ส่วนตัวแล้ว เป็นคนรักรถมากครับ โดยเฉพาะเรื่องความสะอาดและเงางามของรถ รถเป็นส่วนหนึ่งที่คนจะมองคุณว่าเป็นคนอย่างไร
การที่คุณมีรถที่มียี่ห้อดี ก็ทำให้คุณดูดีในสายตาใครหลายคนไปกว่าครึ่ง แต่อีกครึ่ง มันอยู่ที่ความสะอาดและเงางามของรถ
ถ้ารถคุณยี่ห้อดี แต่ดูไม่สะอาด มันก็จะดูไม่ดีในสายตาคนอื่น ในเรื่องภาพลักษณ์ของคุณเอง ตรงข้ามกับรถที่อาจจะยี่ห้อไม่ดังนัก
ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรนัก แต่สะอาด เงางาม สะดุดตา อย่างนี้ คนที่มองก็เห็นภาพลักษณ์ของคุณแล้วว่าเป็นคนอย่างไร
ผมก็พอมีความรู้เรื่อง wax ที่สำหรับขัดเงารถยนต์อยู่บ้าง จึงอยากนำมาแชร์ ให้สมาชิกเว็บE46ได้ความรู้กันบ้าง ถึงจะไม่มากมายอะไร
แต่ก็อาจเป็นแรงบันดาลใจให้ท่านอื่นๆ ได้ดูแลรักษารถตัวเองบ้าง
บทความข้างล่าง จากเว็บอ้างอิง
ไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์
สมัครสมาชิก หรือ
ล็อกอินไม่อนุญาตให้คุณมองเห็นลิงค์
สมัครสมาชิก หรือ
ล็อกอินผมได้คัดลอกและนำมาดัดแปลง เพื่อให้สมบูรณ์ขึ้นเสริมข้อมูลให้มากขึ้น
เริ่มต้นกันเลยครับ แว็กซ์ขัดเงารถยนต์(และอื่นๆเช่น เรือ มอเตอร์ไซค์) ในโลกนี้ มี2ชนิดครับ
คือ แว็กซ์ที่ได้จากธรรมชาติ และ แว็กซ์ที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้น
จากธรรมชาติ ที่ได้ยินกันบ่อยสุดคือ คานูบา (ขี้ผึ้งขัดเงา) นั่นเอง
ส่วนที่สังเคราะห์ขึ้น ก็พวก ซิลิโคน โพลิเมอร์ (น้ำยาขัดเคลือบ)
แวกซ์คานูบาขัดเงาฉ่ำ
หลายคนที่ใช้รถจะต้องรู้จักกับแวกซ์คานูบาแน่นอน ซึ่งจะให้ความเงางามและเงาสะท้อนแบบสุด ๆ เลยล่ะ โดยสกัดมาจากต้นคานูบา (Carnuaba) ต้นไม้ตระกูลปาล์มหน้าตาคล้าย ๆ ต้นตาลแต่พุ่มใหญ่กว่าที่พบได้ทางเหนือของบราซิล ซึ่งต้นไม้ดังกล่าวจะมีสารที่เคลือบผิวใบไม้อยู่ ช่วยปกป้องใบไม้จากแสงแดด น้ำฝน และรอยขีดข่วนต่าง ๆ ได้ รวมถึงยังมีช่องอากาศที่เปิดให้ใบไม้หายใจได้ จึงมีผู้นำมันมาสกัดใช้กับหลายอย่างมากมายตั้งแต่ขนมลูกอมต่าง ๆ ที่จะไม่ละลายในมือ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์เคลือบเงาอื่น ๆ ด้วย
ภาพข้างล่างนี้คือ ต้นปาล์มคานูบา ครับ คล้ายต้นตาลบ้านเราเลย ว่ามั๊ย



สารเคลือบคานูบาจะถูกสกัดจากใบไม้ที่ตากแห้งด้วยเครื่องปั่นและนำไปผสมกับสารเคมีอื่น ๆ เพื่อให้มีลักษณะเป็นขี้ผึ้งอย่างที่เห็น ซึ่งสัดส่วนการผสมของตัวสารที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 1 ใน 3 ของทั้งหมด แต่หากพบว่าหน้ากล่องผลิตภัณฑ์เขียนว่า มีคานูบา 100 เปอร์เซ็นต์นั้นไม่ต้องตกใจว่าเขาโกหกนะ แต่เขาจะบอกว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ใช้คานูบาบริสุทธิ์ ไม่ได้ผสมสารเคมีเคลือบเงาอื่น ๆ ซึ่งแบบนี้จะมีราคาสูงกว่าแบบผสม
ภาพข้างล่างคือ คานูบา ที่สกัดจากต้นเรียบร้อยแล้ว


คานูบาก็เหมือนพืชทั่วไปที่มีเกรดของมันตามพื้นที่และสายพันธุ์ด้วย โดยเกรดที่ดีที่สุดนั้นจะพบได้บริเวณทางเหนือของบราซิล ซึ่งเมื่อสกัดออกมาแล้วจะเป็นผงสีเหลือง โดยมากนิยมนำไปผสมเป็นแวกซ์สำหรับรถหรูหรือเคลือบเม็ดยา ยิ่งกว่านั้น ผู้ผลิตบางรายได้นำผงสีเหลืองมาผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ ให้เป็นสีขาวซึ่งเมื่อเพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อนำไปทำเป็นแวกซ์แล้วจะไม่ทำให้สีของรถเพี้ยน รวมทั้งยังให้ความเงางามและเงาสะท้อนมากกว่าเดิมด้วย
ด้วยคุณสมบัติที่เอ่ยไปข้างต้นว่าสารเคลือบใบคานูบาช่วยปกป้องใบไม้จากความร้อน ฝน และรอยขีดข่วนได้ ดังนั้น แวกซ์คานูบาจึงมีคุณสมบัติดังกล่าวแบบเต็ม ๆ โดยสามารถทนความร้อนได้ถึง 86 องศาเซลเซียส พื้นผิวลื่นจนละอองน้ำและน้ำมันไม่สามารถเกาะได้ สามารถปกป้องสีรถจากยูวีหรือสารอื่น ๆ ที่ทำลายสีรถ รวมถึงทำให้พื้นผิวทนทานมากขึ้น ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี
แต่ข้อเสียของแวกซ์คานูบาคือ วิธีใช้งานที่ยากสักหน่อยหากไม่เชี่ยวชาญ แถมยังต้องขัดถูอยู่นานจนขึ้นเงา แถมยังมีอายุการใช้งานสั้น โดยตัวแวกซ์สามารถเคลือบรถได้เพียง 6-8 สัปดาห์เท่านั้น ทำให้คนใช้รถที่ต้องการความเงางามจับใจพร้อมการปกป้องแบบจัดเต็มคงต้องขยันลงแวกซ์หน่อยนะครับ
น้ำยาเคลือบสี(แว็กซ์สังเคราะห์) น้ำยาเคลือบสีสุดทนทาน
ผลิตภัณฑ์เคลือบเงาอีกชนิดหนึ่งที่เป็นขั้วตรงข้ามของแวกซ์คานูบา เพราะไม่มีส่วนผสมใด ๆ จากธรรมชาติเลย โดยทำมาจากโพลิเมอร์พร้อมสารสังเคราะห์อีกมากมาย ซึ่งน้ำยาเคลือบเองก็ให้ความเงางามได้ไม่แพ้แวกซ์ แต่มีเงาสะท้อนที่ไม่ลึกเท่าแวกซ์คานูบา
น้ำยาเคลือบสีรถได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะกับคนที่ต้องการปกป้องสีรถ เพราะ จุดขายของน้ำยาเคลือบสีแบบเคมีก็คือระยะเวลาที่ยาวนานแบบสุด ๆ ต่างจากแวกซ์ โดยเหล่าน้ำยาเคลือบสีจะสามารถแสดงความเงางามและปกป้องสีผิวรถได้นาน 4-6 เดือนเลยทีเดียว และในบางชนิด อาจทำได้ถึง 1 ปีเลยด้วย
นอกจากนี้ น้ำยาเคลือบสีรถยังใช้งานได้ง่าย เพียงเทลงบนผ้าแล้วก็ลูบให้ทั่วเท่านั้น ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นาน ต่างจากแวกซ์คานูบาซึ่งต้องออกแรงขัดจนขึ้นเงา ดังนั้น น้ำยาเคลือบสีจึงเหมาะกับคนที่มีเวลาดูแลรถไม่มากและต้องใช้งานรถทุกวัน แต่ต้องการตัวถังที่เงางามและป้องกันรอยได้ประมาณหนึ่ง แต่ข้อเสียของน้ำยาเคลือบสีก็มีเช่นกัน ให้ความเงางามไม่สูงเท่าแวกซ์คานูบา
เห็นไหมล่ะว่า ทั้งสองอย่างสามารถให้รถเงางามได้แท้ ๆ แต่ก็คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์เคลือบเงาทั้งสองก็แตกต่างกันมากทีเดียว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่ว่าคุณอยากได้แบบไหน หากชอบรถที่เงางาม มองเข้าไปเห็นภาพสะท้อนลึกสุด ๆ มีความนวลเนียนมาก ๆ โดยมีเวลาดูแล ก็อาจจะเลือกใช้แวกซ์คานูบา แต่หากไม่มีเวลามากนัก แถมยังต้องใช้รถทุกวัน ต้องการความเงาเคลือบลงบนผิวไม่ให้รถดูสกปรกจนเกินไป น้ำยาเคลือบสีก็เป็นคำตอบที่ดีทีเดียวล่ะครับ
เลือกแว็กซ์ให้เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศ
การใช้แว็กซ์ที่เหมาะกับสภาพดินฟ้าอากาศ สำหรับท่านที่แว็กซ์ประจำหรือเป็นเจ้าของแว็กซ์อยู่แล้วก็จะสังเกตุเห็นถึงความสามารถของแว็กซ์ท่านในสภาพอากาศที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น หน้าหนาว ฝุ่นจะเกาะบนรถมากกว่าปรกติ เนื่องจากอากาศที่แห้ง จึงมี statics หรือ ไฟฟ้าสถิตย์ที่เยอะมาก ฝุ่นเลยลงไปจับบนผิวรถมากขึ้นกว่าปรกติ คราวนี้เราจะเลือกแว้กซ์อย่างไรให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างเมืองไทยล่ะครับ อันนี้ต้องอาศัยการสังเกตุและการใช้งานกับสินค้าจริงด้วย
1 หน้าร้อน หรือ ช่วงที่มีแดดจัด อันนี้ผมว่าปัญหาการเลือกใช้กับแว็กซ์ค่อนข้างน้อย แต่จะเกิดมากกับการลงแว็กซ์มากกว่า เช่น บางชนิดมีน้ำมันกลบรอยมาก เวลาลงหนาหรือบาง (การแว็กซ์ด้วยมือสำหรับแว็กซ์ประเภทนี้นั้น จะมีแรงกดไม่เท่ากัน) จะทำให้เกิดเป็นรอยทางๆหรือเป็นวงๆเกิดขึ้น เหมือนกับว่าบางส่วนลงแล้ว แต่บางส่วนยังไม่ได้ลง ซึ่งการลงควรจะเป็นการลงด้วยเครื่องเพื่อความเนียนหรือเงางามที่สุด
2 หน้าฝน ผมขอแนะนำแว็กซ์ที่เป็นแว็กซ์สังเคราะห์ เนื่องจากว่าแว็กซ์ประเภทนี้มีคุณสมบัติในการรีดน้ำแบบ Sheeting หรือรีดน้ำออก ไม่ทำให้น้ำเกาะติดเวลาเราขับรถ และมีความคงทนมากกว่าแว็กซ์ที่เป็นคาร์นูบ้ามากกว่า จึงแนะนำให้ใช้แว็กซ์แบบสังเคราะห์แบบไม่มีคาร์นูบ้าผสมครับ ส่วนยี่ห้ออะไรนั้น ก็หลากหลาย
3 หน้าหนาว การลงก็คล้ายๆหน้าร้อน แต่ถ้าแว็กซ์มีส่วนผสม Anti Statics ก็จะช่วยทำให้รถของท่านมีฝุ่นเกาะน้อยลง เท่าที่ผมเคยได้ยินมา จะมีไม่กี่ยี่ห้อนะครับ ในหน้านี้ก็สามารถใช้แว็กซ์คาร์นูบ้าได้เหมือนกัน
เรื่องสุดท้ายก็คือ ชนิดของแว็กซ์ครับ
ทั้งแว็กซ์จากธรรมชาติและแว็กซ์สังเคราะห์ จะแบ่งออกอีก2ประเภทคือ
1 แว็กซ์ที่ผสมสารทำความสะอาด หรือ cleaner wax
อันนี้ จะทำความสะอาดพื้นผิวในขณะที่เราลง เคยสังเกตุมั๊ย ทำไมแว็กซ์ที่คุณลง บางทีมันสามารถขัดคราบต่างๆได้ ขัดยางมะตอยได้ นั่นก็เพราะแว็กซ์ตัวนั้น เป็นแบบที่มีสารช่วยทำความสะอาดด้วย แว็กซ์ชนิดนี้ มีขายตามท้องตลาดเป็นส่วนใหญ่ครับ ไปซื้อเซเว่นยังมีขายเลย ข้อดีของมันคือ นอกจากจะให้ความเงางามแล้ว มันยังช่วยทำความสะอาดพื้นผิวของรถยนต์อีกด้วย ลงง่าย สะดวก ราคาถูก แต่ข้อเสียคือ มันไม่ทดเท่าแว็กซ์ชนิดที่สองที่กำลังจะเอ่ยถึงครับ
ภาพแว็กซ์ชนิดมีสารทำความสะอาด ทั้งแบบสังเคราะห์และธรรมชาติ

2 แว็กซ์ที่ไม่มีสารทำความสะอาด แต่จะทำหน้าที่เคลือบสีอย่างเดียว หรือ Finish wax
แว็กซ์ชนิดนี้ มีหน้าที่เดียวเท่านั้น คือ ให้ความเงางามอย่างที่สุด และเกาะติดพื้นผิวของรถยนต์ทนที่สุด ปกป้องดีที่สุด ส่วนใหญ่มักจะใช้ในงาน car show เพราะรถยนต์ที่จะลงแว็กซ์ตัวนี้ พื้นผิวจะต้องสะอาดที่สุด เพราะแว็กซ์ตัวนี้ไม่มีcleanerช่วยทำความสะอาดพื้นผิว ข้อดีของแว็กซ์ชนิดนี้คือ เงางามและทนมากกว่าแบบแรก ข้อเสียคือ ราคาแพงและไม่มีสารช่วยทำความสะอาดพื้นผิว
ภาพแว็กซ์ที่ไม่มีสารทำความสะอาด แต่จะทำหน้าที่เคลือบสีอย่างเดียว หรือ Finish wax ทั้งแบบสังเคราะห์และธรรมชาติ


ปกติ ผมจะใช้แว็กซ์ทั้งสองประเภท แล้วแต่โอกาส และใช้ทั้งแว็กซ์แบบธรรมชาติและสังเคราะห์ด้วย สลับกันไป แล้วแต่โอกาสเช่นกัน
ใครมีความรู้อย่างอื่นอยากเสริม ก็ดีเลยครับ ความรู้ความเข้าใจจะได้แน่นขึ้น เพราะความรู้ของผม ได้มาจากการอ่านบทความในต่างประเทศ
และบทความในประเทศแล้วนำมาสรุปหาใจความสำคัญ เพื่อให้เข้าใจง่าย