การเปลี่ยนยางเมื่อยางแตก ไม่ใช่เรื่องยากถ้าเป็นผู้ชายข้อลำล่ำสันหรือเป็นช่าง แต่ถ้าเป็นผู้ชายที่ไม่เคย ผู้หญิงที่ไม่เคย เรื่องง่ายๆ ก็เป็นเรื่องยากๆ ได้ และถ้ารถไม่พร้อมคนที่ว่าเคยก็อาจจะเป็นเรื่องยุ่งยากได้
เรื่องที่ยากทำให้ง่ายได้ ถ้าเคยตรวจวัดลมยาง ตรวจสภาพของยางอะไหล่บ้าง ตรวจเครื่องมือถอดล้อแม่แรงและอุปกรณ์ที่ติดรถอย่างสม่ำเสมอ เรื่องง่ายเป็นเรื่องยากเพราะเมื่อยางแตกถอดยางเสร็จ ยางอะไหล่ไม่มีลม หรือยางมีลมแต่แม่แรงฝืดติดขัดเป็นสนิม เพราะปีชาติไม่เคยตรวจดูเลยว่าพร้อมแค่ไหนที่จะใช้งาน ที่น่าเจ็บปวดก็คือรถมือสองที่ซื้อมายางอะไหล่มี เปิดฝาครอบดูแล้วสภาพดี เอามือกดดูว่ามีลม แต่เมื่อต้องการใช้ด้านที่มองไม่เห็นกลายเป็นฉีกขาดหลุดลุ่ย ลมที่มีก็ไม่พอ ประแจถอดล้อที่เห็นเมื่อนำมาใช้ อ้าว!!!ลมไม่พอ หยิบแม่แรงมาดูเอาเข้าที่ตั้ง อ้าว!!!สนิมกิน เฟืองทดที่หมุนไม่ยอมหมุนใช้ไม่ได้
ครับที่เขียนมาทั้งหมดเกิดขึ้นกับตัวผมเองเมื่อไม่กี่วันนี้ เพราะเชื่อมั่นตัวเองไม่เคยตรวจดูเป็นปีเป็นชาติ ก็เตือนกันเอาไว้เปิดดูท้ายรถเอายางอะไหล่มาตรวจดู ดูแม่แรงและอุปกรณ์ควบที่ใช้ร่วมกัน ประแจขันล้อถูกต้องกับขนาดล้อรถหรือไม่ ถ้าทำได้อย่างสม่ำเสมองานเปลี่ยนยางก็เป็นเรื่องง่ายๆ แต่สิ่งที่ยากถ้าไปกันคนเดียวหรือหลายคนยางแตกบนถนนที่จอแจพลุกพล่าน
เมื่อยางแตกก่อนลงมือเปลี่ยนยางต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของคนให้มากกว่ารถ เรามักจะถูกสอนกันว่ายางแตกจอดรถแอบเข้าข้างทางแล้วเปลี่ยนก็แค่นั้น แต่ถ้าพูดถึงความปลอดภัย การจอดรถชิดขอบทางไม่ใช่เรื่องที่จะปลอดภัยมากนักถ้ายางเส้นที่แตกนั้นอยู่ด้านขวาของตัวรถหรือด้านฝั่งคนขับไม่ว่าจะเป็นล้อหน้าหรือล้อหลัง เพราะลงไปยืนยงโย่ยงหยกบนถนนโดยไม่มีสิ่งกีดขวางหรือกำบังตัวเอง เป็นสิ่งมิควรทำ
ถ้าเอาเรื่องความปลอดภัยของคน(ถอดยาง)มาก่อนผมถ้ายางแตกด้านขวาล้อหน้าผมจะจอดรถชิดขอบทางแต่จะไม่จอดขนานไปกับถนน จะจอดเอาตัวรถบังคนถอดยางไว้เพื่อความปลอดภัยกล่าวคือจอดรถให้เฉียงเป็นมุมประมาณ 45 องศากับเส้นแบ่งช่องทางถนนโดยหักหัวเข้าชิดขอบทางด้านซ้าย ท้ายรถมุมด้านขวาจะอยู่ในตำแหน่งบังส่วนหน้าของตัวรถเอาไว้ได้ส่วนหนึ่ง หรือพูดง่ายว่า ด้านท้ายของรถจะเป็นเกราะให้คนที่กำลังถอดยางหรือขึ้นแม่แรงอยู่