m43tu ไม่ต้องถึงขั้น OBD ก็ได้ โดยเฉพาะรถบ้านเดิม ๆ ที่ไม่ได้ต้องการแมปหรือ adaptive อะไรเยอะ แต่ถ้าติดไว้เผื่อความสบายใจก็แล้วแต่ (เอาหล่อด้วย) และ OBD ของแก๊สสามารถตรวจจับอาการเครื่องเสียในบางส่วนได้ด้วย ไม่ต้องไปพึ่ง GT1 ถ้าหาสายจูนกับมีโน๊ตบุ๊ค แล้วก็ความสามารถแบบนิด ๆ หน่อย ๆ

อันนี้ตรวจเจอว่าเป็นที่ลูกเบี้ยว แล้วก็เอาโค๊ดไปหาต่อว่าตัวไหน ถอดยังไง แล้วก็ทำเอง (เสียดายไม่มีเวลา ให้ช่างทำให้อยู่ดี)
OBD ของแก๊สมันคือการดึงข้อมูลจาก OBD รถยนต์มาเทียบ และ Audo-Adaptive การฉีดแก๊สแบบ น้ำมันช้าน้ำมันเร็ว หรือ Fast Trim - Slow Trim ซึ่งถ้าไม่ใช่ OBD ก็มี เป็นแบบใกล้เคียงกัน คือระบบ ISA2 ของ AC Stag เทียบกราฟเป็นแบบ 3 มิติ (ถ้าเป็น ISA2 วิ่งเก็บกราฟก่อน ถ้าเป็น OBD ไม่ต้อง มันแมปได้เลย แต่ก็ยังไม่แม่นอยู่ดี)
และถ้าไม่ได้ Remap รถมา แล้วใช้แก๊ส OBD เทียบค่า รถจะวิ่งไม่ได้สากกระเบือ เพราะมันเทียบกับค่ากล่องเดิม สุดท้ายก็ต้องใช้ช่างแมปแก๊ส ที่สามารถแมปให้มันดีกว่าน้ำมัน (ชดเชยในส่วนที่หนาไปหรือบางไป แล้วเปิด Auto-Adaptive ในบางฟังค์ชั่นของตัวกล่อง OBD คือช่างให้เก่งแค่ไหนมันก็ต้องมีชดเชยกัน)
สรุปสั้น ๆ หน้าที่ของ OBD คือ ดึงค่าที่รถมันใช้งานมาให้คนจูนแก๊สได้เห็น คนจูนแก๊สจะใช้ไม่ใช้ก็สุดแล้วแต่เขา มันตรวจเวลาเครื่องเสียในบางประการได้
แก๊ส ต้องเลือกยี่ห้อที่เราสามารถเข้าถึงได้ทุกส่วน รู้ว่าหัวฉีดยี่ห้อไร รุ่นไร สายรุ่นไร หม้อต้มแรงดันเท่าไหร่ รับแรงม้าได้เท่าไหร่ ต้องมีโปรแกรม มีสายจูน เช็คแก๊สได้ตลอด (พกติดรถไว้เป็นการดี เผื่ออยากลองแมปใหม่ ๆ เพิ่มแรงบิดแรงม้า) มีชื่อเสียง แพร่หลาย คนใช้เยอะ ห่วยแตกก็มี (ยี่ห้อที่มันซื้อ AEB อิตาลี่มา มีไม่กี่ยี่ห้อหรอก สีฟ้า ๆ สองพี่น้องโปรโมต นั่นไงแพร่หลาย)
และระบบหัวฉีดไม่มี OBD มันมีทั่วตลาด จะหัวฉีดจะมิกเซอร์มันไม่ได้เกี่ยวกับมี OBD หรือไม่มีเลย
และ Auto-Tune (Adaptive) ไม่ใช่การจูนแล้วจบ มันคือการจูนให้เห็นภาพ เพื่อที่จะเอาไปวิ่งแล้วลองโหลดหนักโหลดเบา เอาจริง ๆ ให้แน่ต้อง A/F Sensor ที่ปลายท่อแล้วขึ้นไดโน่วิ่ง สุดท้ายก็ต้องแก้กันอยู่ดี ถ้าใครโดนช่าง Auto-Tune แล้วบอกจบแนะนำให้ขับรถออกแล้วเขวี้ยงถังแก๊สใส่ร้าน เพราะยังไงมันก็ไม่จบ (หรืออาจจะจบสำหรับคนที่ไม่คิดมากเกี่ยวกับรถ สตาร์ทติดขับได้ อืดช่างหัวมัน วันหลังก็วาล์วบิน)