#21 เป็น synthetic sealant (ไม่ใช่ขี้ผึ้ง) ไม่ทิ้งคราบสามารถนำมาเคลือบกระจกได้ครับ
ทั้งส่วนอื่นๆ เช่น โคมไฟ หรือแม้แต่วัสดุโครเมี่ยม
#21 ลงง่ายครับ ใช้น้ำยาเพียงนิดเดียวก็ลงได้ทั่วทั้งคันแล้วครับ (คลุมน้ำหนักมือดีๆ ครับ อย่าให้หนาเกิน = เปลืองน้ำยา)
ผมมีเครื่อง DA แบบที่ปรับรอบได้ หลังๆ ก็ยังใช้มือครับ
ที่ร้านมักใช้เครื่องขัดแบบลม ไม่ใช่เพระดีมากมายอะไร เพียงแต่ทำงานง่ายเพราะน้ำหนักเบา สะดวกเพราะต่อปั๊มลม (ซึ่ง
ร้านล้างรถต้องมีอยู่แล้ว) ได้เลย เพราะจริงๆ แล้วเครื่องขัดแบบลมส่วนใหญ่ มันก็คือเครื่องขัดกระดาษทรายแบบลมนั่นเอง
ส่วนเรื่องที่จะหาเครื่องมือมาใช้เองที่บ้าน ถ้าเครื่องแบบ DA ทั่วไปพันกว่าบาท (ปรับรอบไม่ได้) ก็ทำได้เพียงแค่ลงแว็กซ์
ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำ car detailing เท่านั้นหล่ะครับ ซึ่งเครื่องแบบนี้ผู้ใช้มักนิยมดัดแปลงเครื่องโดยแปะ
หนามเตย (เมจิกเทป) ไปที่แป้น เพื่อสามารถเปลี่ยนฟองน้ำแบบเมจิกเทปได้เรื่อยๆ เครื่องแบบนี้หมุนแบบ DA และยัง
แรงน้อย (ปรับรอบไม่ได้) ฉะนั้นปลอดภัยต่อสีรถแน่นอน (เพราะใช้ในงานขัดลบรอยไม่ได้เลย)
จริงๆ แล้วการเคลือบสีแค่ล้างรถเช็ดแห้งแล้วลง #21 มันไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่หรอกครับ อย่างน้อยที่สุดหากตัดเรื่องการ
ลบริ๊วรอยทั้งลึกทั้งบางต่างๆ ทิ้งไป พูดถึงแต่การทำความสะอาดผิวสีเท่านั้น ควรมี่การใช้ดินน้ำมัน (Clay bar) และ/หรือ
ตัว Cleaner (เป็น wax ที่เน้นการทำความสะอาดผิวสี เช่น #6 หรือพวกน้ำยาที่เป็น All-in-1) พวกนี้เป็นการเตรียมพื้นผิว
ให้สะอาดก่อนการลงตัวเคลือบอย่าง #21 แล้วจะได้เห็นถึงประสิทธิภาพของน้ำยาจริงๆ ครับ
เพิ่มเติม
การลง #21 หากต้องการผลงานที่ดีและมีเวลา ให้ลง 2 รอบครับ โดยทิ้งช่วงแต่ละรอบให้น้ำยาเซ็ทตัวประมาณ 12 ชั่วโมงครับ