ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คุณแจหมายถึงตอนนี้ผมยังใช้ไปได้จนก่อนถึง10,000km.ใช่ไหมครับ โดยปกติผมใช้ไม่เคยถึงหรอกครับเพราะอย่างมากผมใช้ถึงแค่ 6000-7000km. ก็ครบกำหนด1ปีแล้วครับ ความจริงเบอร์นี้ผมซื้อติดมาคิดว่าจะใส่ในมอเตอร์ไซค์ BMW R1200c (เพราะคนขายบอกน้ำมันใสๆจะดีหล่อเลี้ยงเครื่องไว โดยเฉพาะboxsterของBMแต่มีเพื่อนที่ใช้บอกว่ามอไซค์BMตัวนี้ระบายความร้อนด้วยอากาศบ้านเรามันร้อนมากอยู่แล้วถ้าน้ำมันใสมากตอนร้อนนี้ไม่ช่วยหล่อลื่นเลยก็เลยเอามาใส่ใน330ciแทนน่ะครับ)ส่วนE46คันนี้ผมไม่ค่อยได้ใช้ในเมืองรถติดยาวๆครับ แต่ก็ไม่ค่อยได้วิ่งทางไกลยาวๆไปกว่าเมืองกาญจ หรือหัวหิน เหยียบสนุกๆย่าน200+บ้าง บนทางพิเศษครับที่ถามก็เพราะผมไม่ค่อยมีความรู้ทางช่างครับเน้นขับอย่างเดียวกะหาอู่ที่ไว้ใจได้ครับ แต่นั่นแหละครับเรื่องน้ำมันเครื่อง ยาง ลมยางเรื่องพวกนี้ถามต่างอู่ ต่างคนขาย ต่างคนใช้คิดเห็นไม่เหมือนกันเท่าไหรเลยอยากได้ข้อมูลที่เป็นกลางและอ้างอิงได้สักหน่อยอะครับ ขอบคุณครับ
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินคุณแจหมายถึงตอนนี้ผมยังใช้ไปได้จนก่อนถึง10,000km.ใช่ไหมครับ โดยปกติผมใช้ไม่เคยถึงหรอกครับเพราะอย่างมากผมใช้ถึงแค่ 6000-7000km. ก็ครบกำหนด1ปีแล้วครับ ความจริงเบอร์นี้ผมซื้อติดมาคิดว่าจะใส่ในมอเตอร์ไซค์ BMW R1200c (เพราะคนขายบอกน้ำมันใสๆจะดีหล่อเลี้ยงเครื่องไว โดยเฉพาะboxsterของBMแต่มีเพื่อนที่ใช้บอกว่ามอไซค์BMตัวนี้ระบายความร้อนด้วยอากาศบ้านเรามันร้อนมากอยู่แล้วถ้าน้ำมันใสมากตอนร้อนนี้ไม่ช่วยหล่อลื่นเลยก็เลยเอามาใส่ใน330ciแทนน่ะครับ)ส่วนE46คันนี้ผมไม่ค่อยได้ใช้ในเมืองรถติดยาวๆครับ แต่ก็ไม่ค่อยได้วิ่งทางไกลยาวๆไปกว่าเมืองกาญจ หรือหัวหิน เหยียบสนุกๆย่าน200+บ้าง บนทางพิเศษครับที่ถามก็เพราะผมไม่ค่อยมีความรู้ทางช่างครับเน้นขับอย่างเดียวกะหาอู่ที่ไว้ใจได้ครับ แต่นั่นแหละครับเรื่องน้ำมันเครื่อง ยาง ลมยางเรื่องพวกนี้ถามต่างอู่ ต่างคนขาย ต่างคนใช้คิดเห็นไม่เหมือนกันเท่าไหรเลยอยากได้ข้อมูลที่เป็นกลางและอ้างอิงได้สักหน่อยอะครับ ขอบคุณครับ น้ำมันเครื่องที่ขายบ้านเรา มันมาจากพวก iso-paraffin, cyclo-paraffin ผสมลงไปแทบทุกยี่ห้อครับ ในต่างประเทศบางประเทศ เขาไม่เรียกว่าสังเคราะห์ แต่ในไทย เรียกว่าสังเคราะห์ได้ กลุ่มนี้คือBaseoil Group I หรือ II ราคาถูกผลิตได้ง่าย เพราะเป็นของเหลวเหลือมาจากการกลั่นน้ำมันดิบถ้าถามว่าใช้ถึง 1 หมื่นโลได้ไหม ตอบว่าได้ครับ เพราะมันยังเสื่อมไม่หมดส่วนที่เสื่อมไปก่อน จะเริ่มจับตัวกันเป้นลักษณะของขี้ผึ้ง(crystallize หรือ form wax ) พอมีมากเข้ามันก็จะไปเกาะตามช่องทางเดินน้ำมันเครื่องที่เล็ก ๆในเสื้อสูบ หรือ ส่วนที่มีการไหลของน้ำมันเครื่องช้า เช่นฝาวาล์วก็จะเกิดคราบสีเหลือง สีแดงส้ม พอนานเข้า หรือ ไม่ถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะ มันไหม้ติดกับโลหะที่เกาะก็กลายเป็นคาร์บอน แข็ง อุดตันทางเดินน้ำมัน ส่วนที่หลุดออกได้หลังจากเป็นคราบแข็งก็ทำให้วาล์ว ลูกเบี้ยว สึกหรอก หนักเข้าหน่อยก็ก่อตัวเป็นโคลน เวลาถ่ายน้ำมันเครื่องเก่า เอาน้ำมันเครื่องใหม่ใส่ไป พวก wax จะถูกล้างออกได้เองด้วยกระบวนการครับ แต่ถ้าหนัก ๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกันน้ำมันเครื่อง เบอร์ 30 เมื่อเทียบกับ เบอร์ 40 หรือ 50 จาก เบสoil ชนิดเดียวกัน จะมีคุณสมบัิติการไหลที่อุณหภูมิเดียวกันมากกว่า และมีฟิลม์น้ำมันบางกว่า ทำให้เวลาที่เครื่องร้อน ๆ intake temp เกิน 60-70 องศาเซลเซียส อุณหภูมิภายนอก 30-40 องศา ผนังลูกสูบ 120-200 องศา ฟิลม์น้ำมันที่บางกว่า ก็แตกตัวเสื่อมไปได้ง่ายกว่าครับ ทำให้form wax ได้เยอะกว่าเป็น exponential เลย เลือกใช้น้ำมันที่ส่วนผสมหลากหลาย เช่น PAO+ ESTER+ GroupI, II ก็ช่วยลดการสึกหรอในเครื่องยนต์ได้ดีกว่าครับ เพราะกลุ่ม PAO, ESTER ที่มาจาก GTL มีคุณสมบัิติรวมกันแล้ว ช่วยปกป้อง หล่อลื่น ทำความสะอาด ให้กับ Group I, II ด้วย จะอธิบายคงยาว เอาคำศัพท์ภาษาอังกฤษไปgoogle กันต่อนะครับตอนนี้ที่เห็น MOBIL, SHELL, CALTEX, ตั้งแต่ตัว "กึ่ง" สังเคราะห์ขี้นไป มีการใช้ส่วนผสมพื้่นฐานหลากหลายชนิดเข้าด้วยกัน ทำให้น้ำมันเครื่องมีคุณสมบัิติการปกป้องที่ดีพอ ไม่ต้องไปซื้อยี่ห้อแพง ๆ แปลก ๆ แล้วครับหรือถ้าใช้ยี่ห้ออื่นๆ ก็ลดระยะการถ่ายลงจาก 1 หมื่นกิโลเมตร เป็น 7000 กิโลเมตรก็ช่วยชะล้างเครื่องยนต์ได้ไม่แพ้กันครับ
caltex ใช้น้ำมัน group2 ทั้ง กึ่งสังเคราะและ ธรรมดา ครับ จะดีกว่า group1 แต่ราคาจะแพงกว่า
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินcaltex ใช้น้ำมัน group2 ทั้ง กึ่งสังเคราะและ ธรรมดา ครับ จะดีกว่า group1 แต่ราคาจะแพงกว่าอันนี้ Update ล่าสุดเลยไหมครับ ? เพราะถ้าgroup 2 ล้วน ๆ หนีไปใช้ PTT น่าจะถูกกว่าครับ
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินcaltex ใช้น้ำมัน group2 ทั้ง กึ่งสังเคราะและ ธรรมดา ครับ จะดีกว่า group1 แต่ราคาจะแพงกว่าอันนี้ Update ล่าสุดเลยไหมครับ ? เพราะถ้าgroup 2 ล้วน ๆ หนีไปใช้ PTT น่าจะถูกกว่าครับครับ เป็นgroup2 ทำให้ราคาแพงกว่า ptt เพราะคุณภาพดีกว่า แต่ก็แพงกว่าไม่มากเพราะ น้ำมันเครื่องแข่งขันสูงมาก
zic ก็เปน group iii ผมว่าก็ใช้ได้สบายๆนะครับเพราะเราเปลี่ยนก่อนอยู่แล้ว สบายใจได้
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินzic ก็เปน group iii ผมว่าก็ใช้ได้สบายๆนะครับเพราะเราเปลี่ยนก่อนอยู่แล้ว สบายใจได้ ใช่เหรอครับ ?Chemical identity Common name, synonym CAS number Percentages(%)Distillates, hydrotreated 64742-54-7 87.0~94.5ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินCAS number นี้ถึงจะไม่ได้บอกว่าเป็นGroup ไหน แต่ไม่มี GroupIII CAS number ของน้ำมันใน MSDS ยกเว้น 0.5% ของ Ethylene
group 1 2 3 คืออะไร รบกวนช่วยบอกหน่อยครับ อยากทราบไว้ด้วยคนครับ
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินzic ก็เปน group iii ผมว่าก็ใช้ได้สบายๆนะครับเพราะเราเปลี่ยนก่อนอยู่แล้ว สบายใจได้ ใช่เหรอครับ ?Chemical identity Common name, synonym CAS number Percentages(%)Distillates, hydrotreated 64742-54-7 87.0~94.5ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินCAS number นี้ถึงจะไม่ได้บอกว่าเป็นGroup ไหน แต่ไม่มี GroupIII CAS number ของน้ำมันใน MSDS ยกเว้น 0.5% ของ Ethyleneจริงๆแล้ว cas ตัวนี้ไม่ได้บอกว่าเป็น II หรือ III แต่ตาม msds จะเห็นตัวนี้เป็น base oil ครับอีกอย่าง zic มี vi กับ hths สูงพอๆกับ mobil1 ผมเลยคิดว่าน่าจะเป็น Group III มากกว่าครับ ผิดถูกอันนี้ไม่แน่ใจแต่แน่ๆ group II up
งง ครับ
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอินงง ครับ ตอนนี้บางประเทศกำหนดแยกให้แจง CAS เฉพาะGroup III ไว้ด้วยครับ พวก Hydrocrack group III จะมี CAS ต่างหาก เช่น 178603-64-0, 178603-65-1, 178603-66-2 ครับ ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์ สมัครสมาชิก หรือ ล็อกอิน