img534/3393/nfm2.jpg)

แผงประตูหน้า-หลังมีAirbagครับ ทั้งสี่บาน และมีลำโพงด้วย โอ้...รวม10ดอกทั้งคัน (เสียงแหลมและเสียงทุ้มรวมกัน)
มิน่า เสียงถึงดี จะเห็นสมาชิกหลายท่าน ยังหาซื้อลำโพงเดิมติดรถ มาใส่แทนตัวที่แตกอยู่เลยครับ เพราะอะไร
ก็เพราะว่ามันเสียงดีกว่า ลำโพงใหม่ที่ขายกันในท้องตลาดในช่วงราคาเดียวกันนะสิครับ


(http://imageshack.us/a/img541/6118/81bs.jpg)
(http://imageshack.us/a/img9/5930/rt2j.jpg)


เบาะหลัง ดูเหมือนแคบครับ แต่พอนั่งแล้ว หัวเข่าก็ไม่ชนกับเบาะหน้าครับ นั่งสบายพอสมควร
เสียอย่างเดียว ไม่มีช่องแอร์เหมือนใน BMW E90และF30  แต่อย่าพึ่งคิดว่า นั่งหลังแล้วจะไม่เย็น
เหมือนที่ช่างบางคนในบางเว็บบอก เพราะมันเย็นสบายเช่นกันถึงแม้จะไม่มีช่องแอร์
ผมลองทดสอบนั่งเองมาแล้วครับ

(http://imageshack.us/a/img18/898/iwfp.jpg)
(http://imageshack.us/a/img405/3636/sijc.jpg)

สรุปโดยรวมแล้ว ภายในผมชอบมากครับ สีและการวางปุ่มใช้งาน ความสะดวกสบาย ลงตัวไปหมดครับ
และไม่ดูล้าสมัยนัก เพราะรถใหม่สมัยนี้ หลายรุ่น ภายในห่วยมาก และดูโบราณกว่า หลายรุ่นยังไม่มีแอร์ออโต้ด้วยซ้ำ!

(http://imageshack.us/a/img690/4373/5ims.jpg)
(http://imageshack.us/a/img4/7495/ej7y.jpg)


* ระบบเรียนรู้พฤติกรรมของคนขับ หรือ adaptation จะมีความสัมพันธ์กับกุญแจที่ใช้ด้วย ดังนั้น เมื่อซื้อรถมาใหม่ ให้ทำการลบadaptationด้วย และแยกกุญแจกันโดยแต่ล่ะดอก ให้คุณขับแบบที่ต่างกัน เพื่อที่ทั้ง2ดอกจะได้ใช้งานในสถานะการณ์ที่ต่างกัน ตัวอย่างของผมคือ ดอกแรก เมื่อทำการลบadaptationแล้ว ผมจะใช้ขับในเมือง ส่วนดอกที่สองผมจะใช้ขับทางไกล ดังนั้น เวลาที่เราหยิบดอกไหนมา รถก็จะปรับการตอบสนองให้เข้ากับความจำในกุญแจดอกนั้น ถ้าหยิบผิดดอก เราจะรู้เลยว่ารถมันวิ่งแปลกๆ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 26, 2013, 19:24:01
กระโปงหลัง เป็นอะไรที่น่าผิดหวังครับ เพราะมันใส่ของได้น้อยมาก แต่ก็โทษรถไม่ได้หรอก ก็มันเป็นรถc segmentนี่น่า
 
(http://imageshack.us/a/img543/7519/wiqi.jpg)

ยิ่งถ้าคุณเอาไปติดแก๊สแบบถังแคปซูลแล้วล่ะก็ พื้นที่ใช้สอย จะลดลงไปถึง 70% เลยทีเดียว แบบว่า ใส่ได้แต่รองเท้าเท่านั้นแหล่ะ ต้องติดตั้งถังแก๊สแบบโดนัทเท่านั้น ถ้าอยากได้พื้นที่ใช้สอยในกระโปงท้าย  อย่างของผมใช้ถัง51ลิตรครับ  กำลังดี วิ่งได้ประมาณ 400โลนิดๆ (ถัง51ลิตร แต่ดันเดิมได้ 40ลิตรหน่อยๆ)  เท่าที่ติดตั้งแก๊สมา22000โล ไม่พบปัญหาใดๆเกี่ยวกับระบบแก๊สเลย ผมเลือกใช้แก๊สที่เป็นยี่ห้อที่ติดตลาด ค่ายสีเขียว เพราะช่างทุกที่จะติดตั้งและจูนเป็น รวมทั้งแก้ไขเป็น การติดตั้งแก๊สยี่ห้อแปลกๆหรือไม่ติดตลาดมักจะมีปัญหาตอนซ่อมบำรุงครับ เพราะช่างบางร้านจะแก้ไขปัญหาให้ไม่ได้ เราต้องกลับไปร้านที่ติดตั้งเท่านั้น ซึ่งจะเป็นปัญหามาก ถ้าเราไม่ได้อยู่ใกล้ หรือ เราอยู่ ต่างจังหวัด
อัตราเร่ง การบริโภคแก๊ส ไม่ต่างจากตอนวิ่งน้ำมันเลยครับ และที่ความเร็วสูงสุดที่กล่าวมาแล้ว ผมก็วิ่งแก๊สอยู่ด้วยซ้ำ  ที่อยากเน้นคือ จะติดแก๊ส
จะต้องเป็นระบบหัวฉีด และเป็นยี่ห้อที่ช่างที่ไหนก็จูนเป็นด้วย  ส่วนร้านรับติดตั้ง ก็ต้องได้มาตรฐานและเคยมีประสบการณ์ติดตั้งกับ
บีเอ็มมาก่อน เครื่องN42ด้วยจะดีมาก  ดูแลตามระยะเวลาที่กำหนดเช็กแก๊ส จะช่วยให้ระบบทุกอย่างสมบูรณ์ครับ

(http://imageshack.us/a/img841/5380/gj5a.jpg)


สำหรับท่านที่เสียดายรถ ไม่อยากติดแก๊ส ปัจจุบัน ก็มีชุด E85Kitออกมา ให้ได้ติดตั้งกันเช่นกันครับ หลายท่านในเว็บก็หันมาใช้วิธีนี้แทนการติดตั้งแก๊ส ซึ่งพบปัญหากล่องชุดkitE85พังเร็วและลูกลอยมีปัญหา เครื่องมีอาการเบาดับและไม่ยอมติดครับ ทั้งหมดเป็นกับเครื่อง M52ครับ ส่วนN42มีปัญหาเช่นกัน และบางคันไฟเฟืองโชว์ จึงไม่แนะนำให้รถE46ทุกรุ่นเครื่องยนต์ใช้น้ำมันE85 ถึงแม้ว่าในเว็บ บางคนที่ใช้เครื่องM52จะโม้ว่า เติมน้ำมันE85เพียวๆมาหลายถังแล้ว และไม่มีอาการใดๆผิดปกติ แต่สุดท้าย พอเครื่องมีปัญหา ก็แอบไปซ่อมโดยไม่แจ้งให้คนอื่นทราบว่าเครื่องตัวเองมีปัญหาแล้ว แต่กลับมาแก้ตัวว่า เครื่องต้องสมบูรณ์จริงๆ ถึงจะใช้E85ได้ ทั้งๆที่ข้อเท็จจริงคือ เครื่องทุกตัวของE46ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้น้ำมันe85ได้แต่อย่างใด จึงไม่เกี่ยวกับความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์
ส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ได้ และที่ผมลองใช้ก็มี เบนซิน91  แก๊สโซฮอล์91  เบนซิน95(ปัจจุบัน เติมตัวนี้ตลอดเพราะอยากให้รถมันได้กินอะไรอร่อยๆ)
แก๊สโซฮอล์95 และที่ลองเติมดูแล้ว15ถังรถยังวิ่งได้ปกติ(แต่ไม่แนะนำให้เติม)คือ แก๊สโซฮอล์E20 ครับ
 
(http://imageshack.us/a/img825/4584/efd1.jpg)
(http://imageshack.us/a/img809/8131/wzw1.jpg)


บนฝากระโปงท้าย เป็นที่อยู่ของเครื่องมือครับ ของผมน่าจะครบ (รถมือสองส่วนใหญ่หายหมดหรือไม่ครบ)

(http://imageshack.us/a/img838/563/7a90.jpg)

ในท้ายกระโปง มีแผ่นสามเหลี่ยมฉุกเฉินมาให้ และมีช่องใส่CDขนาด6แผ่นมาให้ด้วย เสียดาย เล่นMP3ไม่ได้

(http://imageshack.us/a/img7/8785/m2wg.jpg)
(http://imageshack.us/a/img35/700/o2lt.jpg)


ความจริง ยังมีอีกหลายจุดที่ยังไม่ได้พูดถึง และไม่มีรูปให้ดู แต่ผมว่าแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอให้คุณได้ตัดสินใจว่า จะซื้อรถรุ่นนี้ดีหรือไม่ เอารถผมเป็นมาตรฐาน(standard , Benchmark)เลยครับ เพราะรถผมถือว่าคุณภาพและราคากลางๆแล้ว ไม่ดีไม่ร้ายจนเกินไป   
ถ้ารถที่คุณจะซื้อแย่กว่านี้ ถ้าราคาไม่โดนจริงๆ อย่าซื้อ เพราะถ้าได้รถที่เครื่องไม่ดีมา สภาพแย่ไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือภายใน ท่านต้องมานั่งปวดหัวซ่อมอีก จำไว้ว่า รถมือสองยังไงก็ต้องซ่อม ดังนั้น หารถที่สภาพดีที่สุดมาเพื่อลดอัตราการซ่อมบำรุงจะดีที่สุด
ไม่ใช่แค่รุ่น318 N42เท่านั้น แต่ทุกรุ่นเลย 323 325 330 ขอย้ำนะครับ ''อย่าซื้อรถเน่า''
ส่วนท่านที่มีรถอยู่แล้ว ก็ได้กลับไปดูเปรียบเทียบ ว่า รถตัวเอง มีอะไรใหม่กว่า
ดีกว่า และได้ภูมิใจว่า ท่านเองมีรถที่ดีที่สุดคันหนึ่งอยู่ในมืออยู่แล้ว  และจงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่
เชื่อเถอะ รถยี่ห้ออื่นรุ่นอื่น สู้E46ยากครับ  เชื่อมั๊ยครับ ว่า เวลาที่ผมเอารถไปที่ไหนๆ มันจะมีคนทักเสมอว่า BMW ตัวนี้ เป็น318รุ่นใหม่ล่าสุดใช่มั๊ย  ไม่เว้นแม้แต่ศูนย์Goodyearsที่ผมนำรถไปเปลี่ยนยาง  ช่างยังยืนถกกันว่ามันเป็นรุ่นไหน แล้วสุดท้ายก็ต้องเดินมาถามผมว่า นี่318รุ่นล่าสุดใช่มั๊ย? คนที่ไม่ได้เล่นรถรุ่นนี้ หลายคนยังนึกว่ารถรุ่นนี้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่เลย

ส่วนเรื่องปัญหา จากการใช้งานมา1ปี
สำหรับเครื่องN42ที่บางคนบอกว่าชอบมีปัญหาจุกจิก ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ตัวเครื่องN42เองเลย ผมยังไม่พบปัญหาใดๆที่คนบางคนเหล่านั้นบอกว่ามักจะเกิดเลย ทั้งๆที่วิ่ง ตจว ทุกเดือน ใช้ทุกความเร็ว และถือได้ว่า ใช้คุ้มมาก ผมเปลี่ยนของเหลวตามกำหนดหรือเปลี่ยนก่อน จึงอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เครื่องอยู่ในสภาพสมบูรณ์เสมอ รวมทั้งการติดตั้งแก๊ส ก็ไม่ได้ทำให้เครื่องรถผมมีปัญหาตามที่ใครบางคนบอกแต่อย่างใด ซึ่งติดมาได้11เดือนแล้ว สำหรับปัญหาในจุดอื่นที่ไม่ใช่เครื่อง ก็เป็นปัญหาทั่วๆไปเหมือนE46ทุกรุ่น ทุกเครื่อง ทุกปริมาณสูบเป็นกัน ส่วนตัวรถผมเอง มีอาการวาล์วน้ำค้าง เปลี่ยนใหม่ก็จบ กล่องACSเสีย เปลี่ยนใหม่ก็จบ ซีลปั๊มลมรั่ว เปลี่ยนใหม่ก็จบ ราคาก็ไม่ได้แพงอะไร ขอเพียงแต่ซื้อให้ถูกร้านถูกที่ก็พอ
การที่ไปอ่านหรือฟังจากใคร เค้า ช่างคนไหน ที่บอกไม่ดี ผมถามหน่อยเถอะว่า ถ้ามันไม่ดี แล้วทำไมมันถึงได้รับรางวัล
 International Engine of the Year ประจำปี 2001 ?  ผมคงจะเป็นคนที่โชคดีมาก เพราะรถไม่เห็นมีปัญหาอะไรร้ายแรงอย่างที่ เค้า เหล่านั้น พูดเอาไว้เลย  ไม่เชื่อผม ก็ไปถาม คนที่ใช้รุ่นนี้ดูก็ได้ ในเว็บมีไม่ต่ำกว่า100คัน
สำหรับท่านที่คาใจว่า เครื่องN42มันดีจริงหรือไม่ มีข้อเสียตรงไหน แนวทางการซ่อมเป็นอย่างไร ลองดูกระทู้นี้ครับ
http://www.e46thailand.com/index.php?topic=13073.0 (http://www.e46thailand.com/index.php?topic=13073.0)
ก็หวังว่าบทความเล็กๆนี้จะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ

 ปิดท้ายด้วยโฆษณาของรถรุ่นนี้ครับ เมื่อตอนมันออกใหม่ๆ

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=GxTTNvyS4sY (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=GxTTNvyS4sY)

ภาพถ่าย ถ่ายต่างวาระเวลากันนะครับ พอดีไม่ค่อยถ่ายรูปเท่าไหร่ ภาพเลยอาจสี แสงไม่เท่ากัน O0
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Ouan ที่ กรกฎาคม 26, 2013, 20:19:18
 ;) ;) ;) ;) ;)
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: num2012 ที่ กรกฎาคม 26, 2013, 20:20:34
ได้รถมาสภาพสวยนะเนีย แต่จะสวยกว่านี้ถ้าเป็น 6 สูบอิอิอิอ :))
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 26, 2013, 20:27:19
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ได้รถมาสภาพสวยนะเนีย แต่จะสวยกว่านี้ถ้าเป็น 6 สูบอิอิอิอ :))
อีกล่ะ พ่อ6สูบบบบบบบ
เดี๋ยววันหลังต้องหาเวลาพาไปมอมเหล้าแล้ว
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 26, 2013, 20:36:19
รถที่ดีไม่จำเป็นต้องนิยม รถนิยมไม่ใช่ว่าจะเป็นรถที่ดี

เตือนกันนิดหนึ่งครับ ถ้าใครคิดจะเล่นรถรุ่นนี้ พยายามหารถที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด
ได้รถมาแล้ว ก็นำไปตรวจเช็กความเรียบร้อยกับช่างที่ไม่มีอคติกับรถรุ่นนี้ครับ
ไม่งั้น จะโดนติจนเราเสียกำลังใจได้ ทั้งๆที่รถมันดีอยู่แล้ว

 :-*
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Sathit ที่ กรกฎาคม 26, 2013, 21:05:30
 :-* ดีมากๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Krisada511 ที่ กรกฎาคม 27, 2013, 00:03:24
ขอบคุณครับ อ่านเพลินครับ รีวิวแน่น คิดแนวทางเดียวกันหลายประเด็นสำคัญ ชัดเจน เชื่อมั่นในตัวเองสูง
มีลักษณะความเป็นผู้นำชัดเจนครับ คงเพราะไม่ใช่วัยวุ่น ( รุ่น ) แล้วคือ ใช้รถ ไม่ใช่ เล่นรถ   ;)
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Krisada511 ที่ กรกฎาคม 27, 2013, 00:10:50
ลืมถาม iase แล้วครีบฉลามมันหายไปไหนครับม :))
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: doctor alex ที่ กรกฎาคม 27, 2013, 00:44:40
อ่านแล้ว รู้สึกเพลิน มีความสุข เหมือนดูหนังเรื่องเดิม ที่เราชอบ  คู่กรรม  ดายฮาร์ด   คอนแอร์ อะไรประมาณนี้   มีความสุข   ผมตั้งใจจะมีอีกคัน   ภรรยาบอกกัดฟันเอาอีคลาส  เรามันแฟนใบพัดฟ้า    ชอบครับ  หมอคริส  ขอบคุณที่ทำให้เพลินและมีความสุข
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: วีรวิชญ์ ที่ กรกฎาคม 27, 2013, 00:45:25
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ลืมถาม iase แล้วครีบฉลามมันหายไปไหนครับม :))

สงสัยอยู่ร้านฮั่วเซ่งฮง  :))

เป็นหนึ่งรีวิวที่น่าอ่านและทำความรู้จักกับ n42 (ทั้งรักทั้งเกลียด)  ;)
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 27, 2013, 06:51:16
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ลืมถาม iase แล้วครีบฉลามมันหายไปไหนครับม :))
เอามาขัดกระดาษทรายเบอร์1000เตรียมทำสีใหม่ครับ O0
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 27, 2013, 09:50:17
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
อ่านแล้ว รู้สึกเพลิน มีความสุข เหมือนดูหนังเรื่องเดิม ที่เราชอบ  คู่กรรม  ดายฮาร์ด   คอนแอร์ อะไรประมาณนี้   มีความสุข   ผมตั้งใจจะมีอีกคัน   ภรรยาบอกกัดฟันเอาอีคลาส  เรามันแฟนใบพัดฟ้า    ชอบครับ  หมอคริส  ขอบคุณที่ทำให้เพลินและมีความสุข
ทำตามที่พี่หมอเคยบอกไว้เมื่อนานมาแล้วไงครับ ผมดีใจด้วยที่อ่านแล้วมีความสุข ผมอยากให้คนที่ยังไม่มีรถรุ่นนี้ เห็นถึงความสวยงามและสมถนะของรถรุ่นนี้ด้วยครับ จะได้ซื้อใช้กัน
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: nuiba ที่ กรกฎาคม 27, 2013, 10:37:44
ขอบคุณครับ เขียนแล้วทำให้รู้สึกชอบรถเรามากขึ้นไปอีก  ;)

เรื่องมือจับประตูที่เป็นสีดำผมว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับปีนะครับ น่าจะเป็นเพราะว่าเป็นรุ่นธรรมดาที่สุดครับ (มือจับประตู ที่เปิดฝาท้าย ตะแกรงตรงที่มีที่ฉีดน้ำบนฝากระโปรง คิ้วบนหลังคา เป็นสีดำครับ) อันนี้อ้างอิงจากรถตัวเองที่ออกจากศูนย์มานะครับ ปี2001 318ia M43 ครับ ซึงตอนนั้นเห็นตัว se ก็เป็นสีเดียวกับรถ

ส่วนเรื่องเครื่องเสียงที่มากับรถผมซึ่งไม่ใช่ ise ก็เป็น วิทยุเทป + CD changer ที่ท้ายรถครับ รถที่มี cd ด้านหน้าน่าจะเป็นปีใหม่ๆครับ ถ้าตั้งแต่ 2004 ขึ้นไปควรจะเล่น mp3 ได้ครับ

ผิดถูกอย่างไรแก้ไขได้ครับ

 :-X
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Popeye ที่ กรกฎาคม 27, 2013, 10:59:36
รบกวนช่วยรีวิวต่อ เครื่อง N42 ติด LPG ด้วยครับ
น่าจะมีหลายๆ ท่านลังเล ว่าจะมีปัญหาไหม ติดแล้วจบหรือไม่ ขอบคุณครับ
อ่อ รีวิวดีมากๆเลยนะครับ ทำให้แอบมอง N42 มากกว่าเดิมเลยครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 28, 2013, 09:58:25
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ขอบคุณครับ เขียนแล้วทำให้รู้สึกชอบรถเรามากขึ้นไปอีก  ;)

เรื่องมือจับประตูที่เป็นสีดำผมว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับปีนะครับ น่าจะเป็นเพราะว่าเป็นรุ่นธรรมดาที่สุดครับ (มือจับประตู ที่เปิดฝาท้าย ตะแกรงตรงที่มีที่ฉีดน้ำบนฝากระโปรง คิ้วบนหลังคา เป็นสีดำครับ) อันนี้อ้างอิงจากรถตัวเองที่ออกจากศูนย์มานะครับ ปี2001 318ia M43 ครับ ซึงตอนนั้นเห็นตัว se ก็เป็นสีเดียวกับรถ

ส่วนเรื่องเครื่องเสียงที่มากับรถผมซึ่งไม่ใช่ ise ก็เป็น วิทยุเทป + CD changer ที่ท้ายรถครับ รถที่มี cd ด้านหน้าน่าจะเป็นปีใหม่ๆครับ ถ้าตั้งแต่ 2004 ขึ้นไปควรจะเล่น mp3 ได้ครับ

ผิดถูกอย่างไรแก้ไขได้ครับ

 :-X
รถคนล่ะรุ่นกันรึเปล่าครับ เพราะเท่าที่ดูจากเต้นท์ต่างๆมา ส่วนใหญ่ที่ดูรถ318iaseปี02จะแฮนด์จับสีดำนะ รถผมก็iaseแฮนด์จับดำนะ หรือว่ารถผมไม่ใช่ iaseแต่เต้นท์แปลงมารึเปล่า ???
ของท่านเป็นไฟตก แต่ของผมไฟยก เท่าที่ดู(อีกแหล่ะ) ไฟตกรุ่นiaจะมีชุดเครื่องเสียงแบบiaseไฟยก คือเทปหน้าแต่cdหลัง ส่วนไฟยกรุ่นธรรมดา cdหน้า พวงมาลัยสี่ก้าน 
และไฟยกปี03ก็แฮนด์สีเดียวกับรถและมีไฟโปรเจคเตอร์ แต่รถผมปี02ไฟธรรมดา
แต่รู้สึกว่า สเป็กของE46แต่ล่ะปีแต่ล่ะรุ่น จะมีอะไรแตกต่างกันเยอะมากครับ
ผิดถูกชี้แนะด้วยครับ
 :-X
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
รบกวนช่วยรีวิวต่อ เครื่อง N42 ติด LPG ด้วยครับ
น่าจะมีหลายๆ ท่านลังเล ว่าจะมีปัญหาไหม ติดแล้วจบหรือไม่ ขอบคุณครับ
อ่อ รีวิวดีมากๆเลยนะครับ ทำให้แอบมอง N42 มากกว่าเดิมเลยครับ
เพิ่มให้แล้วครับ :-*
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Krisada511 ที่ กรกฎาคม 28, 2013, 10:05:36
ของผม 318iase  ปี 03 มือจับ และ ที่เปิดกระโปรงหลัง เป็นสีเดียวกับรถนะครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 28, 2013, 11:17:33
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ของผม 318iase  ปี 03 มือจับ และ ที่เปิดกระโปรงหลัง เป็นสีเดียวกับรถนะครับ
ทำไมในนี้มันบอกว่าไม่ใช่ล่ะครับ งงจัง เพราะผมเห็นปี03ที่จับสีเดียวกันกับรถเช่นกัน แต่ปี02ของผม เป็นเหมือนในภาพว่าไว้ครับ ???
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: nuiba ที่ กรกฎาคม 28, 2013, 12:52:02
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ขอบคุณครับ เขียนแล้วทำให้รู้สึกชอบรถเรามากขึ้นไปอีก  ;)

เรื่องมือจับประตูที่เป็นสีดำผมว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับปีนะครับ น่าจะเป็นเพราะว่าเป็นรุ่นธรรมดาที่สุดครับ (มือจับประตู ที่เปิดฝาท้าย ตะแกรงตรงที่มีที่ฉีดน้ำบนฝากระโปรง คิ้วบนหลังคา เป็นสีดำครับ) อันนี้อ้างอิงจากรถตัวเองที่ออกจากศูนย์มานะครับ ปี2001 318ia M43 ครับ ซึงตอนนั้นเห็นตัว se ก็เป็นสีเดียวกับรถ

ส่วนเรื่องเครื่องเสียงที่มากับรถผมซึ่งไม่ใช่ ise ก็เป็น วิทยุเทป + CD changer ที่ท้ายรถครับ รถที่มี cd ด้านหน้าน่าจะเป็นปีใหม่ๆครับ ถ้าตั้งแต่ 2004 ขึ้นไปควรจะเล่น mp3 ได้ครับ

ผิดถูกอย่างไรแก้ไขได้ครับ

 :-X
รถคนล่ะรุ่นกันรึเปล่าครับ เพราะเท่าที่ดูจากเต้นท์ต่างๆมา ส่วนใหญ่ที่ดูรถ318iaseปี02จะแฮนด์จับสีดำนะ รถผมก็iaseแฮนด์จับดำนะ หรือว่ารถผมไม่ใช่ iaseแต่เต้นท์แปลงมารึเปล่า ???
ของท่านเป็นไฟตก แต่ของผมไฟยก เท่าที่ดู(อีกแหล่ะ) ไฟตกรุ่นiaจะมีชุดเครื่องเสียงแบบiaseไฟยก คือเทปหน้าแต่cdหลัง ส่วนไฟยกรุ่นธรรมดา cdหน้า พวงมาลัยสี่ก้าน 
และไฟยกปี03ก็แฮนด์สีเดียวกับรถและมีไฟโปรเจคเตอร์ แต่รถผมปี02ไฟธรรมดา
แต่รู้สึกว่า สเป็กของE46แต่ล่ะปีแต่ล่ะรุ่น จะมีอะไรแตกต่างกันเยอะมากครับ
ผิดถูกชี้แนะด้วยครับ
 :-X
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
รบกวนช่วยรีวิวต่อ เครื่อง N42 ติด LPG ด้วยครับ
น่าจะมีหลายๆ ท่านลังเล ว่าจะมีปัญหาไหม ติดแล้วจบหรือไม่ ขอบคุณครับ
อ่อ รีวิวดีมากๆเลยนะครับ ทำให้แอบมอง N42 มากกว่าเดิมเลยครับ
เพิ่มให้แล้วครับ :-*

ดูจากเต้นท์คงอ้างอิงอะไรไม่ได้หรอกครับ รถเต้นท์อาจจะผ่านมาหลายมือหรือเจ้าของเดิมก็อาจตกแต่งเพิ่มเติมด้วย อย่างรถผม 318ia แต่ก็ทำมือจับเป็นสีเดียวกับรถ ใส่ครีบหลังเปลี่ยนวิทยุเป็น cd  ถ้าเอาไปขายในเต้นท์คงมีงง
เอาเป็นว่าเรามีความสุขกับการขับ e46 ของเราก็พอครับ  :D
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: sak_pk ที่ กรกฎาคม 28, 2013, 13:04:02
ขอบคุณบทความครับ  ;)
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Krisada511 ที่ กรกฎาคม 28, 2013, 13:09:55
ใช่ครับ มีอีกที่ไม่ตรง เช่น  iase แจ้ง ไฟหน้าไม่เป็น BI XENON   แต่จริงๆ รถผมมีมาจากโรงงาน

(http://www.bmwsociety.com/board/images/148872-4-18.jpg)

(http://www.bmwsociety.com/include/resize.aspx?file=/board/images/148872-12-1a.JPG&width=900&height=800)
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: tom46 ที่ กรกฎาคม 28, 2013, 13:41:13
ยินดีด้วยครับ ที่ได้รถถูกใจมา

ขออนุญาตแนะนำนิดนึงนะครับ

จากที่เห็นในรูป เห็นว่ามีติดแก๊สแบบแคปซูลมาด้วย ติดตั้งไปแทนที่ยางอะไหล่ ถ้าใช้ถังแก็สแบบนี้ ส่วนตัวผม ผมว่าน่าจะหายางแบบ runflat มาใช้น่าจะดีกว่านะครับ เผื่อๆไว้ก่อนครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 28, 2013, 17:47:59
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ขอบคุณครับ เขียนแล้วทำให้รู้สึกชอบรถเรามากขึ้นไปอีก  ;)

เรื่องมือจับประตูที่เป็นสีดำผมว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับปีนะครับ น่าจะเป็นเพราะว่าเป็นรุ่นธรรมดาที่สุดครับ (มือจับประตู ที่เปิดฝาท้าย ตะแกรงตรงที่มีที่ฉีดน้ำบนฝากระโปรง คิ้วบนหลังคา เป็นสีดำครับ) อันนี้อ้างอิงจากรถตัวเองที่ออกจากศูนย์มานะครับ ปี2001 318ia M43 ครับ ซึงตอนนั้นเห็นตัว se ก็เป็นสีเดียวกับรถ

ส่วนเรื่องเครื่องเสียงที่มากับรถผมซึ่งไม่ใช่ ise ก็เป็น วิทยุเทป + CD changer ที่ท้ายรถครับ รถที่มี cd ด้านหน้าน่าจะเป็นปีใหม่ๆครับ ถ้าตั้งแต่ 2004 ขึ้นไปควรจะเล่น mp3 ได้ครับ

ผิดถูกอย่างไรแก้ไขได้ครับ

 :-X
รถคนล่ะรุ่นกันรึเปล่าครับ เพราะเท่าที่ดูจากเต้นท์ต่างๆมา ส่วนใหญ่ที่ดูรถ318iaseปี02จะแฮนด์จับสีดำนะ รถผมก็iaseแฮนด์จับดำนะ หรือว่ารถผมไม่ใช่ iaseแต่เต้นท์แปลงมารึเปล่า ???
ของท่านเป็นไฟตก แต่ของผมไฟยก เท่าที่ดู(อีกแหล่ะ) ไฟตกรุ่นiaจะมีชุดเครื่องเสียงแบบiaseไฟยก คือเทปหน้าแต่cdหลัง ส่วนไฟยกรุ่นธรรมดา cdหน้า พวงมาลัยสี่ก้าน 
และไฟยกปี03ก็แฮนด์สีเดียวกับรถและมีไฟโปรเจคเตอร์ แต่รถผมปี02ไฟธรรมดา
แต่รู้สึกว่า สเป็กของE46แต่ล่ะปีแต่ล่ะรุ่น จะมีอะไรแตกต่างกันเยอะมากครับ
ผิดถูกชี้แนะด้วยครับ
 :-X
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
รบกวนช่วยรีวิวต่อ เครื่อง N42 ติด LPG ด้วยครับ
น่าจะมีหลายๆ ท่านลังเล ว่าจะมีปัญหาไหม ติดแล้วจบหรือไม่ ขอบคุณครับ
อ่อ รีวิวดีมากๆเลยนะครับ ทำให้แอบมอง N42 มากกว่าเดิมเลยครับ
เพิ่มให้แล้วครับ :-*

ดูจากเต้นท์คงอ้างอิงอะไรไม่ได้หรอกครับ รถเต้นท์อาจจะผ่านมาหลายมือหรือเจ้าของเดิมก็อาจตกแต่งเพิ่มเติมด้วย อย่างรถผม 318ia แต่ก็ทำมือจับเป็นสีเดียวกับรถ ใส่ครีบหลังเปลี่ยนวิทยุเป็น cd  ถ้าเอาไปขายในเต้นท์คงมีงง
เอาเป็นว่าเรามีความสุขกับการขับ e46 ของเราก็พอครับ  :D
ช่ายยยยย เห็นด้วย มีe46ขับ ดีกว่าไม่มีขับ :))
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 28, 2013, 17:50:44
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ยินดีด้วยครับ ที่ได้รถถูกใจมา

ขออนุญาตแนะนำนิดนึงนะครับ

จากที่เห็นในรูป เห็นว่ามีติดแก๊สแบบแคปซูลมาด้วย ติดตั้งไปแทนที่ยางอะไหล่ ถ้าใช้ถังแก็สแบบนี้ ส่วนตัวผม ผมว่าน่าจะหายางแบบ runflat มาใช้น่าจะดีกว่านะครับ เผื่อๆไว้ก่อนครับ
ทีแรกก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ แต่ได้ยินว่า ยางแบบนั้นมันแข็งไม่ใช่เหรอครับ ผมชอบแบบนิ่มๆ ขอเสี่ยงไปเอาครับ แบบว่า ต่อให้มียางอะไหล่ในรถ ผมก็เปลี่ยนไม่เป็นอยู่ดี น่าอายมั๊ย :-[
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: bkk2526 ที่ กรกฎาคม 29, 2013, 12:07:47
รถสะอาดมากครับเพ่
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ สิงหาคม 01, 2013, 17:14:05
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
รถสะอาดมากครับเพ่
ขอบคุณครับ  พูดเหมือนแม่กับน้องผมเลย  :-[
รถไม่ได้แต่ง เลยขอสะอาดไว้ก่อน(ไม่ให้ใครขึ้นด้วย เพราะทำความสะอาดเองคนเดียว) O0
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ สิงหาคม 29, 2013, 00:45:39
อัพเดตข้อมูลครับ
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้ทดสอบความเร็วสูงสุดของรถมาแล้วครับ ตามภาพเลย
(http://img202.imageshack.us/img202/4661/53kh.jpg)
ความเร็วสูงสุดใช้ เบนซิน95เพียวๆครับ ไม่ได้ใช้แก๊สเพราะมีคนเตือนว่า เดี๋ยวจะมีปัญหากับเสื้อสูบเรื่องความร้อน

ส่วนความเร็วที่เหมาะสมและประหยัดเชื้อเพลิงที่สุด ก็ตามภาพเช่นกัน และเห็นชัดว่า รถทำได้ที่14.28กิโลเมตรต่อลิตร(แต่ผมว่ามันน่าจะเพี้ยนนะ)
(http://img845.imageshack.us/img845/7491/f95w.jpg)
(http://img845.imageshack.us/img845/3070/1pk3.jpg)
หัวข้อ: Re: อัพเดตข้อมูลอัตราสิ้นเปลื้องของรถผมมาให้ดูครับ 2-9-56
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กันยายน 03, 2013, 11:42:45
เอาข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองของรถผมมาให้ดูครับ
ข้อมูล
ขับจากอุบลถึงสีคิ้ว ระยะทาง 406.8 km  ใช้ความเร็วเฉลี่ย 110 km/h สัก80%ของการเดินทาง
กระโปงหลัง ใส่น้ำขวดขาวขุ่น 8 แพ็ก (48ขวด) กระเป๋าเดินทางและอื่นๆอีก (คงหนักเอาเรื่อง)
เบาะหลัง ขนสินค้าจากลาวมาอีกเพียบ ทั้งคัน คงจะมีน้ำหนักพอๆกับผู้โดยสารสัก3-4คนเห็นจะได้
ถึงสีคิ้ว เติมแก๊สจนตัด 35.83ลิตร (ถัง52ลิตร จุได้ประมาณ 40-44ลิตร)
คำนวณค่าเฉลี่ยออกมาได้ คือ 406.8กิโลเมตร หาร 35.83ลิตร ได้ 11.35กิโลต่อลิตร
ความจริงตอนไปเติมแก๊สที่อุบล ผมลืมกดรีเซ็ตกิโลใหม่ มากดใหม่ตอนจะออกจากบ้านเพื่อเดินทาง
ดังนั้น ระยะทางจากปั๊มแก๊สมาบ้านผม 5กม เห็นจะได้ ก็คำนวณใหม่
406.8+5หารด้วย35.83 ได้ 11.49
นี่น่าจะเป็นตัวเลขที่ถูกต้องที่สุด (ถ้าวิธีนี้คือการคำนวณหา กม/ลิตร )
ถ้าคำนวณเป็นบาทต่อกิโลก็ 480.12หาร411.8ได้ 1.16บาทต่อกิโล(ถ้าวิธีนี้คือการคำนวณหา บาท/ลิตร )
ถ่ายมาให้ดู เดี๋ยวหาว่าโม้
ก็ไม่ทราบว่าเครื่องรุ่นอื่นจะได้มากกว่าหรือน้อยกว่านี้ครับ O0
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Beer cool ที่ กันยายน 08, 2013, 06:47:06
 ;) ;)รักษารถดีมากๆๆๆเลยครับพี่
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กันยายน 08, 2013, 07:01:50
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
;) ;)รักษารถดีมากๆๆๆเลยครับพี่
ขอบคุณครับ :-[
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Arin2000 ที่ กันยายน 08, 2013, 08:39:19
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ยินดีด้วยครับ ที่ได้รถถูกใจมา

ขออนุญาตแนะนำนิดนึงนะครับ

จากที่เห็นในรูป เห็นว่ามีติดแก๊สแบบแคปซูลมาด้วย ติดตั้งไปแทนที่ยางอะไหล่ ถ้าใช้ถังแก็สแบบนี้ ส่วนตัวผม ผมว่าน่าจะหายางแบบ runflat มาใช้น่าจะดีกว่านะครับ เผื่อๆไว้ก่อนครับ
ทีแรกก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ แต่ได้ยินว่า ยางแบบนั้นมันแข็งไม่ใช่เหรอครับ ผมชอบแบบนิ่มๆ ขอเสี่ยงไปเอาครับ แบบว่า ต่อให้มียางอะไหล่ในรถ ผมก็เปลี่ยนไม่เป็นอยู่ดี น่าอายมั๊ย :-[

อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องยาง Run-Flat ไปนิดนึงนะครับ

เรื่อง "แข็ง" นี่หากเปรียบเทียบกับยางปกติ อาจแข็งกว่าก็จริง แต่ไม่ถึงขนาดที่เรียกได้ว่าแข็งกระด้าง มันแข็งประมาณว่ายางปกติที่เติมลม 32 psi แล้วไปเติม 37 psi หรือคนใส่ล้อ 16 แล้วไป 17 เท่านั้นเอง หากรู้สึกว่ามันแข็งไปก็อาจมาจากด้วยความไม่คุ้นชินหรือความคาดหวังมากกว่า คือถ้าใช้ไปสักพักก็แทบไม่รู้สึกแล้วครับ ไม่งั้นรถรุ่นใหม่ๆราคาแพงเค๊าไม่ใส่มาให้เพื่อเป็นจุดด้อยของรถหรอกครับ เพราะเค๊าคงคิดแล้วว่า ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีสักกี่คนที่เปลี่ยนยางเองเป็น

ข้อดีที่มีให้เห็นอีกข้อนึงของยาง Run-Flat คือ แก้มยางมันแข็งกว่ายางธรรมดา ดังนั้นจะลดอาการ "ย้วย" หรือการบิดตัวของแก้มยางเวลาเข้าโค้งอย่างรุนแรงได้มากกว่ายางธรรมดา ส่วนถ้ารู้สึกว่ามันแข็งไป ก็สามารถชดเชยอาการได้ด้วยการเติมลมน้อยลงกว่าที่สเป็คระบุเล็กน้อยก็พอจะช่วยได้

ข้อเสียที่ผมคิดว่าเป็นข้อเสียแท้ๆของมันคือเรื่องราคา เพราะแพงเกินไปจนไม่สามารถขายได้ในวงกว้าง จึงไม่แพร่หลายเท่าที่ควร
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: vec-md ที่ กันยายน 13, 2013, 15:40:32
ผมอาร์ตนะครับ สมาชิกใหม่ เพิ่งใช้รถรุ่นนี้เหมือนกัน 318iase E46 สีแดง เพิ่งใช้มาไม่ถึงเืดือนเลย พอมาเจอรีวิวของท่านทำมาได้ละเอียดดีครับ อ่านแล้วยิ่งชอบรถรุ่นนี้ขึ้นไปอีก  :D หลังจากที่ฝันอย่างขับบีเอ็มมานาน ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยตอนนั้น E46 เพิ่งออกมาใหม่ๆ เห็นใครขับหล่อมากๆ แล้วอิจฉาทุกที 55   :))


หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กันยายน 13, 2013, 16:49:04
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ยินดีด้วยครับ ที่ได้รถถูกใจมา

ขออนุญาตแนะนำนิดนึงนะครับ

จากที่เห็นในรูป เห็นว่ามีติดแก๊สแบบแคปซูลมาด้วย ติดตั้งไปแทนที่ยางอะไหล่ ถ้าใช้ถังแก็สแบบนี้ ส่วนตัวผม ผมว่าน่าจะหายางแบบ runflat มาใช้น่าจะดีกว่านะครับ เผื่อๆไว้ก่อนครับ
ทีแรกก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ แต่ได้ยินว่า ยางแบบนั้นมันแข็งไม่ใช่เหรอครับ ผมชอบแบบนิ่มๆ ขอเสี่ยงไปเอาครับ แบบว่า ต่อให้มียางอะไหล่ในรถ ผมก็เปลี่ยนไม่เป็นอยู่ดี น่าอายมั๊ย :-[

อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องยาง Run-Flat ไปนิดนึงนะครับ

เรื่อง "แข็ง" นี่หากเปรียบเทียบกับยางปกติ อาจแข็งกว่าก็จริง แต่ไม่ถึงขนาดที่เรียกได้ว่าแข็งกระด้าง มันแข็งประมาณว่ายางปกติที่เติมลม 32 psi แล้วไปเติม 37 psi หรือคนใส่ล้อ 16 แล้วไป 17 เท่านั้นเอง หากรู้สึกว่ามันแข็งไปก็อาจมาจากด้วยความไม่คุ้นชินหรือความคาดหวังมากกว่า คือถ้าใช้ไปสักพักก็แทบไม่รู้สึกแล้วครับ ไม่งั้นรถรุ่นใหม่ๆราคาแพงเค๊าไม่ใส่มาให้เพื่อเป็นจุดด้อยของรถหรอกครับ เพราะเค๊าคงคิดแล้วว่า ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีสักกี่คนที่เปลี่ยนยางเองเป็น

ข้อดีที่มีให้เห็นอีกข้อนึงของยาง Run-Flat คือ แก้มยางมันแข็งกว่ายางธรรมดา ดังนั้นจะลดอาการ "ย้วย" หรือการบิดตัวของแก้มยางเวลาเข้าโค้งอย่างรุนแรงได้มากกว่ายางธรรมดา ส่วนถ้ารู้สึกว่ามันแข็งไป ก็สามารถชดเชยอาการได้ด้วยการเติมลมน้อยลงกว่าที่สเป็คระบุเล็กน้อยก็พอจะช่วยได้

ข้อเสียที่ผมคิดว่าเป็นข้อเสียแท้ๆของมันคือเรื่องราคา เพราะแพงเกินไปจนไม่สามารถขายได้ในวงกว้าง จึงไม่แพร่หลายเท่าที่ควร
ครับ เข้าใจครับ พอดีผมเป็นคนชอบนุ่มมากๆ ยางแข็งนิดเดียวก็ไม่ได้ครับ รู้อยู่ว่า ยางRFไม่ได้แข็งขนาดนั้น แต่อะไรที่น้อยกว่า C1s  v551  830 ผมไม่ชอบครับ  ถ้ายางRFนิ่มเท่าที่ผมไล่มาเมื่อกี้ ผมคงซื้อมาใส่แล้วครับ เพราะมันดีมาก วิ่งแบบลมหมดได้ตั้ง80กมที่ความเร็ว80km/h จำได้ว่าE90ก็ไม่มียางอะไหล่แล้ว เพราะใช้ยางRF O0
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กันยายน 13, 2013, 16:49:38
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ผมอาร์ตนะครับ สมาชิกใหม่ เพิ่งใช้รถรุ่นนี้เหมือนกัน 318iase E46 สีแดง เพิ่งใช้มาไม่ถึงเืดือนเลย พอมาเจอรีวิวของท่านทำมาได้ละเอียดดีครับ อ่านแล้วยิ่งชอบรถรุ่นนี้ขึ้นไปอีก  :D หลังจากที่ฝันอย่างขับบีเอ็มมานาน ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยตอนนั้น E46 เพิ่งออกมาใหม่ๆ เห็นใครขับหล่อมากๆ แล้วอิจฉาทุกที 55   :))
ยินดีด้วยครับ สีนี้เด่นมากๆเลยครับ :)
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: vec-md ที่ กันยายน 13, 2013, 22:48:53
ครับท่าน ไว้ว่างๆ แดดดีๆ จะถ่ายรุปมาอัฟลงให้ได้ชมครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: anglo_vj ที่ กันยายน 20, 2013, 14:44:43
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
รถที่ดีไม่จำเป็นต้องนิยม รถนิยมไม่ใช่ว่าจะเป็นรถที่ดี

เตือนกันนิดหนึ่งครับ ถ้าใครคิดจะเล่นรถรุ่นนี้ พยายามหารถที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด
ได้รถมาแล้ว ก็นำไปตรวจเช็กความเรียบร้อยกับช่างที่ไม่มีอคติกับรถรุ่นนี้ครับ
ไม่งั้น จะโดนติจนเราเสียกำลังใจได้ ทั้งๆที่รถมันดีอยู่แล้ว

 :-*

ปัญหาคือ...หาช่างที่ไม่อคติน่ะสิครับ

ช่างที่ไว้ใจได้ ใช้บริการประจำ ยังด่าซ่ะไม่มีชิ้นดี เมื่อรู้ว่าผมใช้ Civic ไม่ใช่ Toyo

แล้วต่อไปถ้าเลือกเดินตามฝัน ขยับมาเป็น E46 ละ!!! หนังชีวิตเลยครับ

ปล.พี่ๆ ที่อยู่ภูเก็ต แนะำนำอู่หน่อยครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: wichakhun ที่ ธันวาคม 13, 2013, 12:27:39
 ;) ;)ผมก็ใช้ครับ รุ่นเดี่ยวกันเลยครับส่วนตัวชอบ ซีรี่3 มากกว่า ซีรี่5
เพราะคร่องตัว เวลาขับรถพ่อทีรู้สึกเกรงๆเลย ชอบe46 ครับใช้ทุกวัน
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ ธันวาคม 14, 2013, 10:33:47
mini review เฟืองท้ายใหม่ใส่N42ของผม
จาก : http://www.e46thailand.com/index.php?topic=16265.0 (http://www.e46thailand.com/index.php?topic=16265.0)
 
วันนี้ผมกลับมารีวิวอีกครั้งหนึ่งกับรถของผม BMW318iase เครื่องN42
ซึ่งได้ทำการเปลี่ยนเฟืองท้ายจากเดิม3.45มาเป็น3.91เพราะคิดว่า มันน่าจะทำให้อัตราเร่งแรงขึ้น
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า วันหนึ่งไปอ่านเว็บต่างประเทศมา  แล้วในนั้นเค้าพูดถึงรถM3 E46 เค้าไปเปลี่ยนเฟืองท้ายมาเป็น4.01แล้วอัตราเร่งดีขึ้น มันเลยกลายเป็นเรื่องที่จุดประกายความคิดผมว่า ถ้าเรามาทดเฟืองท้ายรถเราบ้างจะเกิดอะไรขึ้น ผมเลยเริ่มทำการศึกษา หาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการทดเฟืองท้าย ทั้งเว็บในและต่างประเทศ

พอได้ใจความสรุปง่ายๆว่า

การทดเฟืองท้าย จะทำให้รถมันมีอัตราเร่งดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ทอร์คเพิ่มขึ้น แต่การได้อัตราเร่งที่ดีขึ้น ก็ต้องแลกมากับการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นและความเร็วปลายที่ลดลงด้วย แต่แรงม้าจะไม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด มีแค่ทอร์คที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ซึ่งทอร์คคือแรงบิด ซึ่งส่งผลโดยตรงกับอัตราเร่งของรถในช่วงแรกถึงกลาง ก่อนที่แรงม้าจะมารับช่วงต่อในตอนปลายของรอบเครื่องยนต์นั่นเอง(ทอร์ค =รอบต่ำ-ปานกลาง,ม้า=รอบสูง)
ทำให้นึกถึงสมัยยังเป็นวัยรุ่น ที่ขับมอไซค์ฮอนด้าโนวาจัง เดิมสเตอร์หลัง38 ใครอยากวิ่งเร็วขึ้นก็ใส่สเตอร์36
ใครอยากได้ตีนต้นจัดๆก็ใส่สเตอร์เบอร์40

เมื่อได้ข้อสรุปดังนั้น ผมเลยตัดสินใจ ลองซื้อเฟืองท้ายอัตราทด3.91มาใส่รถครับ

(http://img62.imageshack.us/img62/9131/acdm.jpg)

หลังจากติดตั้งและเติมน้ำมันเฟืองท้ายเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับรถออกจากอู่กลับบ้าน สัมผัสแรกที่ได้คือ รถมันมีแรงงมากขึ้น เวลาวิ่งช้าๆช่วงรถติด จะรู้สึกได้เลยว่า ไม่ต้องเหยียบคันเร่งลึกนักเพื่อให้รถไหลไปข้างหน้า ถ้าเผลิอเหยียบเหมือนเก่า รถจะพุ่งเลยล่ะ
ต่อมา เวลาที่วิ่งที่ความเร็วกลางๆประมาณ80กม/ชม แล้วทำการกดคันเร่งเพิ่มเพื่อเพิ่มความเร็ว ก็เห็นได้ว่า รถเร่งได้เร็วขึ้น และนี่ทำให้ขับสนุกขึ้นอีก จังหวะเร่งแซง รอบมาเร็ว เร่งแซงสนุกขึ้นเยอะเลย

ทีนี้มาดูว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
(http://imageshack.us/a/img825/7415/qcnf.jpg)
เครื่อง N42 ซึ่งติดตั้งไว้ในรถ BMW 318i มีแรงม้า 143ที่6000รอบต่อนาที และมีแรงบิดที่200Nmที่3750รอบต่อนาที  และมีอัตราทดเฟืองท้ายโรงงานอยู่ที่ 3.45

(http://imageshack.us/a/img89/4471/alzn.jpg)
เฟืองท้าย3.45

(http://imageshack.us/a/img35/5100/69f6.jpg)      (http://imageshack.us/a/img28/1733/bdtw.jpg)
(http://imageshack.us/a/img59/1231/6118.jpg)     (http://imageshack.us/a/img607/995/70qy.jpg)

จากภาพ ถ่ายที่ความเร็วเท่ากันคือ 110กม/ชม ภาพซ้ายมือจะเห็นว่า รอบเครื่องอยู่ที่2400RPM ซึ่งยังใช้เฟืองท้าย3.45ที่เป็นเฟืองท้ายเดิมจากโรงงาน ส่วนภาพขวามือมีรอบเครื่องที่2750RPMซึ่งใช้เฟืองท้าย3.91ที่ทำการติดตั้งใหม่(รอบเพิ่มขึ้น350RPM)
ทีนี้ เวลาที่ขับที่ความเร็วนี้ และต้องการจะเร่งแซง (ซึ่งอัตราเร่งแซงนี้จะได้มาจากแรงบิดหรือทอร์ค)ซึ่งแรงบิดสูงสุดของเครื่องN42อยู่ที่ 3750RPM ดังนั้น ที่รอบปัจจุบันที่2750RPM จึงใช้เวลาน้อยกว่ารอบ2400RPM ที่จะไปยังรอบ3750RPM ซึ่งทำให้อัตราเร่งมาเร็วกว่าเดิม กินเวลาน้อยลงขณะเร่งแซงนั่นเอง

แล้วเรื่องอัตราเร่ง0-100ล่ะ จากที่เคยทำไว้กับเฟืองท้ายเดิม มีค่าเฉลี่ยที่ 10.2-12.4วินาที
ส่วนเวลาเฉลี่ยกับเฟืองท้ายใหม่อยู่ที่ 9.3-11.2 วินาที ครับ
จะเห็นได้ว่า อัตราเร่ง0-100 จะใช้เวลาน้อยลงไปประมาณ1วินาทีครับ (แต่ ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ล้อหลังก็ยังไม่ฟรีเวลาออกตัว ถึงแม้ระบบASCจะถูกปิด)
ในเว็บต่างประเทศ บอกว่า ถ้าเปลี่ยนเฟืองท้ายแล้ว ควรจูนกล่องให้ไปตัดรอบที่7000RPMจะดีที่สุด (ปัจจุบันรถผมตัดที่6500RPM)

จากการเปลี่ยนเฟืองท้ายครั้งนี้ ทำให้สรุปได้ว่า อัตราเร่งตีนต้นดีขึ้น  อัตราเร่งแซงดีขึ้น ขับสนุกขึ้น  แล้วเรื่องการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงล่ะ?
แน่นอน เรื่องนี้ สำคัญมากเหมือนกันสำหรับผม เพราะสาเหตุที่ไม่ได้ซื้อรถ6สูบมาก็เพราะมันกินน้ำมันมากกว่า ถึงแม้แรงบิดและแรงม้าจะมากกว่าก็ตาม  แต่ยุคนี้ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งเหมือนกัน
ผมจึงทำการทดลองต่อว่า  เมื่อทดเฟืองท้ายแล้ว มันกินน้ำมันมากขึ้นแค่ไหน  ผมทำการทดลองโดยอาศัยระยะทางจากอุบลถึงสีคิ้วเพื่อทำการทดสอบ โดยคราวที่แล้ว เคยทดลองกับเฟืองท้ายเดิมมาแล้ว
ค่าที่ใช้คือ วิ่งที่ความเร็ว 110กม/ชม  วัดระยะทางจากเติมเชื้อเพลิงครั้งแรกที่ปั๊มที่อุบล ถึงปั๊มที่สีคิ้ว ได้ระยะทางเท่าไหร่ ก็นำมาหารกับปริมาณเชื้อเพลิงที่เติมจนตัด จะได้ค่าเฉลี่ยอัตราการสิ้นเปลืองของเชื้อเพลิงครับ

(http://imageshack.us/a/img9/4999/2qqj.jpg)        (http://imageshack.us/a/img194/3396/ujtx.jpg)
(http://imageshack.us/a/img198/2609/w3qj.jpg)        (http://imageshack.us/a/img854/8799/mwwg.jpg)

จากภาพด้านซ้าย คืออัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงกับเฟืองท้ายเดิม  ภาพด้านขวาคืออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงกับเฟืองท้ายใหม่

จะเห็นว่า เดิมสิ้นเปลืองอยู่ที่11.35กม/ลิตร(ตอนนั้น ความจริงผมเติมแก๊สที่อุบล ผมลืมกดรีเซ็ตกิโลใหม่ มากดใหม่ตอนจะออกจากบ้านเพื่อเดินทาง  ดังนั้น ระยะทางจากปั๊มแก๊สมาบ้านผม 5กม เห็นจะได้ ก็คำนวณใหม่  406.8+5หารด้วย35.83 ได้ 11.49)

และเมื่อเปลี่ยนเฟืองท้ายใหม่ สิ้นเปลืองอยู่ที่ 10.47กม/ลิตร (414.5หาร39.56) เอ่อ....ไม่เลว

เชื้อเพลิงหายไปประมาณ 1กม/ลิตร ก็ยังรับได้ครับ ดังนั้นการเปลี่ยนเฟืองท้ายครั้งนี้ก็ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด แถมขับขี่มันส์ขึ้น อัตราเร่งดีขึ้น ก็okเลยครับ

(http://imageshack.us/a/img132/6882/uzd8.jpg)

ดูที่คอมพิวเตอร์ออนบอร์ด หลังจากเติมเชื้อเพลิงและออกวิ่งอีกครั้ง พบว่า อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 9.4ลิตรต่อ100กม(แต่อันนี้ ผมว่า ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าการวัดการใช้งานจริง)

สรุปการเปลี่ยนเฟืองท้ายจากเดิม3.45มาเป็น3.91มีผลดังนี้
ข้อดี
1 อัตราเร่งตีนต้น 0-100 ดีขึ้นประมาณ1วินาที
2 อัตราเร่งแซงดีขึ้น มั่นใจขึ้น
3 ทอร์คเพิ่มขึ้น(ตามทฤษฎี) และมาเร็วขึ้นสังเกตุจากอัตราเร่ง
4 ขับสนุกขึ้นเยอะเลย
ข้อเสีย
1 อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นประมาณ 1 กม/ลิตร
2 ความเร็วปลายที่เคยสองร้อยนิดๆ น่าจะลดลงมาบ้าง อาจอยู่ที่ร้อยเก้าสิบปลายๆแทน แต่ไม่ได้ลอง(แต่ก็ไม่มีผลมาก เพราะความเร็วเกิน180กม/ชม คงไม่มีใครได้ขับบ่อยนัก เพราะสภาพการจราจรและถนนบ้านเรา)

ถ้าได้Boot sprintแบบของคุณกฤษดามาติดอีกสักตัว คงสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่N42เครื่องหนึ่งจะทำได้แล้วแหล่ะ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Pop2003 ที่ ธันวาคม 27, 2013, 13:17:29
..very nice review article Krub
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: awienap ที่ ธันวาคม 27, 2013, 19:10:56
ขอบคุนมากคับ ได้ความรุ้เยอะขึ้นเลย ::)
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: thirayuw ที่ พฤษภาคม 01, 2014, 20:02:52
 ;)

iAse หล่อฝุดๆ

 :))
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46และการแก้ปัญหาจุดอ่อนของเครื่องN42
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ มิถุนายน 08, 2014, 14:58:48
หน้าตาและตำแหน่งกล่องASCรถผมครับ
(http://www.uppic.org/image-A567_53941760.jpg)
สำหรับ รถตระกูลE46 แทบทุกคันจะต้องโดนปัญหาเจ้าไฟ3ดวงขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตัวไหนก็โดนหมด
(http://www.e46thailand.com/index.php?action=dlattach;topic=9879.0;attach=13457;image)
ถ้าลองแก้ปัญหาดูแล้ว เช็กดูแล้วว่า เสียที่กล่องแน่ๆ ก็ต้องเปลี่ยนล่ะครับ
(http://www.uppic.org/image-E437_53941760.jpg)
(http://www.uppic.org/image-B13E_53941760.jpg)
กล่องของผม ผมซื้อจาก กทม ให้ส่งไปที่อุบล รวมค่าเปลี่ยนและเซ็ตตั้งค่าและขนส่งแล้ว 6440 บาทครับ
กล่องASCสำหรับรถรุ่นของผม ราคาจะอยู่ที่4500-14000บาท แล้วแต่ร้าน แล้วแต่คุณภาพและการประกันครับ
ส่วนกล่องเก่า ผมลองแกะดูภายใน เป็นดังภาพครับ เผื่อใครอยากเห็นว่าเป็นยังไง
(http://www.uppic.org/image-5E17_53941760.jpg)
(http://www.uppic.org/image-16D8_53941760.jpg)
กล่องASCมีหน้าที่อะไร ลองกลับไปอ่านในบทความรีวิวดูนะครับ

อ่อ เวลาจะเปลี่ยน อย่าลืมซื้อน้ำมันเบรคไปด้วยสักลิตรนะครับ เอาไว้ไล่ระบบน้ำมันเบรค E46ใช้ DOT4
อันนี้เปลี่ยนไม่ยากถ้าเครื่องมือครบ มีคนช่วยไล่น้ำมันเบรค ก็ทำเองได้ครับ ASCบางตัว ใส่แล้ว ไฟ3ดวงหายเอง
แต่บางตัวใส่แล้ว ต้องไปทำการลบโค๊ดอีกทีนะครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46และการแก้ปัญหาจุดอ่อนของเครื่องN42
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ มิถุนายน 08, 2014, 16:34:48
ต่อด้วยการรีวิว การเปลี่ยนชิ้นส่วนที่จะทำให้เครื่องN42เกิดปัญหาในอนาคตครับ
ชิ้นส่วนเหล่านี้ เป็นจุดอ่อนของเครื่อง N42ครับ ถ้าเราเปลี่ยนออกไปแล้ว เครื่องN42ก็หมดจุดอ่อน
ส่วนราคาของ ของทั้ง3ชิ้น รวมกัน 4298บาท ครับ เปลี่ยนแล้วใช้กันอีกนาน เป็นแสนโลล่ะครับ
แต่ผมเห็นว่า ยังไงก็ได้เปิดฝาครอบวาว์ล เลยซื้อปะเก็นฝาครอบวาว์ลมาด้วยซะเลย(อันนี้ไม่จำเป็นนะ แต่แนะนำ)
ราคาชุดล่ะ2100บาท O0  แพงจัง

เอ้า เข้าเรื่องกันครับ
ที่ผมจะเปลี่ยนของพวกนี้ ผมไปซื้ออะไหล่ทั้งหมดที่ศูนย์นะครับ ยกเว้นปะเก็น ซื้อข้างนอกครับ
(http://www.uppic.org/image-76C3_53942286.jpg)(http://www.uppic.org/image-5873_53942286.jpg)
(http://www.uppic.org/image-9EF3_53942286.jpg)
หลังจากสอบถามราคาค่าติดตั้งจาก3ที่ คือ ที่สายสี่ เค้าคิด2500บาท แต่ไกลและต้องทิ้งรถไว้
เลยโทรไปที่อู่ราชพฤษ ช่างแกบอก4500ให้มาแต่เช้า รถเสร็จเย็น ทีแรกก็จะเอาร้านนี้แหล่ะ
แต่สุดท้าย ผมก็มาช่างประจำผม ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปโลเดียว (ช่างที่ติดแก๊สด้วย)
แกบอก 3000บาท ก็พอแล้ว งานไม่ยาก รอได้ก็รอเอาเลย ผมเลยตกลงเอาเจ้านี้เพราะใกล้บ้าน
(http://www.uppic.org/image-2589_53942286.jpg)
ว่าแล้ววันนี้ ก็เลยไปหาแก9โมงเช้า แต่เริ่มทำ10โมง
(http://www.uppic.org/image-F06C_53942286.jpg)
วันนี้ ช่างเอาลูกน้องมาเพิ่มอีกคน ปกติ แกจะลงมือเองกับลูกน้อง2คน
งานส่วนใหญ่เลยละเอียดหน่อย เพราะลูกพี่ต้องลงมือเองตลอด
เริ่มงานกันทันที รื้อชุดแก๊สออกไปด้วย
(http://www.uppic.org/image-504B_53942517.jpg)
ใกล้จะได้เห็นภายในแล้วว่า จะเน่าแค่ไหน
(http://www.uppic.org/image-3A05_53942517.jpg)
เห็นหลายคัน เปิดฝาออกมาหง่ายเงิบกัน ลมแทบจับ โคลนจากน้ำมันเครื่องที่สะสม
ดำสนิท เพราะไปเปลี่ยน น้ำมันเครื่องที่25000โล ส่วนรถผม 6500-9500โล แล้วแต่อารมณ์
ใช้น้ำมันสังเคราะห์แท้100%ตลอด
มาดูกันซิ
(http://www.uppic.org/image-1771_53942517.jpg)(http://www.uppic.org/image-9AB6_53945A1F.jpg)
ไม่แตก... รางโซ่ราวลิ้น ยังอยู่ปกติสุข ไม่แตกไม่ร้าว
แต่ที่น่าตกใจกว่าคือ ภายในสะอาดเกินคาด ดูดิ เปรียบเทียบกับอีกภาพที่มาจากกระทู้ของคุณกฤษดา รถท่านอื่นบางคัน สภาพแย่จริงๆ
ส่วนภาพล่างนี้ มองอีกมุมของเครื่องผม จัดกันยาวๆ
(http://www.uppic.org/image-DDD0_53942517.jpg)
(http://www.uppic.org/image-1C7D_53942517.jpg)(http://www.uppic.org/image-E112_53942B8A.jpg)
ไม่มีคราบโคลนจากน้ำมันเครื่องแต่อย่างใดเลย โอ้วววววว ดีจัง
แล้วใต้ฝาครอบล่ะ
(http://www.uppic.org/image-ACCF_53942B8A.jpg)(http://www.uppic.org/image-B44D_53945A1F.jpg)
พระเจ้า....สะอาดเช่นกัน ภาพติดกันจากกระทู้คุณกฤษดา สภาพเห็นแล้วหนาว
ดูกันชัดๆอีกที ความสะอาดที่เกินคาด ไม่มีคราบโคลนจากน้ำมันเครื่อง
(http://www.uppic.org/image-19E8_53942B8A.jpg)(http://www.uppic.org/image-8385_53942B8A.jpg)
(http://www.uppic.org/image-B13D_53942B8A.jpg)
เริ่มทำการมาร์กตำแหน่งก่อนการรื้อเอาชิ้นส่วนออก
(http://www.uppic.org/image-B9AA_53942C78.jpg)(http://www.uppic.org/image-91E1_53942C78.jpg)
ชิ้นส่วนแรกที่ทำการเปลี่ยน คือ รางโซ่ราวลิ้น สภาพตัวเก่า ยังดีอยู่ไม่หักไม่ร้าว
แม้จะลองกดเบาๆดู แต่ก็เปลี่ยนเพื่อความสบายใจ อย่าลืมว่ามันคือ พลาสติกที่อยู่ภายในเครื่อง
โดนความร้อนจากเครื่องและน้ำมันเครื่องร้อนๆตลอดเวลา หลายปี และหลายกิโลเมตร
(http://www.uppic.org/image-7FC5_53942C78.jpg)
รถคันนี้ วิ่งมาแล้ว 167700กม
ตัวต่อไปที่ทำการเปลี่ยนคือ สกรูปรับตั้งความตึงโซ่
(http://www.uppic.org/image-6753_53942C78.jpg)
เปรียบเทียบลักษณะตัวเก่ากับตัวใหม่ที่ได้รับการแก้ไขแล้ว
และเปรียบเทียบรางโซ่ราวลิ้นตัวเก่าเมื่อนำออกมาเทียบกับตัวใหม่
(http://www.uppic.org/image-04A8_53942C78.jpg)
รางโซ่ราวลิ้นของเก่าและของใหม่ ใช้ยี่ห้อเดียวกันครับ เบิกศูนย์อย่างเดียว
(http://www.uppic.org/image-CFA2_53942F07.jpg)(http://www.uppic.org/image-42F5_53942F07.jpg)
ต่อไปก็เจ้า รางดันโซ่ ก็เอาออกได้ไม่ยากนัก จากที่ยืนดูแล้ว
ขั้นตอนต่างๆ ไม่ได้ยากเท่าไหร่ จริงๆ ช่างที่ไหนก็น่าจะทำได้ ถ้ามีตัวมาร์กกิ้ง
(http://www.uppic.org/image-4B16_53942F07.jpg)
เปรียบเทียบรางดันโซ่ ตัวเก่าเมื่อนำออกมาเทียบกับตัวใหม่
(http://www.uppic.org/image-A852_53942F07.jpg)
อันนี้สิ มีปัญหาครับ
ด้านล่างหักตามภาพเลยครับ ลองเปรียบเทียบกับตัวใหม่ที่ไม่หักครับ
(http://www.uppic.org/image-DBD0_53942F07.jpg)(http://www.uppic.org/image-AD65_539430B9.jpg)
หลักจากนั้น ก็ใส่ชิ้นส่วนดังกล่าวเข้าไป เป็นอันจบเรื่องการเปลี่ยนอะไหล่ทั้ง3ชิ้น
(http://www.uppic.org/image-AF7E_539430B9.jpg)
(http://www.uppic.org/image-DE6C_539430B9.jpg)
ช่างเทียนกับลูกน้องที่อู่วีซีเซอร์วิส ใช้เวลา 3ชั่วโมงครึ่งก็เสร็จเรียบร้อยครับ
เข้า10โมงเช้า เสร็จบ่ายโมงครึ่ง
ที่ทำไปทั้งหมด มีเปลี่ยนชิ้นส่วนสำคัญ3ชิ้น เป่ากรองอากาศ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและกรอง ล้างเซ็นเซอร์อ่างน้ำมันเครื่อง
เปลี่ยนน็อตล้อ(ได้มาจากคุณรุทธ์ครับ ขอบคุณมาก) และพักกินข้าวครึ่งชั่วโมง ทั้งหมดนี่ ใช้เวลา 3.5ชม. !!! และราคาค่าแรง3000บาท
เอ่อ คุ้มอยู่นะ รวมค่าของ+ค่าแรงในการแก้ปัญหาจุดอ่อนของเครื่องN42ให้หมดไปเป็นเงิน 7298 บาท และเวลา3ชั่วโมงครึ่ง
ไม่ใช่ทั้งวัน ไม่ใช่1-2วัน หรือ3-4วัน
เหลือบไปเห็นคอล์ยรถตัวเอง เลยหยิบมาดูซะหน่อย
(http://www.uppic.org/image-E0F4_539430B9.jpg)
ยี่ห้อบอช...เอ่อ ดีจัง
(http://www.uppic.org/image-6674_539430B9.jpg)
แล้วนี่ก็โฉมหน้าชิ้นส่วนใหม่ที่ได้ทำการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว
ทีนี้ ก็ใช้รถกันไปอีกยาววววววววววววววววววววววววววววว
(http://www.uppic.org/image-FB16_5394335E.jpg)
เอ้า ภาพการประกอบเครื่องกลับคืน
(http://www.uppic.org/image-E3F2_5394335E.jpg)


จบลงไปเรียบร้อย กับการแก้ปัญหาของเครื่องN42 ที่คนบางคนบอกว่า มันคือจุดอ่อนของเครื่องรุ่นนี้(ซึ่งก็จริง) แต่พูดซะดูเป็นเรื่องใหญ่โตมากมาย
ผมแก้ปัญหาต่างๆเหล่านี้ ด้วยเงินไม่ถึงหมื่น และจะใช้รถได้ไปอีกยาวเลย เครื่องN42แก้ปัญหาไม่ยากครับ
สำหรับคนที่ต้องการจะทำอย่างผม จดหมายเลขชิ้นส่วน แล้วไปซื้อที่ศูนย์บีเอ็มเลยครับ
11317505608
11317567680
11317512520
พร้อมพกเงินไป5000บาท มีทอนครับ
ส่วนการติดตั้ง จะไปอู่ไหน แล้วแต่สะดวกครับ เค้าคิดราคา2500-8000บาท แล้วแต่ที่ครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: ธเนศ ที่ กรกฎาคม 17, 2014, 07:07:33
ขอขอบคุณบทความของคุณ Christ มากเลยครับ
 
ได้ชมรูปประกอบที่สวยงามสะอาดตา และอ่านสนุกได้สาระมาก อยากจะบอกซักนิดน้ะครับว่า

คุณทําให้ผมรักเจ้า N42 ของผมมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมากกกกกก!!!

ขอนุญาติอวด 2003 SE, N42 ของผมหน่อยน้ะครับ

E46 with N42 or N46 is one of the most advanced technology, timeless designed automobiles in this modern world...

"The true ultimate driving machine"
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 17, 2014, 08:21:08
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ขอขอบคุณบทความของคุณ Christ มากเลยครับ
 
ได้ชมรูปประกอบที่สวยงามสะอาดตา และอ่านสนุกได้สาระมาก อยากจะบอกซักนิดน้ะครับว่า

คุณทําให้ผมรักเจ้า N42 ของผมมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมากกกกกก!!!

ขอนุญาติอวด 2003 SE, N42 ของผมหน่อยน้ะครับ

E46 with N42 or N46 is one of the most advanced technology, timeless designed automobiles in this modern world...

"The true ultimate driving machine"
ดีใจด้วยครับ ที่คุณรักรถคุณมากขึ้น
ช่วงนี้ สมาชิกใหม่ออก318เยอะขึ้นมากเลยครับ ส่วนใหญ่ก็อ่านจากรีวิวผมนี่แหล่ะ
แต่อย่าลืม ต้องเลือกรถดีๆ ถ้าซื้อมาเป็นเจ้าของแล้ว ดูแลมันให้ดีๆ มีไม่กี่จุดใหญ่ให้เก็บรายละเอียด ทำแล้วเดี๋ยวก็จบ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: JBR1992 ที่ กรกฎาคม 17, 2014, 15:41:40
บทความนี้ ชัดเจน ละเอียด เป็นประโยชน์ กับสาวก  318 มาก ๆขอบคุณครับ  ""ชูสองนิ้ว::   ""ชูสองนิ้ว::   ::2thmb::   ::2thmb:: 
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: iceswat ที่ กรกฎาคม 19, 2014, 21:08:24
ขอบคุณครับพี่คริสที่วันนี้พาไปซื้อของ ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลย  :-X
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กรกฎาคม 24, 2014, 15:27:07
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ขอบคุณครับพี่คริสที่วันนี้พาไปซื้อของ ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลย  :-X
ไม่เป็นไรครับ ยินดีเสมอครับ :-[
หัวข้อ: แก้ปัญหา แอร์เย็นเกินไป กับ 318i N42 2 คัน
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กันยายน 14, 2014, 15:28:44
แก้ปัญหา แอร์เย็นเกินไป กับ 318i N42  2 คัน

(http://www.magnussonracing.com/blog/wp-content/uploads/2014/02/cold-cartoon-man.jpg)

ขออนุณาตใช้พื้นที่ในกระทู้ตัวเองนะครับ
สำหรับท่านที่มีปัญหา แอร์เย็นเกินไป และเช็กกับเครื่องคอม GT1 หรืออะไรก็แล้วแต่
แล้ว มีฟ้องว่าฮีตเตอร์แอร์มีปัญหา วันนี้ ผมมีทางออกมารีวิวให้อ่านครับ อันนี้จะเป็นกรณีที่ระบบอื่นๆของแอร์ทำงานปกติหรือสมบูรณ์อยู่นะครับ
ทางเลือกในการแก้ปัญหา มี3ทางเลือกครับ (เนื่องจากรถที่ทำคือ318i N42ผมไม่แน่จว่ากับเครื่องรุ่นอื่นจะเป็นอย่างไร)

1 ซื้อมือสองมาใส่ครับ(ในกรณที่ปั๊มหรือวาล์วพัง) ทางเลือกนี้ ถูกที่สุด แต่ต้องวัดดวงว่าของมือสองที่ซื้อมาจะใช้
งานได้รึเปล่า ใช้ได้นานแค่ไหน  สำหรับรถผม จบที่ขั้นตอนนี้ครับ ของมือสองราคา1000-1200บาท ควรเลือกให้
ดีๆหน่อยนะครับ ลองส่องในรูดูว่ามีอะไรติดขัดรึเปล่า ถ้ามี แสดงว่า ยางภายในเปลื่อยหมดแล้ว อย่าเอา เพราะได้
มาก็ต้องซื้อชุดซ่อมมาอีกอยู่ดี

2 ซื้อชุดซ่อมมาซ่อม (ในกรณีที่ยางและโอริงภายในขาดชำรุด) ราคา1200-1400บาท สมาชิกบางท่านเคยบอกว่า
วิธีนี้ไม่ได้ผล ใช้แค่3เดือน ก็เสียแล้ว แต่สมาชิกท่านนั้นใช้เครื่องM52 ส่วนในกรณีผม ผมทำให้รถเพื่อนที่เป็น
เครื่องN42 และใช้ได้เกิน3เดือนแล้ว ยังปกติอยู่ไม่เห็นมีปัญหาอะไร

3 ซื้อของใหม่ วิธีนี้ จบแน่ แต่แพงสุดแล้ว บางท่านบอกเบิกศูนย์3000-5000แต่ผมถามร้านอะไหล่มา เป็นหมื่นเลย

ทีนี้มาดูวิธีแรกกันครับ ผมไปซื้อชุดวาล์วฮีตเตอร์แอร์มือสองสภาพสวยมาครับ

(http://www.uppic.org/image-564C_541545EA.jpg)

เวลาไปซื้อ ถ้าไม่แน่ใจว่าคนขายจะหยิบมาถูกอันรึเปล่า แนะนำให้ดูภาพผม หรือแกะตัวเก่าไปให้คนขายดูด้วย

(http://www.uppic.org/image-63EA_541545EA.jpg)

ตัวที่ผมได้มา ทำในฝรั่งเศษ ครับ ตรงรุ่น สดใหม่กว่า

(http://www.uppic.org/image-D620_541545EA.jpg)

งานแรกนี้ ไปเรียกช่างประจำมาทำให้ดู เพราะกลัวทำเองจะพังไปใหญ่

(http://www.uppic.org/image-E78C_541545EA.jpg)

ส่วนค่าแรงนั้น แกไม่ได้คิด เพราะทำให้แกตาสว่างเรื่องเครื่องN42แกเลยทำให้ฟรี
ดูช่างทำแล้ว มันก็ไม่ยากครับ แค่ถอดชุดพลาสติดออก ถอดท่อออก แล้วก็ขยับนิดหน่อยก็หลุดออกมาแล้ว
เอ่อ อย่าลืม ถอกปลั๊กด้วยนะ และต้องทำตอนเครื่องเย็นนะ

(http://www.uppic.org/image-8F86_541545EA.jpg)

เมื่อช่างสำรวจเสร็จแล้ว ก็เอาเครื่องมือให้ช่างแกะ ช่างถามว่าเครื่องมือพร้อมขนาดนี้ ทำไมไม่ทำเอง
ผมเลยตอบแกไป ผมใช้สมองก็พอ เรื่องแรง ยกให้ช่างแล้วกัน อิอิ
แกมองด้วยสายตางอลๆ แล้วก็ลงมือทำ

(http://www.uppic.org/image-6E11_54154A27.jpg)

ตำแหน่งของชุดฮีตเตอร์แอร์ เห็นกันชัดๆ แกะออกไม่ยาก ถ้าไม่ขี้เกียจนะ

(http://www.uppic.org/image-D148_54154A27.jpg)

ช่างใช้เวลาทำ 15นาทีก็เสร็จ

(http://www.uppic.org/image-9548_54154A27.jpg)
หน้าตาของอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายเกินจนซ่อมแซมแล้ว ตัวนี้ มอเตอร์ปั๊มน้ำเสีย วาล์วเสีย

(http://www.uppic.org/image-6EA3_54154A27.jpg)

เปลี่ยนตัวใหม่ใส่กลับคืน ต่อท่อและปลั๊กให้เรียบร้อย เติมน้ำยา ไล่อากาศ ก็เป็นอันเรียบร้อย
ใช้น้ำยาหล่อเย็นไปไม่มาก ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

(http://www.uppic.org/image-EC6A_54154A27.jpg)

ของใหม่ใส่แทนของเดิม แจ่มจริงๆ งานต่อไปทำเองก็ได้ ไม่กลัวแล้ว
เพื่อนเรายังรอความหวังอยู่.....

วิธีที่สอง คือซื้อชุดซ่อม ซึ่งมีขายในเว็บบีเอ็มต่างๆ ลองหาดูครับ ราคาพอๆกับซื้อชุดฮีตเตอร์มือสองเลยครับ
หน้าตาก็ประมาณนี้ จากสภาพและเนื้องานแล้ว ไม่น่าจะพังเร็วเหมือนที่สมาชิกท่านหนึ่งบอกไว้ เพราะสุดท้ายแล้ว
ผมทำการซ่อมให้รถเพื่อนไปเกิน3เดือนแล้ว ยังใช้งานได้ปกติ

(http://www.uppic.org/image-59F2_54154BFD.jpg)

รอดูว่าชุดซ่อมนี้ ถ้าใช้งานได้เกิน1ปี ผมจะซื้อมาเก็บไว้เปลี่ยนบ้าง
ตอนทำให้เพื่อน คล่องแคล่วยิ่งนัก งานนี้ต้องลงแรง เพราะผลตอบแทนเป็น นาโช่ แสนอร่อย ที่เพื่อนต้องเลี้ยงอิอิ

(http://www.uppic.org/image-FBA8_54154D6C.jpg)

เอ้า มาดูกันต่อ แกะของเพื่อนออกมาแล้ว สภาพสวยงามจริงๆ -_-''

(http://www.uppic.org/image-630C_54154BFD.jpg)
(http://www.uppic.org/image-147E_54154BFD.jpg)

ไม่เย็นก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว เปลื่อยซะขนาดนี้

(http://www.uppic.org/image-F159_54154BFD.jpg)

ล้างทำความสะอาดและใส่ชุดซ่อมง่ายๆ แล้วก็นำไปใส่คืนในรถ เป็นอันจบครับ

การแก้ไขอาการแอร์เย็นจนเกินไปที่มีสาเหตุมาจาก ชุดฮีตเตอร์แอร์มีปัญหา ก็มีวิธีแก้ไขเยี่ยงนี้
ผมทำกับเครื่องN42นะครับ ไม่รู้ว่า ของเครื่องรุ่นอื่นเหมือนกันมั๊ย จะใช้ทนเหมือนกันมั๊ย
จึงได้แต่ให้ข้อมูลเท่าที่ผมจะหาได้ ไปเท่านี้นะครับ

Updateล่าสุด 1-11-57 ผมไปถามราคาชุดฮีตเตอร์แอร์ตัวนี้ที่ศูนย์มาแล้วนะครับ ราคา12xxxบาท ครับ ใครคิดว่าไม่อยากซ่อม จะซื้อของใหม่ใส่ ก็เอาไปพิจารณานะครับ -ของเทียบก็ไม่หนีกันมาก
หัวข้อ: ฝ่าขีดจำกัดความประหยัดน้ำมันไปจนได้
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ กันยายน 26, 2014, 12:25:00
สวัสดีครับ สมาชิก E46thailand และท่านอื่นๆที่ไม่ใช่ครับ
วันนี้ ผมกลับมาอีกครั้งกับการรีวิว การประหยัดน้ำมันของรถ BMW E46 เครื่องN42 1995cc.
หลายท่านคงทราบกันดีแล้วว่า รถBMW E46 318iที่เป็นเครื่องแบบ4สูบ รหัสN42-N46 1995cc.
เป็นรุ่นที่ถูกออกแบบมาให้ประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องรุ่น6สูบ ดังนั้น ใครที่คิดจะซื้อบีเอ็มมาขับ
ไม่ได้เน้นขับเร็วหรือแรงอะไรมากมาย เครื่องของรุ่น318iจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ
แต่ถึงแม้318iจะประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นอื่นอยู่แล้ว ก็ยังมีบางท่านรวมถึงผมด้วย (http://www.e46thailand.com/index.php?topic=19771.0)หาวิธีที่จะทำให้รถประหยัดน้ำมันลงไปอีก  หลักการของการประหยัดน้ำมันนั้น ก็ไม่ยากที่จะคิด แต่ในเรื่องของการปฎิบัตินะสิ มันช่างยากเย็น
ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนักของรถเพื่อลดกำลังโหลด  การเพิ่มแรงม้าให้กับเครื่องโดยที่ไม่ทำให้cc.เปลี่ยนไปหรือกินน้ำมันมากขึ้น หรือแม้กระทั้งการทำระบบท่อไอเสียใหม่เพื่อลดแรงม้าที่สูญเสียไปในระบบ
การเปลี่ยนเฟืองท้าย เป็นวิธีหนึ่งที่ได้ผล แต่จะได้ผลเฉพาะสถานการณ์เท่านั้น
ที่ผ่านมา ผมได้พิสูจน์แล้วว่า การนำเฟืองท้าย 3.91มาใส่กับเครื่องN42 ทำให้รถออกตัวได้เร็วขึ้น กระฉับกระเฉงขึ้น ทอร์กมากขึ้น มาเร็วขึ้น
 
(http://www.uppic.org/image-0F07_5424F672.jpg)

แต่ผลที่ตามมาคือ รถกินน้ำมันมากขึ้น 1กม/ลิตร เนื่องจากรอบของเครื่องจัดขึ้น โดยวัดจากรอบมาตราฐานที่ผมใช้ประจำ คือ ความเร็ว110Km/h รอบอยู่ที่ประมาณ2400 RPM (กับเฟืองท้ายเดิมติดรถ 3.45) ขับคนเดียว เปิดแอร์ กระโปงท้ายบรรทุกน้ำขวดขาวขุ่นจำนวน8แฟก 48ขวด น้ำหนักประมาณ48 กก และกระเป๋าเดินทางและอื่นๆเต็มกระโปงท้าย(ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่เดินทางกลับ กทม)
ด้วยเฟืองท้ายเดิมๆ3.45ติดรถ รถจะกินเชื้อเพลิงที่ประมาณ 10.65-11.49 กม/ลิตร(Km/L)
ถ้าเป็นเฟืองท้าย 3.91รถจะกินเชื้อเพลิงที่ประมาณ 10.47 กม/ลิตร(Km/L) รอบเครื่อง2750RPMที่ความเร็ว110Km/h

(http://www.uppic.org/image-4D1D_5424F672.jpg)
(ภาพเมื่อติดตั้งเฟืองท้าย3.91)
ดังนั้น ถ้าเราเอาเฟืองท้ายที่เล็กกว่าขนาดเดิมๆมาใส่ วิ่งทางไกล รถก็น่าจะประยัดน้ำมันขึ้นเล็กน้อย ผมจึงได้ซื้อเฟืองท้ายขนาด 3.38มาเพื่อทำการทดลองและหวังว่า วิ่งทางไกล มันจะช่วยลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงลงได้

(http://www.uppic.org/image-ABBF_5424F672.jpg)

เมื่อลองใส่ดูแล้ว และได้ทำการทดสอบขับมากว่า2000กิโล จึงได้ข้อสรุปดังนี้

(http://www.uppic.org/image-151B_5424F672.jpg)
(ภาพหลังติดตั้งเฟืองท้าย 3.38)
เฟืองท้าย3.38 รถจะกินเชื้อเพลิงที่ประมาณ 12-12.6 กม/ลิตร(Km/L)
ซึ่งประหยัดกว่าการใช้เฟืองท้ายเดิมๆติดรถอยู่ประมาณ1.2กม/ลิตร(Km/L)
และประหยัดกว่าการใช้เฟืองท้าย3.91อยู่ประมาณ2.2กม/ลิตร(Km/L)
ในการวิ่งทางไกลต่างจังหวัดนะครับ และผมทำได้ประหยัดสุดที่12.6Km/L

(http://www.uppic.org/image-A003_5424F8F3.jpg)
(ภาพหลังติดตั้งเฟืองท้าย 3.38)
แล้วเฟืองท้าย3.38นี่ มันติดตั้งอยู่ในรถรุ่นไหนเป็นมาตรฐาน คำตอบคือ BMW E46 330i เป็นหลัก

(http://www.uppic.org/image-73CD_5424F7AC.jpg)

บางท่านอาจจะเห็นว่า มันก็แค่ ลิตรเดียว ที่ต่างกัน ไม่ประหยัดเท่าไหร่หรอก
ทีแรก ผมก็เคยคิดแบบนั้นครับ ตอนที่เปลี่ยนจาก3.45ไปเป็น3.91 แต่พอเราขับทางไกลระยะเกิน200กิโลขึ้นไป ความแตกต่างมันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆครับ ยิ่งถ้าขับจาก อุบล มา กทม ความแตกต่างยิ่งมาก
เราไม่ได้ซื้อรถมาเพื่อที่จะขับกันแค่วันเดียวแล้วจบไป เราต้องขับรถกันอีกหลายหมื่นหลายแสนกิโล ดังนั้น 1กม/ลิตร ที่เห็นว่าเล็กน้อยนั้น ในระยะยาวแล้ว มันคุ้มค่าครับ
ดังนั้น ด้วยเฟืองท้ายตัวใหม่ของผมตัวนี้ 3.38มันจึงเหมาะมากขับการขับทางไกล เพราะนอกจากจะได้ความประหยัดที่เพิ่มขึ้นจากเดิมแล้ว ยังได้ตีนปลายที่เพิ่มขึ้นด้วย ผมลองทดสอบความเร็วปลายแล้ว เร็วขึ้นกว่าเดิมครับ แต่ไม่สามารถถ่ายรูปมาให้ชมได้ จึงไม่ขอบอกว่าได้เท่าไร่(เดี๋ยวหาว่าโม้) เพราะผมไม่ชอบพูดเรื่องที่ไม่มีหลักฐานมาแสดง
ส่วนเรื่องการบริโภคเชื้อเพลิงในเมืองนั้น เนื่องจาก ผมเพิ่งจะวิ่งในเมืองได้แค่200กว่าโล และยังอยู่ที่11.9กม/ลิตร จึงยังไม่อยากสรุปว่าในเมืองนั้น รถสามารถวิ่งได้ความประหยัดเท่าไหร่ แต่คิดว่า น่าจะต่ำกว่าการใช้เฟืองท้ายตัวใหญ่กว่าอยู่เล็กน้อย
ดังนั้น หากใครที่ต้องเดินทางไกลบ่อยๆ เฟืองท้ายที่เล็กกว่าขนาดเดิมๆติดรถ จะช่วยให้คุณประหยัดน้ำมันและวิ่งเร็วขึ้นได้ครับ

จากการคำนวณด้วยสูตรทางคณิตศาสตร์ สามารถคำนวณความสัมพันธ์ของ เฟืองท้ายที่มีต่อและความเร็วคงที่ดังนี้
เฟิองท้าย3.38 @ 110Km/h = 2366 RPM
เฟิองท้าย3.45 @ 110Km/h = 2415 RPM
เฟิองท้าย3.91 @ 110Km/h = 2737 RPM
เฟิองท้าย3.15 @ 110Km/h = 2205 RPM
ซึ่งใกล้เคียงกับค่าที่ผมได้อย่างหยาบๆที่ 110Km/hคือ
3.38@2300RPM
3.45@2400RPM
3.91@2750RPM

หมายเหตุ ข้อมูลทั้งหมด เป็นข้อเท็จจริงซึ่งได้จากการเก็บข้อมูลด้วยตัวเองและข้อมูลจากเว็บต่างประเทศ ไม่ได้ใช้ความรู้สึกแต่อย่างใด  ตัวแปรอาจไม่คงที่นักเพราะมีปัจจัยอย่าง สภาพอากาศ สภาพการจราจร อุณหภูมิ  ระดับความสูงเมื่อเทียบกับระดับน้ำทะเล เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นข้อดีเพราะเท่ากับเป็นการจำลองการใช้รถในชีวิตประจำวัน




(http://www.uppic.org/image-B62C_5424F7AC.jpg)

(http://www.uppic.org/image-42E5_5424F7AC.jpg)
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: nonnyeos ที่ ตุลาคม 03, 2014, 16:27:40
รีวิวดีมากๆ ครับ อ่านเพลินเลย

ส่วนรถผม ไม่มีให้เลือกครับ เจอสภาพไหนก็ต้องเอาครับ 555  :วิ่งหนี:
หัวข้อ: เมื่อความประหยัดสุดๆกับความแรงมันไปกันได้
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ พฤศจิกายน 07, 2014, 17:27:08
(http://www.uppic.org/image-42E5_5424F7AC.jpg)

สวัสดีครับ สาวกE46Thailand โดยเฉพาะท่านที่ใช้ BMW E46 318ia เครื่อง N42-N46ทุกท่าน หลังจากที่ปล่อยเวลามาระยะหนึ่ง ที่คิดว่าจะทำรีวิว แต่กลับไม่มีเวลาเลย วันนี้ ผมจะมารีวิวการใช้งาน กล่องเพิ่มความแรงและเพิ่มความประหยัดน้ำมัน Pro Racing ที่ไม่ใช่กล่องไฟ แต่เป็นกล่องควบคุมระบบการทำงานของECUรถ คล้ายๆกับการRemapที่ใช้กับเครื่องN42-N46โดยเฉพาะ(อุปกรณ์ดังกล่าว ใช้ได้กับรถและเครื่องหลายรุ่น แต่ต้องแจ้งทางผู้ผลิต เพื่อที่จะเซ็ตโปรแกรมให้ถูกต้องและตรงรุ่น)

เนื่องด้วย ผมต้องการที่จะหาทางที่จะประหยัดน้ำมันที่สุดเท่าที่จะทำได้กับรถของผม ซึ่งจริงๆแล้ว มันก็ประหยัดกว่ารุ่นอื่นๆในตระกูลE46อยู่แล้วเพราะเป็นเครื่อง4สูบ รุ่นใหม่ที่ใช้คันเร่งไฟฟ้าเพื่อความเเม่นยำและตัวเครื่องใช้วัสดุอลูมินั่มน้ำหนักเบาเพื่อลดน้ำหนักของรถอีกทาง

(http://www.e46thailand.com/index.php?action=dlattach;topic=12965.0;attach=25238;image)

จะเป็นรองก็แค่เครื่องN46ซึ่งมีแรงม้ามากกว่าอยู่7ตัวแต่กินเชื้อเพลิงเท่ากัน จึงทำให้ประหยัดที่สุดในตระกูลE46ครับ จากที่เคยบอกในกระทู้ก่อนๆแล้วว่าต้องทำอย่างไรจึงจะประหยัด ผมก็ได้หาข้อมูลในEbayและพบอุปกรณ์ตัวนี้ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=wKe9BOR5l9s

Pro racing tuning box  ซึ่งจะใช้เสียบเข้ากับพอร์ตOBDของรถ เพื่อที่จะทำการจัดการกับระบบการจุดระเบิดและการจ่ายน้ำมันของรถ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดโดยผลที่จะได้คือ รถจะมีแรงม้ามากขึ้นอีกเล็กน้อย และประหยัดน้ำมันขึ้นอีกเล็กน้อย(อันนี้ผมเน้นมาก) และสุดท้าย จะทำให้เครื่องเผาไหม้สะอาด เพื่อให้ได้มลพิษน้อยที่สุด ซึ่งเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมให้ลดมลภาวะลง

หลังจากที่สั่งอุปกรณ์ตัวนี้จากเมืองนอก ใช้เวลา25วัน ของก็มาถึงครับ ขั้นตอนการติดตั้งนั้น ง่ายมากครับ บิดกุญแจไป1ขั้น แล้วทำการเสียบเข้ากับพอร์ตOBDของรถ รอสัก30วิ (ให้กล่องเริ่มบูตตัวเอง) ก็สามารถ บิดกุญแจมาที่ขั้นที่2และสามารถติดเครื่องได้ตามปกติ
ตามคู่มือ ผู้ผลิตบอกว่า ต้องทำการขับขี่เป็นปกติระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้กล่องทำการบันทึกพฤติกรรมการขับขี่ และ การทำงานของเครื่องยนต์ที่ถูกควบคุมด้วยกล่องEUCของรถ กล่องจะทำการเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อที่จะใช้ประมวลผลในขั้นต่อไป
เมื่อกล่องเก็บข้อมูลเพียงพอแล้ว จะทำการควบคุมการทำงานของกล่องECUรถอีกชั้นหนึ่ง  ผู้ผลิตอ้างว่า ต้องใช้ระยะเวลาและทาง50-200กม. ถึงจะเริ่มทำงานและเห็นผล
 
มาดูรูปร่างหน้าตาของกล่องPro Racing กันครับ เจ้ากล่องนี้มีสัญชาติโปแลนครับ กล่องพลาสติกสีแดงใส มองเห็นแผงวงจรข้างในและชิปCPUที่ทำการประมวลผล ซึ่งผมเช็กระหัสบนชิปแล้ว เป็นชิปชนิดที่ใช้กับอุตสาหกรรมรถยนต์จริงๆ ไม่ใช่ เอาอะไรมาก็ไม่รู้แล้วแปะติดเข้าไป จึงยืนยันได้ระดับหนึ่งว่า เจ้านี้ ของจริง ไม่ใช่ทำหลอก ทำเล่น

(http://www.uppic.org/image-75CD_545C974F.jpg)

กล่องประเภทนี้ที่ทำมาหลอกกินเงินพวกเรามักจะปิดมิดชิดทึบหรือใส่เรซิ่นจนเราไม่สามารถมองเห็นวงจรหรือชิปได้ แต่เจ้านี้ แฟร์ๆครับ ให้เห็นไป
เลยว่าของจริงไม่หลอก

http://www.youtube.com/watch?v=xZKzNofZ_Yw

ต้องแยกแยะนะครับ เพราะไม่ใช่ทุกกล่องจะเป็นของหลอกลวง ของจริง ทำได้จริง ก็มีเยอะครับ

(http://www.uppic.org/image-0B72_545C974F.jpg)

กล่องมีช่องต่อเข้ากับสาย ซึ่งจะมีหัวแบบOBD2ไว้ไปเสียบกับรถเรา ติดตั้งง่ายจริงๆ 

(http://www.uppic.org/image-09E7_545C974F.jpg)

ตัวสายเองก็เก็บเนื้องานได้ดีครับ 
เมื่อประกอบกันแล้วมีหน้าตาแบบนี้ครับ

(http://www.uppic.org/image-B3D1_545C974F.jpg)

http://www.youtube.com/watch?v=ttgMryitwTU

หลังจากนั้น ผมก็ขับเป็นปกติ ไปต่างจังหวัดตามปกติ เวลาผ่านไปสักพัก แล้ววันหนึ่ง เมื่อผมทำการติดเครื่องรถขึ้นมา พอขับแล้วรู้สึกแตกต่างขึ้นมาทันที
ทีแรกก็ตกใจเล็กน้อย เพราะลืมไปว่าติดตั้งอุปกรณ์ตัวนี้อยู่ และเคยชินกับพฤติกรรมเดิมของรถ
แต่หลังจากที่กล่องเริ่มทำงาน รู้สึกได้เลยครับว่า รถแรงขึ้น ไม่ได้แรงผิดหูผิดตา แต่แรงขึ้นครับ ดังนั้น เรื่องแรกที่ทางผู้ผลิตได้เคลมไว้จึงเป็นไปตามนั้นครับ หลังจากรับรู้ถึงความแรงที่เพิ่มขึ้น ผมไม่รีรอที่จะทดสอบอัตราสิ้นเปลื้องน้ำมัน เพราะเป็นเหตุผลหลักจริงๆที่ผมลงทุนซื้ออุปกรณ์ตัวนี้มา
ทุกครั้งในการทดสอบอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ผมจะใช้เส้นทางจากอุบลถึงสีคิ้วเสมอ ใช้เส้นทางเดิม และความเร็ว110Km/hทุกครั้ง เพื่อให้เห็นถึงผลการเปลี่ยนแปลงใดๆที่เกิดขึ้นกับรถ  และคราวนี้ก็ไม่ผิดหวัง เพราะมันสามารถสร้างความประหยัดขึ้นไปได้อีกขั้นที่ 13.3Km/L

(http://www.uppic.org/image-51D5_545C9BCD.jpg)

ซึ่งเมื่อเทียบกับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเดิม ก็ถือว่าใช้ได้เลยครับ เช่นเคย ผมจะบอกว่า ในบางครั้ง มักจะมีบางท่านอ้างว่า รถตัวเองวิ่งได้อัตราสิ้นเปลืองดีกว่านี้ ทั้งๆที่ จำนวนสูบมากกว่า ซีซีมากกว่า รถน้ำหนักมากกว่า ซึ่งในความเป็นจริงเป็นที่รู้กันว่า มันจะประหยัดกว่าได้อย่างไร ที่สำคัญ ไม่เคยมีรูปมายืนยันเลย ได้แต่อ้างลอยๆ จึงเชื่อถือไม่ได้ ซึ่งต่างกับผม ซึ่งจะมีรูปผลการทดสอบมาให้ดูอยู่ตลอด และการทดลอง จะมีตัวแปรที่ค่อนข้างคงที่เสมอ จึงมีความน่าเชื่อถือกว่าแน่นอน

ความจริงแล้ว ช่วง200กิโลแรก หลังจากที่ผมรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง และทำการรีเซ็ตระบบคำนวณเชื้อเพลิงใหม่ ผลอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 13.8Km/L

(http://www.uppic.org/image-0A5A_545CA4C5.jpg)

แต่หลังจากที่ขับมาได้ระยะเวลาหนึ่ง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจึงนิ่งขึ้นที่ 13.3Km/L และไม่ลดไปกว่านี้แล้ว ผมจึงได้นำค่านี้มาเป็นค่าสรุปหลักครับ

มาดูกันต่อครับ ว่ามันประหยัดขึ้นแค่ไหน
-เฟืองท้าย 3.91 อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 10.47 กิโลเมตร/ลิตร(ติดตั้งเฟืองท้าย3.91 ต้นแรง มาเร็ว แต่เปลืองเชื้อเพลิงที่สุด)ดูในกระทู้บนๆหัวข้อเรื่อง mini review เฟืองท้ายใหม่ใส่N42ของผม ได้เลยครับ
-เฟืองท้าย 3.45 อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 11.49 กิโลเมตร/ลิตร (เดิมๆโรงงานทั้งหมด)
-เฟืองท้าย 3.38 อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 12.6 กิโลเมตร/ลิตร(ติดตั้งเฟืองท้ายใหม่3.38 ต้นอืดเล็กน้อย ปลายไหลและประหยัดเชื้อเพลิงขึ้น)ดูในกระทู้บนๆหัวข้อฝ่าขีดจำกัดความประหยัดน้ำมันไปจนได้ 
-เฟืองท้าย 3.38 อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 13.3 กิโลเมตร/ลิตร ( ติดตั้ง อุปกรณ์ Pro Racing tuning box แรง และ ประหยัด)
จากข้อมูล จะเห็นว่า ความแตกต่างจาก 12.6 มาเป็น13.3 ถือว่า ประหยัดขึ้น 0.7(700เมตร)กิโลเมตรต่อลิตร ยิ่งถ้าดูจากข้อมูลรถเดิมๆ มาเป็นตอนนี้ จะประหยัดขึ้น 1.81กิโลเมตรต่อลิตร บางท่านอาจคิดว่า ประหยัดได้แค่นี้เองเหรอ คำตอบคือใช่ครับ
แต่อย่าลืมว่า มันคือ กิโลต่อลิตรนะครับ ดังนั้น ยิ่งวิ่งเยอะ ยิ่งวิ่งไกล ยิ่งประหยัดขึ้น เห็นผลชัดเจนครับ ดังนั้น สิ่งที่ผู้ผลิตเคลมไว้อย่างที่สอง ก็เป็นจริงครับ
ส่วนเรื่องมลพิษ ไอเสีย อันนี้ ผมไม่อาจจะวัดออกมาได้ จึงไม่สามารถให้คำตอบได้ครับ และก็ไม่มีไฟรูปเครื่องโชว์ขึ้นแต่อย่างใด

สรุป คือ 13.3กิโลเมตรต่อลิตร คือ อัตราสิ้นเปลืองที่ดีที่สุดที่รถผมทำได้ ด้วยความช่วยเหลือของอุปกรณ์2ชิ้น คือ เฟืองท้าย3.38  และ กล่องเพิ่มประสิทธิภาพ Pro Racing  จริงๆแล้ว ถ้าผมเปลี่ยนกระโปงหน้าและหลังเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ คงจะประหยัดและออกตัวได้ดีกว่านี้ด้วย แต่ติดที่ ไม่มีพื้นที่เก็บอุปกรณ์ที่ถอดออก

สำหรับเครื่องN46 คงจะประหยัดกว่านี้ได้อีกหน่อยครับ เพราะมีการปรับปรุงเครื่องให้มีแรงม้าเพิ่มอีกเล็กน้อยแต่กินเชื้อเพลิงเท่ากับเครื่องN42
สำหรับท่านที่ต้องการความประหยัดให้เพิ่มมากขึ้น ก็สามารถนำเอารีวิวต่างๆที่ผมเคยทำมาแล้ว มาประยุกต์ใช้ได้นะครับ ยุคนี้เป็นยุคของความประหยัดพลังงานแล้วนะครับ อย่ามัวเชยกับความคิดแบบเก่าๆว่า รถบีเอ็มต้องแรงอย่างเดียว
เครื่องเหล็กหนัก สูบเยอะ ซีซีสูง กินน้ำมัน มันหมดยุคไปแล้วครับ ยุคนี้ มันต้องทั้งแรงและประหยัดครับ บีเอ็มยุคใหม่ ถึงได้ใส่เทอร์โบเข้าไปกับรถเพื่อเพิ่มความแรงและความประหยัด รวมทั้งพยายามลดน้ำหนักตัวรถลงด้วย บริษัทผลิตรถหลายค่าย หันมาทำเครื่อง4สูบ เทอร์โบกันแเเล้ว มันคือเทรนใหม่แห่งอนาคต
ส่วนรถเราๆท่านๆ ใส่เทอร์โบไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวลครับ การทำให้รถประหยัดพลังงานและแรง มีมากมายหลายวิธีครับ และบางวิธี ผมก็เอามาให้ท่านดูแล้วครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Krisada511 ที่ พฤศจิกายน 07, 2014, 17:42:46
ขอบคุณรีวิวดีๆครับ  ตอนนี้ใช้ 6 สูบ เวลาเติมน้ำมันคิดถึง 4 สูบจัง  :))
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Krisada511 ที่ พฤศจิกายน 11, 2014, 11:44:34
วันนี้มาอ่านอีกรอบ รู้สึกเสียดาย ตอนนี้เจ้าของใหม่ ขับไปธุระที่ เชียงราย เจอยางบวม จากลงหลุมแรงไปนิด  กำลังเปลี่ยนยางอยู่ที่เชียงรายตอนนี้ และ กำลังเดินทางกลับ กรุงเทพฯ
ระหว่างรอเปลี่ยนยาง ผมเลยส่งบทความนี้ให้อ่าน

(http://i1237.photobucket.com/albums/ff471/krisada513/E46/ssssss_zps93bfa3e4.jpg) (http://s1237.photobucket.com/user/krisada513/media/E46/ssssss_zps93bfa3e4.jpg.html)


ยางมันเหลือวิ่งได้ ราว 1 หมื่นกิโล แต่จอดนานมาก ก็เสื่อม
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Schwarzrosette ที่ พฤศจิกายน 12, 2014, 19:04:44
แรงกับประหยัดมันก็เกิดกับหกสูบได้ครับ ถ้าพี่ไม่เล่นเอาสี่สูบมาไล่ทุบกระบาลรถหกสูบ แล้วบอกว่าอัตราประหยัดสี่สูบเยอะกว่า 

แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยมาทำรีวิวกัน ผมก็ทำ แต่มันเห็นไม่ชัดจากออนบอร์ดแน่นอน เพราะผมใช้รถในเมืองซะส่วนมาก แต่ออกต่างจังหวัด แก๊ส 48 ลิตรผมทำได้ 385 กิโล

แรงที่ว่าผมแนะนำขึ้นไดโน่วัดเลยดีกว่า มันขึ้นมาจริงมั้ย อย่าเอาฟิลลิ่ง เอาฟิลลิ่งใครก็พูดได้ ถอดกล่องดับรถ แล้วทำ Adaptive Reset กันเลยครับ แล้วขึ้นดูว่าก่อนขึ้นกับหลังขึ้นมันได้เท่าไหร่ เอาฟิลลิ่งผมก็บอกได้ เปลี่ยนแบตใหม่รถก็แรงขึ้น ถ้าจะเอาตรรกะนี้

ไดโน่เลยครับ ราคาไม่แรงอย่างที่คิด วัดค่า A/F ด้วยว่ามันต่างจากเดิมมากมั้ยถ้ามันประหยัดขึ้นจริง

หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ พฤศจิกายน 13, 2014, 04:21:57
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
แรงกับประหยัดมันก็เกิดกับหกสูบได้ครับ ถ้าพี่ไม่เล่นเอาสี่สูบมาไล่ทุบกระบาลรถหกสูบ แล้วบอกว่าอัตราประหยัดสี่สูบเยอะกว่า 

แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยมาทำรีวิวกัน ผมก็ทำ แต่มันเห็นไม่ชัดจากออนบอร์ดแน่นอน เพราะผมใช้รถในเมืองซะส่วนมาก แต่ออกต่างจังหวัด แก๊ส 48 ลิตรผมทำได้ 385 กิโล

แรงที่ว่าผมแนะนำขึ้นไดโน่วัดเลยดีกว่า มันขึ้นมาจริงมั้ย อย่าเอาฟิลลิ่ง เอาฟิลลิ่งใครก็พูดได้ ถอดกล่องดับรถ แล้วทำ Adaptive Reset กันเลยครับ แล้วขึ้นดูว่าก่อนขึ้นกับหลังขึ้นมันได้เท่าไหร่ เอาฟิลลิ่งผมก็บอกได้ เปลี่ยนแบตใหม่รถก็แรงขึ้น ถ้าจะเอาตรรกะนี้

ไดโน่เลยครับ ราคาไม่แรงอย่างที่คิด วัดค่า A/F ด้วยว่ามันต่างจากเดิมมากมั้ยถ้ามันประหยัดขึ้นจริง
''แรงกับประหยัดมันก็เกิดกับหกสูบได้ครับ'' ถูกต้องครับ รถคันไหนก็ทำได้ แต่ได้ไม่เท่าเพราะกายภาพของเครื่องและรถครับ ของคุณถ้าทำแบบที่ผมเคยบอก มันก็ประหยัดขึ้นได้อีกครับ แต่ประหยัดแค่ไหนก็ไม่สู้รถที่ เบากว่า ซีซีน้อยกว่า สูบน้อยกว่า และที่ผมทำรีวิว ผมก็รีวิวกับรถผมซึ่งได้เปรียบทางกายภาพของเครื่องยนต์และตัวถัง

ส่วนเรื่องรีวิว ถ้าไม่ทำกัน ในกลุ่มของรุ่นคุณ อันนี้มันก็ช่วยไม่ได้ครับ ไม่อยากแบ่งปันข้อมูลกัน ก็ไม่เป็นไร แต่ขอความกรุณา อย่าเอาเรื่อง4สูบ6สูบ มาเป็นประเด็นให้ทะเลาะกันนะครับ ส่วนรถพวกคุณ6สูบ ผมก็ไม่ได้มีอคติ ผมได้แต่นั่งและขับ ดูข้อมูล และพูดไปตามเนื้อผ้า ถ้าตรงไหนที่คุณเห็นแย้ง ก็ตั้งกระทู้ ทำรีวิว ให้เป็นข้อมูลก็จะดีมากครับ ส่วนตัวผมก็ชอบ6สูบเพราะความแรงของมันครับ แต่ผมชอบความประหยัดมากกว่า ตัวเลขonboardมันก็ทำกันขึ้นมาได้ แค่กดรีเซ็ต แล้วขับ60Km/h คุณก็น่าจะได้ 15-16Km/Lมั้ง แต่ผมไม่มีความจำเป็นต้องทำข้อมูลเท็จขึ้นมา เพราะผมต้องการแบ่งปันข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์หลอกลวงหรือโจมตีใครหรือโฆษนาอะไร

รถ4สูบ ในเมืองประหยัดกว่า6สูบครับ ชัดเจน เพราะผมขับรถคนรู้จักมาหลายคันแล้ว ทั้ง323และ330   ส่วน ตจว ความแตกต่างจะเห็นน้อยกว่า แต่ยังไง ถ้าขับปกติตามสูตร 4สูบก็ประหยัดกว่าเล็กน้อยอยู่ดี ที่นี้ ถ้าวิ่งไกลๆ ความเล็กน้อยมันก็สะสมและทำให้ปลายทางเห็นความแตกต่างครับ

รถคุณ ถ้าถังโดนัท ยังไงก็เติมไม่ถึง48ลิตรแน่นอน มันได้แค่ประมาณ39ลิตร และถ้าอัดก็ได้ไม่เกิน45ลิตร  ส่วนรถผม ถัง52ลิตร มันเติมปกติได้ก็ประมาณ39ลิตร สามารถดูจากประวัติภาพเก่าที่ถ่ายไว้ได้ ในรีวิวบนๆนี่แหล่ะ  ดังนั้น การที่รถคุณวิ่งได้ 385 กฺ็โลก็ไม่แปลกครับ ส่วนรถผม วิ่งได้สี่ร้อยโลนิด ซึ่งก็ไม่แปลกเช่นกัน เพราะรถผมมัน4สูบ ซีซีน้อยกว่า น้ำหนักเบากว่า

สุดท้ายเรื่องความแรง ก็บอกแล้วว่าแรงขึ้นนิดหน่อย คุณขับรถทุกวัน ประจำ บ่อยๆ คันเดียว คุณไม่รู้ว่ารถคุณมันวิ่งดีขึ้นหรือแย่ลง อันนี้ก็แย่แล้วนะ ตัวแปรก็คงที่ยกเว้นของที่ใส่ใหม่เข้าไป แหมขนาดเปลี่ยนกรองอากาศK&nบ้าง เปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ้าง เปลี่ยนแบ็ตบ้าง ลงกราวบ้าง ยังบอกกันได้ว่าดีขึ้น แล้วทำไมพี่ต้องไปลงไดโน่วัดค่าA/F มาให้น้องดูด้วย พี่ไม่ได้เขียนรายงานส่งอาจารย์นะครับ พี่มาแบ่งปันข้อมูล ไม่เชื่อก็ข้ามครับ ไปตั้งกระทู้เขียนรีวิวของตัวเองเลยครับ อย่ามาทำตัวแบบนี้ ผมเชื่อว่าทุกท่านที่ทำรีวิว เค้าเสียเวลาทำมาหากิน มานั่งพิมพ์ นั่งเอารูปลง คงไม่ใช่ต้องการจะโม้หรอกนะครับ เค้าอยากแบ่งปันข้อมูลกันทั้งนั้น ให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงกันทั้งนั้น

ปล ถ้าดูดีๆ จะเห็นว่า รีวิวต่างๆที่ผมทำ ผมทำในกระทู้ของผมนะครับ ไม่ได้ไปตั้งกระทู้ใหม่ ไม่ได้ไปดันกระทู้ตัวเองเพื่อโฆษณาอวดความรู้ ผมพยายามทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง ให้ความรู้แบ่งปันข้อมูลเท่าที่เราจะให้ได้แกคนอื่นๆ  บังเอิญว่ามีคนเห็นถึงประโยชน์ในเรื่องที่ผมเสนอ เค้าก็เอาไปไว้หน้าแรกเป็นไฮไลท์ให้สมาชิกได้อ่านกัน ผมเชื่อว่าถ้าใครทำตัวมีประโยชน์ ก็คงได้รับเกียรติ ให้เป็นไฮไลท์เหมือนกันครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Schwarzrosette ที่ พฤศจิกายน 13, 2014, 11:23:32
เออแปลกดี พอไม่เชื่อก็บอกให้ข้าม เขามีแต่ไม่เชื่อยิ่งต้องพิสูจน์

ผมทำผมก็ยังไม่เชื่อ มันเลยต้องมีการลองวิ่งกับชาวบ้าน ขึ้นไดโน่วัดกัน เช็คโวลต์ ทำให้มันเป็นค่าตัวเลขแบบยืนยันมีมาตรฐานรองรับ วัดค่า A/F ออกมาว่ามันต่างจริงมั้ย หรือมันประหยัดเพราะแค่ตัวกล่องมันไปกระตุ้นอะไรบางอย่างให้มันวิ่งดีขึ้น มันประหยัดจริงหรือมันประหยัดเพราะคนขับมันทำให้ประหยัดเอง

แปลก การสงสัยเป็นการทำตัวแบบนี้ งั้นก็เขียนแล้วเก็บไว้อ่านในบล็อกเหอะครับ คนมาสงสัยดันมาพูดแบบนี้
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ พฤศจิกายน 14, 2014, 23:26:10
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
เออแปลกดี พอไม่เชื่อก็บอกให้ข้าม เขามีแต่ไม่เชื่อยิ่งต้องพิสูจน์

ผมทำผมก็ยังไม่เชื่อ มันเลยต้องมีการลองวิ่งกับชาวบ้าน ขึ้นไดโน่วัดกัน เช็คโวลต์ ทำให้มันเป็นค่าตัวเลขแบบยืนยันมีมาตรฐานรองรับ วัดค่า A/F ออกมาว่ามันต่างจริงมั้ย หรือมันประหยัดเพราะแค่ตัวกล่องมันไปกระตุ้นอะไรบางอย่างให้มันวิ่งดีขึ้น มันประหยัดจริงหรือมันประหยัดเพราะคนขับมันทำให้ประหยัดเอง

แปลก การสงสัยเป็นการทำตัวแบบนี้ งั้นก็เขียนแล้วเก็บไว้อ่านในบล็อกเหอะครับ คนมาสงสัยดันมาพูดแบบนี้
น้องครับ พี่เขียนบทความมาให้อ่านนะครับ ถ้าน้องสงสัย น้องก็พูดดีๆครับ ไม่ใช้ท้าทาย ที่น้องพิมพ์มา อ่านยังไงมันก็ท้าทายครับ สำหรับพี่ คำเขียน สำนวน อ่านแล้วรู้สึก ท้าทาย มากกว่าสงสัย  ที่สำคัญ ถ้าใช้คำพูดไม่เป็น ก็อย่าพิมพ์ครับ น้องอาจจะไม่ได้ตั้งใจท้าทาย แต่การพิมพ์มันแสดงอย่างนั้น พี่เคยทะเลาะกับผู้เชี่ยวชาญในเว็บนี้มาแล้วนะครับ เรื่องการสื่อสาร ให้มันดีๆหน่อย เจตนาแบบหนึ่ง แต่การพิมพ์มันทำให้คนอ่านเข้าใจผิดและรู้สึกไม่ดีได้
และสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่พี่เรียนรู้จากที่นี่คือ อย่าหาเรื่องหรือทะเลาะกันในบ้าน(กระทู้)คนอื่น มารยาทรู้จักมั๊ยครับ ไม่พอใจอะไร คาใจอะไร อยากพิสูจน์อะไร ไปตั้งกระทู้แล้วพิสูจน์เองครับ คนอ่านเค้ามีวิจารณญาณครับ เค้าตัดสินใจได้ว่าใครถูกใครผิด
ถ้าน้องคิดว่าเรื่องนี้ต้องพิสูจน์ แนะนำน้องไปหาซื้ออุปกรณ์ตัวนี้มา(พี่รู้ว่าน้องรวย มีปัญญาหาซื้อมาได้อยู่แล้ว) แล้วลองทำการพิสูจน์เองก็แล้วกัน รวมทั้ง ไอ้กล่องและอุปกรณ์แต่งอื่นๆในรถน้องด้วยนะ คนอื่นจะได้ความรู้เพิ่มจากที่น้องจะแบ่งปันให้
ทำเลยครับ ทำตัวให้มีประโยชน์ต่อสังคมเลยครับ

อ่อ ลืมบอกไป ข้อมูลเรื่องแก๊สของรถน้อง ถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดที่น้องทำได้กับรถของน้อง แต่มันพิสูนจ์ให้เห็นชัดว่า รถน้องกินเชื้อเพลิงมากกว่ารถพี่ ที่เฟืองท้ายเดิมๆไม่ได้แต่งเติมหรือใส่กล่องแต่งอุปกรณ์ใดๆทั้งสิ้น ลองขึ้นไปอ่านดูนะในหัวข้อ ''ฝ่าขีดจำกัดความประหยัดน้ำมันไปจนได้ ''
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: 3rd_e46 ที่ พฤศจิกายน 15, 2014, 22:10:53
กระทู้ดีๆ มีประโยชน์... พังหมด
หัวข้อ: เมื่อความประหยัดสุดๆกับความแรงมันไปกันได้ updateล่าสุด
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ พฤศจิกายน 19, 2014, 14:27:59
สวัสดีครับ ผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ ผมมาอัพเดตเพิ่มเติม หลังจากใช้อุปกรณ์ Proracing tuningbox (กลับไปอ่านรีวิว http://www.e46thailand.com/index.php?topic=12965.msg242796#msg242796 สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่าน)
มา1800กว่ากิโลเมตร มันมีความคืบหน้ามาให้ชมครับ โดยทริปล่าสุดนี้ พึ่งทดสอบไปเมื่อวันที่17 พย นี่เอง โดยปัจจัยรวมๆยังคงเดิมครับ
คือ วิ่งที่ความเร็วคงที่ 110Km/h เปิดแอร์ จาก อุบลถึงสีคิ้ว และจากสีคิ้วถึงรังสิตครับ แต่คราวนี้ ใช่ว่าปัจจัยทุกอย่างจะคงที่ไปซะหมด เพราะมี2สิ่งที่เปลี่ยนไปครับ ซึ่งอาจส่งผลทำให้ ค่าที่จะได้ในครั้งนี้ เปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควรครับ
ปัจจัยแรกคือ อุณหภูมิครับ ตลอดระยะเวลาที่ผมทำการขับขี่ อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ20-24องศาเท่านั้น ซึ่งจะต่างจากคราวที่แล้วในรีวิวhttp://www.e46thailand.com/index.php?topic=12965.msg242796#msg242796 เพราะตอนนั้นอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ26-30องศา
ปัจจัยที่สองคือ น้ำมันเครื่องครับ คราวที่แล้ว ผมใช้ ปตท 0w-30 สังเคราะห์แท้ 100% ซึ่งระบุว่า ช่วยประหยัดน้ำมันขึ้นและใช้กับรถที่ใช้เชื้อเพลิงทั้งแก๊สทั้งน้ำมันได้ แต่คราวนี้ ผมใช้ Motul 5w-40 H-tech Prime ซึ่งระบุว่า ใช้กับรถที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันและแก๊สได้เช่นกัน และยังระบุว่าช่วยให้ประหยัดน้ำมันขึ้นด้วยเช่นกันกับของ ปตท

เริ่มต้นทริปการเดินทางด้วยการ รีเซ็ตค่าเฉลี่ยการใช้เชื้อเพลิงเช่นเคย

(http://www.uppic.org/image-2446_546C4080.jpg)

หลังจากเดินทางมาได้210กิโลเมตร กับความเร็วคงที่ ที่110Km/h กับอุณหภูมิอากาศภายนอกเย็นๆ และน้ำมันเครื่องอย่างดี ลองเปิดดูอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ปรากฏว่า น่าแปลกใจมาก มันประหยัดกว่าทุกครั้งที่เคยทำมา คืออยู่ที่ 14.0 กิโลเมตร/ลิตร ได้เท่านี้ ผมก็ยิ้มแล้วครับ

(http://www.uppic.org/image-0990_546C4080.jpg)

หรือจะเป็นเพราะหลายๆปัจจัยที่ช่วยเสริมให้มันประหยัดน้ำมันขึ้น?

และแล้ว ผมก็อดทนขับที่ความเร็ว110Km/h ยอมให้รถคันอื่นๆแซงไปอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นกระบะเจ้าถนน อีโค่คาร์จอมระห่ำ หรือแม้กระทั้งผู้ดีเบนซ์ที่ขับเร็วซะจน ผมอยากจะไล่ตามเล่นๆดู แต่ก็ทำไม่ได้ มาถึงสีคิ้วจนได้ ด้วยระยะทาง410.1กิโลเมตร เพื่อทำการเติมเชื้อเพลิงก่อนมุ่งหน้าสู่ กทม ต่อไป
น่าเสียดาย ด้วยความที่ทั้งปวดฉี่ ง่วงนอน ต้องการซื้อของที่ FN outlet และปิดท้ายด้วยมื้อเช้า สเต็กฟินเรมิยอง ที่ร้านเทพประทาน ทำให้ผม ลืมถ่ายรูปหัวจ่ายมาให้ดูกัน จำได้ว่าเติมจนตัดไป29ลิตรกว่าๆ แต่ก็ยังดีที่ผมลองกดดูตัวเลขว่า ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ผ่านมา ถ้าเติมน้ำมันเต็มถัง รถจะวิ่งได้กี่กิโลเมตร และผลจากการคำนวณโดยคอมพิวเตอร์ออนบอร์ด ก็ออกมาที่ 826 กิโลเมตร โอ้ มันจะทำได้ขนาดนั้นเลยรึ!

(http://www.uppic.org/image-BCF7_546C4080.jpg)

หลังจากรับประทานอาหารเช้าแสนอร่อย พร้อมทั้งสั่งชีสเบอร์เกอร์กลับบ้านอีกหนึ่งกล่อง พลังในการขับรถก็กลับมา ออกจากมวกเหล็ก มุ่งหน้าสู่สระบุรี กดดูอัตราสิ้นเปลืองซะหน่อย โอ้พระเจ้า ยิ่งขับยิ่งประหยัด 14.2กิโลลิตรเนี๊ยนะ

(http://www.uppic.org/image-2DF4_546C4080.jpg)

เเละนี่ ดูจะเป็นจุดสิ้นสุดของการประหยัดน้ำมันแล้วครับ เพราะหลังจากนี้ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันของทริปนี้ ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกเลย

กลับมาถึง รังสิต กับระยะทางรวม 410.1+177.8=587.9กิโลเมตร และออนบอร์ดยังคงแสดงอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 14.2Km/Lครับ

(http://www.uppic.org/image-5D86_546C4080.jpg)

ก่อนออกจากรถ ผมถ่ายตำแหน่งติดตั้งอุปกรณ์ Proracingมาให้ดูครับ คือเสียบเข้ากับOBDเลยครับ ทิ้งคาเอาไว้ตลอดการเดินทาง

(http://www.uppic.org/image-BB6C_546C45B3.jpg)

(http://www.uppic.org/image-B8DF_546C45B3.jpg)

อัพเดตนี้ คงจะเป็นเรื่องสุดท้ายแล้วสำหรับความพยายามที่จะประหยัดเชื้อเพลิงของผม ต่อไป คงจะหาสาระดีๆอื่นๆมาให้ได้อ่านกันต่อไปครับ
หัวข้อ: ทำไม ที่ปัดน้ำฝนของE46ถึงไม่เหมือนกันทั้ง2ข้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ พฤศจิกายน 19, 2014, 15:52:31
เคยสงสัยมั๊ย ว่าทำไม ที่ก้านที่ปัดน้ำฝนของรถพวกเรา BMW E46 ถึงมีหน้าตาแตกต่างกัน
แล้วทำไมรถรุ่นอื่นมันเหมือนกัน
ลองดูภาพตัวอย่างจากยี่ห้อนี้ครับ

(http://www.bmoption.com/product/bw/e46.jpg)

ขออนุญาตินำภาพจากร้านผู้สนับสนุนเว็บมาเป็นตัวอย่างนะครับ
เห็นอะไรมั๊ยครับ ด้านฝั่งคนขับกับด้านฝั่งคนนั่งโดยสาร หน้าตาไม่เหมือนกัน
สิ่งที่ลูกศรสีแดงชี้อยู่คือ สปอยเลอร์ (spoiler).... หา!

(http://www.uppic.org/image-ED0D_546C54B4.jpg)

แล้วมันเอาไว้ทำอะไรล่ะนี้ เท่าที่รู้ สปอยเลอร์ มันเอาไว้กดรถให้อยู่ติดกับพื้นเวลาที่รถวิ่งเร็วๆไม่ใช่รึ
คำตอบคือ มันก็ยังทำหน้าที่นี้เช่นเดิม ใครจะไปคิดว่า วิศวกรของบีเอ็มเค้า จะนำหลักการนี้มาใช้กับรถเค้าด้วย
สปอยเลอร์อันนี้ ที่ติดอยู่กับก้านปัดน้ำฝนนี้ มันจะทำหน้าที่ กดก้านปัดน้ำฝน ให้อยู่แนบกับกระจก ในขณะที่เราขับรถในสภาวะฝนตกหนักและขับเร็ว เพื่อให้ได้ทัศนะวิสัยที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้คนขับควบคุมรถได้ดีและปลอดภัย เพราะสามารถมองเห็นข้างนอกได้อย่างชัดเจนนั่นเอง
โอ้....พระเจ้า แล้วมันก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
เอ้า แล้วฝั่งคนนั่งโดยสารล่ะ ทำไมไม่มี เหตุผลง่ายๆ2ข้อครับ
1 คนนั่งโดยสารไม่ต้องขับรถนี่นา
2 ประหยัดต้นทุน
ที่นี้ มาดูเรื่องใบปัดน้ำฝนบ้าง บ้างท่านบอกว่า เปลี่ยนทั้งที ก็เปลี่ยนทั้งก้านไปเลย ราคาก็หลักร้อยหลักพันแล้วแต่ร้านและยี่ห้อ บางท่านก็บอกว่าเปลี่ยนแค่ใบมันก็ได้ ใส่ก้านเดิมต่อได้เลย ส่วนตัวผม ทำมาแล้วทั้งสองแบบ เลยเอามาแบ่งปัดเพื่อใช้ในการพิจารณาว่า ท่านจะเลือกวิธีไหน ซึ่งใบปัดน้ำฝนที่ผมซื้อมาเปลี่ยนราคาใบล่ะ80บาท ซื้อมาสองใบ ลักษณะใบ จะนิ่ม และรู้สึกว่านิ่มกว่าแบบทั้งก้านยี่ห้อBoschที่ผมซื้อมาเช่นกันในราคาพันนิดๆ
ดูรูปนะครับ ด้านซ้ายคือใบปัดน้ำฝนของBosch ส่วนด้านขวาคือใบปัดน้ำฝนซื้อตามตลาดนัด คาร์แคร์ หรือข้างถนน ริมทาง

(http://www.uppic.org/image-CADC_546C58C0.jpg)

สังเกตุดูดีๆครับ ของแท้เนื้อยางจะหนากว่า และเนื้อแข็งกว่าเล็กน้อยครับ
เท่าที่ลองใช้ดู ของที่ซื้อมาเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเองที่อยู่ตามริมทางหรือตลาดนัด สามารถปัดได้เนียบ เงียบ นุ่ม ไม่ต่างจากของแท้ทั้งก้านยี่ห้อBoschเลยครับ
แต่ราคาต่างกัน10เท่า
แล้วอย่างนี้ เราซื้อเฉพาะใบปัดน้ำฝนตามตลาดนัดหรือริมทางมาติดก็ได้นะสิ คำตอบคือได้ครับ แต่มันก็มีข้อเสียอยู่2ข้อเท่าที่เจอครับ
1 เวลาใส่ ต้องบีบตัวล็อคให้แน่นขึ้น เพราะใบปัดน้ำฝนจะเล็กกว่าของตรงรุ่นอยู่เล็กน้อยตามรูป
2 อายุการใช้งานต่ำมาก คือเต็มที่ก็หมดหน้าฝนครับ2-3เดือนเท่านั้น หลังจากนั้น เสียงเริ่มมา ความคมเริ่มหาย และเนื้อเริ่มแข็ง และแข็งกว่าของแท้ตรงรุ่นอย่างBoschในระยะ6เดือนเท่ากัน
ที่เหลือ ก็อยู่ที่ท่านแล้วครับว่าจะใช้แบบไหน

หัวข้อ: ทำไมท้ายของ BMWE46ถึงแหลมอย่างที่เห็น
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ พฤศจิกายน 19, 2014, 16:12:17
คำถามที่ไม่มีใครเคยถามคือ ทำไมท้ายของ BMW E46ถึงได้เป็นอย่างที่เห็น

(http://www.uppic.org/image-1E17_546C5D6D.jpg)

เพราะหลายคนคิดว่า ก็เค้าออกแบบมาเป็นอย่างนั่นนิ เพื่อความสวยงามไง
แต่เบื้องลึกแล้ว นอกจากความสวยงาม มันยังมีอีกอย่างที่คุณคาดไม่ถึง
นั่นคือ ท้ายทรงนี้ จะช่วยประหยัดน้ำมันขึ้น โดยลดแรงDragของลมท้ายลง
ทำให้ลมวนท้ายรถ ลดความปั่นป่วนลง จึงลดแรงฉุดของรถลง ทำให้รถวิ่งได้เร็วขึ้น
ใช้แรงน้อยลงเพราะแรงฉุดน้อยลง และช่วยให้ประหยัดน้ำมันนั่นเอง
(http://i80.photobucket.com/albums/j175/MPower7/Signatures/Alpine_Sig_02.jpg)
ความลับของBMW E46 ยังไม่หมด โปรดติดตามอ่านต่อตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Krisada511 ที่ พฤศจิกายน 19, 2014, 17:23:44
รีวิว และ ความรู้ดีๆ มีประโยชน์ ต่อส่วนรวม ขอบคุณมากครับ  ;)
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ พฤศจิกายน 20, 2014, 13:22:18
ขอบคุณสมาชิกหลายๆท่านที่PMมาให้กำลังใจนะครับ

ผมสัญญาว่าจะนำเรื่องราวดีๆ มาแบ่งปันกันต่อไปครับ

 :-X :-X :-X :-X :-X :-X :-X :-X
หัวข้อ: รู้มั๊ย ว่าE46ของคุณ มีความลับอะไรซ่อนอยู่บ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ พฤศจิกายน 21, 2014, 09:31:32
บางท่านอาจจะรู้ แต่หลายท่านยังไม่รู้
ท่านทราบหรือไม่ว่ารถE46ของท่าน มีความลับอะไรซ่อนอยู่บ้าง
ผมเอาบางส่วนที่ผมค้นพบแล้วมาแบ่งปันครับ
1 ถ้าคุณดับเครื่อง ถอดกุญแจแล้ว ถ้าคุณดิฟไฟสูง2ครั้ง ไฟหน้าจะติดขึ้นมาระยะหนึ่ง เพื่อให้คุณได้มองเห็นหน้ารถได้อย่างชัดเจนในตอนกลางคืน จะได้เดินอย่างปลอดภัย
2 ถ้าคุณดับเครื่อง ถอดกุญแจแล้ว ยกก้านยกไฟเลี้ยว ไฟหรี่หน้าหลังด้านที่ยกจะติดขึ้นมา เอาไว้ให้รถคันอื่นเห็นรถคุณได้ชัดขึ้นในเวลากลางคืน เวลาที่ต้องจอดรถไว้ข้างถนน
3 ถ้าคุณอยากรู้ว่า รถวิ่งมากี่กิโลแล้ว และข้อมูลอื่นๆ คุณสามารถ กดดูที่ปุ่มตรงเรื่อนไมล์ได้เลยโดยไม่ต้องเสียบกุญแจรถ
4 อันนี้บ้านเราคงไม่เจอ คือ ถ้าคุณกำลังขับรถ แล้วอุณหภูมิภายนอกลดต่ำกว่า 2.7 องศาc  จะมีเสียงเตือนขึ้นมาเพื่อให้คุณระวังถนนลื่นจากน้ำแข็ง
5 กระจกมองข้างเดิมๆติดรถ ถูกออกแบบมาทางอากาศพลศาสตร์ให้ลดเสียงรบกวนของลม
6 รถจะเข้าสู่โหมดจำศิลหลังเวลาผ่านไป16นาที เพื่อประหยัดพลังงานและยืดอายุของแบ็ตเตอร์รี่
เท่าที่ผมทราบมีเท่านี้
แต่ผมไปเจอมาจากเว็บ ตปท ว่ามันมีอีกเพียบเลย ลองตามไปอ่านดูครับ
http://www.bimmerforums.com/forum/showthread.php?597288-E46-Easter-Eggs
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: moku ที่ พฤศจิกายน 23, 2014, 06:30:26
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความดีๆมีสาระความรู้เพียบแบบนี้ ตอนนี้ผมกำลังชั่งใจอยู่ครับ สนใจ BMW มือสองอยู่พอดี ขอเก็บข้อมูลก่อนละกันครับ กลับไทยเมื่อไหร่ คงเจอคันที่ถูกใจสักคัน ;)
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: tom46 ที่ พฤศจิกายน 28, 2014, 09:07:53
ขอเสนอแนะเพิ่มเติมหน่อยนะครับ

อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงกับ obd ไว้ตลอดเวลา ผมจำไม่ได้ว่าเคยอ่านที่ไหน เห็นว่า ถ้าใช้ไปนานๆจะทำให้กล่อง ecu ของเรา error ไปด้วยนะครับ

อย่างไงก็ลองหาข้อมูลเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: chet116 ที่ ธันวาคม 25, 2014, 12:08:12
บทความนี้ทำให้ผมต้องสมัครเป็นสมาชิกE46thailand และเริ่มต้นสนใจ BMW เลยครับผม เป็นกำลังใจให้ครับ :cheerup:
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: leos ที่ ธันวาคม 31, 2014, 14:05:33
ขอบคุณมากครับคุณ Chris สำหรับบทความที่ดีมาก  เป็นสมาชิกมานานได้แต่อ่านอย่างเดียว เพิ่งเห็นหัวข้อนี้วันนี้เอง

กำลังคิดจะขาย e46 ออก เป็นรถมือแรก ใช้น้อย  แต่พออ่านบทความนี้เปลี่ยนใจจะเก็บไว้ใช้ต่อแล้วครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: [email protected] ที่ มกราคม 18, 2015, 15:22:53
เนื้อหาเยอะดี ..ตามเก็บข้อมูลทุกกระทู้...ขอบคุณมากค๊าบบบ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: thirayuw ที่ มกราคม 24, 2015, 10:13:58
สุดยอดผมไปลองหมดเลย ::2thmb::
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: q2z1112 ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2015, 04:35:17
 :lovelove: ::kisskiss::ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ มีประโยชน์ครับ ตั้งใจอ่านยิ่งกว่าอ่านหนังสือสอบอีก บ่องตง
ปล.รู้สึกรัก รถตัวเองขึ้นมากมายเลย 318iase n42
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: songtoday ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2015, 02:34:27
 บทความที่มีประโยชน์มากครับ ติดตามชมเรื่อยๆ รอดูรีวิวชื้นต่อไป...สุดยอดมาก ;)
หัวข้อ: Coming Soon Hot Inazma for BMW
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ มีนาคม 15, 2015, 21:36:36
กว่าจะหาได้ เหนื่อยเอาการ
เตรียมผมกับบทความเรื่องนี้ อีกไม่นานครับ
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ มีนาคม 15, 2015, 21:43:52
ต้องขอโทษสมาชิกหลายๆท่านนะครับที่ตอบช้า
พอดีช่วง3-4เดือนที่ผ่านมา มีธุระเยอะ เลยไม่ได้เข้ามาเล่นเว็บเลย

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ขอเสนอแนะเพิ่มเติมหน่อยนะครับ

อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงกับ obd ไว้ตลอดเวลา ผมจำไม่ได้ว่าเคยอ่านที่ไหน เห็นว่า ถ้าใช้ไปนานๆจะทำให้กล่อง ecu ของเรา error ไปด้วยนะครับ

อย่างไงก็ลองหาข้อมูลเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ
ทางผู้ผลิตเค้าบอกว่าต้องเสียบตลอด แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่เสียบตลอดหรอก กลัวกล่องพังเหมือนกัน ตัวนึงตั้งหลายบาท ต้องสั่ง ตปท อีกตะหาก ส่วนใหญ่ จะถอดตอนไม่ได้ใช้รถนานๆ ซึ่งบ่อย


ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
บทความนี้ทำให้ผมต้องสมัครเป็นสมาชิกE46thailand และเริ่มต้นสนใจ BMW เลยครับผม เป็นกำลังใจให้ครับ :cheerup:
ขอบคุณครับ

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
ขอบคุณมากครับคุณ Chris สำหรับบทความที่ดีมาก  เป็นสมาชิกมานานได้แต่อ่านอย่างเดียว เพิ่งเห็นหัวข้อนี้วันนี้เอง

กำลังคิดจะขาย e46 ออก เป็นรถมือแรก ใช้น้อย  แต่พออ่านบทความนี้เปลี่ยนใจจะเก็บไว้ใช้ต่อแล้วครับ
ขายออกF30ก็ไม่ว่ากันครับ555

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
เนื้อหาเยอะดี ..ตามเก็บข้อมูลทุกกระทู้...ขอบคุณมากค๊าบบบ
โปรดติดตามตอนต่อไป

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
สุดยอดผมไปลองหมดเลย ::2thmb::
;)

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
:lovelove: ::kisskiss::ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ มีประโยชน์ครับ ตั้งใจอ่านยิ่งกว่าอ่านหนังสือสอบอีก บ่องตง
ปล.รู้สึกรัก รถตัวเองขึ้นมากมายเลย 318iase n42
ดีแล้วครับ ของที่มีคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วครับ

ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
บทความที่มีประโยชน์มากครับ ติดตามชมเรื่อยๆ รอดูรีวิวชื้นต่อไป...สุดยอดมาก ;)
coming soon

หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Krisada511 ที่ มีนาคม 15, 2015, 22:37:54
หายไปนานเลย  ;)
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_dimple ที่ เมษายน 12, 2015, 15:34:09
หยุดสงกรานต์ว่างๆมาอ่านอีกหน ชิลๆ  ::ดื่ม::

จะว่าไป น่ามีนัดสังสรรค์รถสูบน้อยสักที อยากรู้จักพี่คริสกับพี่กฤษฎา  :-X
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Chaisitike ที่ มิถุนายน 21, 2015, 17:08:16
Iขอบคุณครับสำหรับข้อมูลสำหรับ318iase
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: PitiS ที่ กรกฎาคม 15, 2015, 09:45:58
กระทู้ดี มีประโยชน์ครับ  ;)
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: (^_^) ที่ กรกฎาคม 24, 2015, 22:27:52
เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มากครับ"อะไรที่ผมคิดอยากทำ".คุณได้ลองมาเกือบหมดเลย  ;)

..และได้รู้ข้อมูลที่คู่มือไม่มีบอก(ทุกอย่างชัดเจนมีหลักฐานเชื่อถือได้)  ;)

000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000

..ลองทำตัวนี้สิครับผมคิดเล่นๆๆนะครับ55

..เอาเครื่องไอพ่นเจ็ทของเครื่องบินบังคับ"ไม่ต้องใช้น้ำมันใช้แต่ชุดพัดลม"ใช้แบบระบบไฟ12V.DC.

..ขนาดที่ใส่ซ่อนในท่อไอดีได้.ใส่ทางลมเข้าติดกับตัวที่มีลิ้นปีกผีเสื้อ(ตัววัดตัวอื่นจะได้ไม่เพี้ยน)

..ควบคุมความเร็วด้วยRปรับค่าได้"หมุนเร็วแรงดัน.Bar.เยอะ" ตัววัดBAR.ควรเจาะติดหลังปีกผีเสื้อแถวท่อร่วมไอดี

..สวิทย์ควบคุมติดที่คันเร่ง(Kick Down)ถึงจะไปกดสวิทย์..มีไฟแสดงการทำงาน"เผื่อสวิทย์ค้าง"

..มีสวิทย์เปิด-ปิดทั้งระบบพร้อมไฟแสดงการทำงาน

..เวลาเราทดสอบเรงดันBar.ให้ค่อยๆๆๆๆปรับเพิ่มความเร็วพัดลมนะครับ"ติดเครื่องรอบเบานี่แหละ" 0.2barก็พอเครื่องเดิม

..พอได้ที่พอใจก็ติดกาวตาช้าง"แต้มนิดๆๆๆๆ4มุม"เพื่อที่ตัวปรับจะได้ไม่เคลื่อนและซ่อนเก็บไว้ในที่เด็กหรือใครมาหมุนเล่นไม่ได้

..เป็นความคิดที่เพี้ยนๆๆไปหน่อยแต่ผมอยากลองทำมากเลย..แต่ไม่มีเงินทุนและอุปกรณ์และที่สำคัญ "รถมารดา" O0 O0

00000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000000
..จะติดตามต่อไปขอบคุณที่ทำกระทู้ดีๆๆนี้ :cheerup:

หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: 545 ที่ กันยายน 22, 2015, 15:56:51
เป็นกระทู้ที่ดีมากครับผม
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Jalet_Jetto ที่ มีนาคม 10, 2018, 15:36:12
หลังจากอ่านบทความของ จขกท.จบผมตัดสินใจได้เลยครับ ว่าจะซื้อ55555
ผมขอคำแนะนำสำหรับมือใหม่ที่ไม่รู้เรื่องรถเลย แบบใหม่มากๆ พอจะมีมั้ยครับ


คือตอนนี้กำลังจะไปดูรถ ตัวนี้เลยตัวเดียวกับ จขกท.เลยครับ ถ้าจะให้ดีขอแนะนำอู่แถวบางนาด้วยก็ดีนะครับ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าเลยครับบบ ::)





หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ ธันวาคม 10, 2018, 21:34:14
เดี๋ยวจะซ่อมแซมภาพในรีวิวให้ แต่อาจไม่สมบูรณ์นัก
หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Kitasakaba ที่ พฤศจิกายน 17, 2019, 20:58:57
ขอบคุณมากครับ เยี่ยมมากครับ กำลังจะซื้อรุ่นนี้มาใช้เลยเข้ามาอ่านเป็นประโยชน์มากครับ ทำให้อยากใช้รถรุ่นนี้มากขึ้นเลยครับ  ""ชูสองนิ้ว:: ""ชูสองนิ้ว:: ""ชูสองนิ้ว::

หัวข้อ: Re: บทความรีวิว BMW 318iase E46 และ Tips
เริ่มหัวข้อโดย: Yohan Mech ที่ พฤศจิกายน 04, 2020, 16:15:02
very very good topic & cotent ...